ข้าปล่อยเจ้าไปมิได้

1442 คำ
เรียวลิ้นของเขาที่กวาดต้อนลิ้นเล็กของนาง ราวกับจะทำให้นางรู้ว่าเขากำลังมีโทสะมากเพียงใด อวี้หลิงที่ถูกดูดลิ้นอย่างแรง นางเจ็บจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา พอลืมตาขึ้นดู จึงได้รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง มิใช่ว่านางกำลังฝันไป “ทะ ท่าน” เสียงของนางหลุดออกมาจากปากได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ที่เหลือล้วนแต่ถูกหวังหรงจื่อดูดกลืนกลับลงลำคอของเขาไป ฝ่ามือหนายึดใบหน้างามใบแน่น เพื่อไม่ให้นางถอยหนีออกไปได้ มือทั้งสองข้างของอวี้หลิง ถูกเขารวบยึดเอาไว้เหนืออยู่ข้างบนศีรษะของนาง “หะ หายใจ มะ ไม่” นางหายใจไม่ทัน เมื่อเขาไม่เปิดโอกาสให้นางได้หายใจเลย “สตรีเจ้าเล่ห์เช่นเจ้า ข้ารู้หากข้าถอนริมฝีปากออก เจ้าจะร้องให้คนช่วยใช่หรือไม่ แต่ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน หากเจ้าร้องออกมา...รู้ใช่หรือไม่ ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น” เขาข่มขู่นาง โดยที่ไม่ยอมถอนริมฝีปากออก “อื้ออออ” อวี้หลิงโกรธจนกัดลิ้นของเขาอย่างแรง นางยังได้กลิ่นคาวเลือดที่คลุ้งอยู่ในริมฝีปากของนาง แม้จะเจ็บปวดเพียงใด หวังหรงจื่อก็ยังไม่ยอมถอนริมฝีปากออกง่ายๆ “หลิงหลิง เป็นเด็กดีหน่อย” เขาขบเม้มริมฝีปากอวบอิ่ม เพื่อให้นางยอมเปิดปากออกอีกครั้ง “ฮึก...” นางสะอื้นออกมาอย่างเหลืออด ทั้ง ๆ ที่นางยอมถอยห่าง เปิดทางให้เขากับสหายสนิทแล้ว แต่เหตุใดถึงไม่ยอมปล่อยนางไปเช่นนี้ จะเล่นกับความรู้สึกของนางไปถึงเมื่อใด “หลิงหลิง” หวังหรงจื่อลูบไล้ใบหน้างามที่อาบไปด้วยน้ำตาอย่างปวดใจ เขาบรรจงจูบซับน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาคู่งามทุกหยดอย่างใส่ใจ “เหตุใด เหตุใดถึงทำกับข้าเช่นนี้” นางช้อนสายตามองเขาอย่างตัดพ้อ นางผิดอันใด ถึงได้ยังวุ่นวายกับนางไม่เลิก หากต้องการให้นางไปเป็นอนุ อย่าพูดถึงว่าบิดามารดาของนางไม่ยอมเลย แม้แต่ตัวนางก็ไม่เคยคิดเช่นกัน “ข้าปล่อยเจ้าไปไม่ได้” หวังหรงจื่อสวมกอดนางเอาไว้แน่น พร้อมทั้งซุกใบหน้าลงกับซอกคอขาวของนาง “ตะ แต่ ท่านกำลังจะหมั้นหมาย ตัวข้าก็เช่นกัน” นางเอ่ยเสียงสั่นอย่างปวดใจ ก่อนหน้านี้เหตุใดไม่แสดงออกว่าต้องการนาง หากเขาแสดงออกเพียงเสี้ยวของที่ทำอยู่ในตอนนี้ นางจะไม่มีทางปล่อยให้เขาไปหมั้นหมายกับไป๋ซีม่านอย่างแน่นอน แม้จะต้องแลกด้วยชื่อเสียงที่เลวร้ายก็ตาม “...” หวังหรงจื่อไม่เอ่ยตอบอะไรออกมา เป็นจริงเช่นที่นางพูดตัวเขากำลังจะเข้าพิธีหมั้นหมายกับไป๋ซีม่านในอีกไม่ช้านี้ “ถือว่า...ข้าขอความเห็นใจจากท่าน ได้โปรดอย่าได้เข้ามายุ่งวุ่นวายกับข้าอีก” ทุกครั้งที่นางตัดใจได้ เขาจะปรากฏตัวมาให้นางสั่นไหวเสียทุกครั้งไป “หลิงหลิง” เขากอดนางแน่นกว่าเดิม ด้วยไม่กล้าที่จะรับปากกับนาง เสียงฝีเท้าของสาวใช้ที่เดินเข้ามาใกล้ห้องของอวี้หลิง ทำให้หวังหรงจื่อ จำต้องปล่อยตัวนางแล้วกลับออกไปอย่างอาลัยอาวรณ์ “ข้าจะกลับมาอีกหน เจ้าอย่าได้รับปากตระกูลจางอย่างเด็ดขาด” เขากดจูบที่ริมฝีปากของนางแรงๆ หนึ่งที ก่อนจะยอมออกอย่างห้องของอวี้หลิงไปอย่างไร้เสียงเช่นตอนที่เข้ามา อวี้หลิง ได้แต่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม นางกัดริมฝีปากเอาไว้แน่น เพื่อไม่ให้เสียงสะอื้นของนางทำให้สาวใช้ที่เดินเข้ามาได้ยินเข้า “คุณหนู เหตุใดถึงได้ห่มผ้าจนมิดเช่นนี้เล่าเจ้าคะ” เสี่ยวเถาจะดึงผ้าออก เพื่อดูว่าอวี้หลิงนางไม่สบายหรือไม่ “ไม่ ข้าเพียงแค่หนาวเท่านั้น เจ้าออกไปเถิด ข้าอยากพักต่ออีกหน่อย” นางพยายามทำเสียงให้ไม่สั่น เพื่อไม่ให้เสี่ยวเถาจับได้ “แต่ว่า...” “ไปเถิด ข้ามิเป็นอันใด เพียงแค่ไม่ได้ออกไปด้านนอกนาน ข้าจึงอ่อนเพลียเล็กน้อย ไว้ข้าตื่นแล้ว จะเรียกเจ้าก็แล้วกัน” “เจ้าค่ะ” เสี่ยวเถายอมออกไปง่ายๆ เมื่อเห็นว่าคุณหนูของตนไม่ได้นอกไปร่วมงานด้านนอกมานานจริง หากนางอ่อนเพลียก็ไม่แปลกนัก พอเสี่ยวเถาออกไป อวี้หลิงนางก็เปิดผ้าห่มออก สายตาของนางจ้องมองเพดานห้องอย่างไร้สติ คิดให้ตายก็ไม่เข้าใจถึงเหตุผลที่หวังหรงจื่อบุกเข้ามาหาภายในห้อง ฟ้าด้านนอกเริ่มมืด อวี้หลิงนางจึงได้ลุกขึ้นไปส่งกระจก เมื่อเห็นว่าตาและปากมิได้บวมแดงแล้วจึงเรียกให้เสี่ยวเถาเข้ามาล้างหน้าให้นาง “คุณหนูจะรับมื้อเย็นเลยหรือไม่เจ้าคะ” “ไม่ ท่านแม่พักผ่อนแล้วหรือยัง” “บ่าวเพิ่งกลับมาจากเรือนฮูหยินเมื่อครู่ ยังมิได้พักผ่อนเจ้าค่ะ” “เจ้าให้สาวใช้ไปแจ้งท่านแม่ คืนนี้ข้าจะย้ายไปนอนที่เรือนของท่านแม่ ให้เตรียมห้องด้านข้างให้ข้าด้วย” “มีอันใดหรือไม่เจ้าคะ” เสี่ยวเถาแปลกใจไม่น้อย ตั้งแต่แยกเรือนเมื่ออายุเจ็ดหนาว อวี้หลิงก็ไม่เคยคิดจะไปพักที่เรือนหลักอีกเลย “ข้ามิค่อยจะสบายตัว สงสัยลมในห้องจะแรงเกินไป เจ้าส่งคนไปบอกเถิด ประเดี๋ยวฟ้าจะมืดเสียก่อน” “จะ เจ้าค่ะ” เสี่ยวเถามองไปรอบห้อง นางไม่เห็นว่าจะมีส่วนใดที่ลมจะพัดเข้ามาแรงเช่นที่อวี้หลิงนางบอกเลย แต่ก็ยอมไปสั่งความกับสาวใช้ให้นาง ฮั่วหย่งและซูซื่อก็แปลกใจไม่น้อยที่บุตรสาวจะมานอนค้างที่เรือนของตนเองด้วย ยิ่งข้ออ้างที่นางใช้ พวกเขายิ่งไม่เชื่อแล้วใหญ่ แต่ก็ยอมเตรียมห้องเอาไว้ให้นาง พออวี้หลิง กินมื้อเย็นและอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว นางจึงได้เดินมาที่เรือนของบิดามารดาพร้อมกับเสี่ยวเถา “เกิดอันใดขึ้นกันแน่หลิงหลิง” ฮั่วหย่งเอ่ยถามบุตรสาวขึ้นมาทันที “ไม่มีอันใดเจ้าค่ะ เรื่องที่พูดคุยกับตระกูลจางวันนี้ ทำให้ข้ารู้ว่าคงได้อยู่กับท่านพ่อ ท่านแม่อีกไม่นาน จึงอยากจะมาค้างที่เรือนของพวกท่านก็เท่านั้น” นางเอ่ยตอบด้วยใบหน้าที่ใสซื่อ “เอาเถิด แม่ก็ยังมิอยากให้เจ้ารีบร้อนออกเรือน แต่ดูท่าแล้วตระกูลจางคงจะใจร้อนยิ่งนัก” ซูซื่อเอ่ยออกมาอย่างปวดใจ บุตรสาวของนางถึงวัยออกเรือนแล้ว จะรั้งให้อยู่ต่อก็กลัวว่าจะหาบุรุษที่ดีเช่น จางสิงเทียนไม่ได้แล้ว “ท่านแม่ ข้ามิได้ไปหาท่านตา ท่านยายมานานมากแล้วเจ้าค่ะ ข้าว่าจะไปพักที่จวนท่านตา สักหลายวันหน่อย ท่านเห็นเป็นเช่นใดบ้าง” อวี้หลิงเข้าไปกอดแขนของซูซื่ออย่างออดอ้อน “เห็นจะจริง เช่นนั้นเจ้าก็ไปเถิด ท่านยายบ่นถึงเจ้ามิได้ขาดปาก หลังๆ มานี้เจ้าไม่เคยไปให้พวกท่านพบหน้าเลย” อวี้หลิงยิ้มแห้งมองมารดา คงตั้งแต่ที่นางสนใจเพียงแค่หวังหรงจื่อเท่านั้น แม้แต่จวนท่านตา ท่านยายที่อยู่ห่างกันไม่ถึงหนึ่งก้านธูป (ประมาณ15นาที) นางก็ไม่เคยไปเยือนเลย ฮั่วหย่งและซูซื่อ เอ่ยถามเรื่องที่อวี้หลิงนางจะไปที่จวนตระกูลซู อีกเพียงไม่กี่ประโยคก็แยกย้ายกลับไปที่ห้องนอนของตนเอง อวี้หลิง ถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก แล้วขึ้นไปนอนบนเตียง แต่จะนอนอย่างไรนางก็ไม่อาจจะข่มตาหลับลงได้อย่างง่ายๆ ด้วยนางเคยชินกับที่นอนของนางเสียแล้ว กว่าจะหลับลงได้ก็ผ่านไปเสียค่อนคืน หวังหรงจื่อย้อนกลับมาที่ห้องของอวี้หลิงอีกครั้งตามที่เขาพูดเอาไว้จริงๆ แต่เมื่อเข้ามาด้านในก็ไม่พบร่างงามอยู่ภายในห้อง “เจ้าตัดใจจากข้าได้แล้วจริงรึ” เขาพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะวางถุงหอมที่อวี้หลิงเคยปักเอาไว้ให้เขาที่ข้างหมอนนาง เพื่อยืนยันว่าเขาได้มาตามที่พูดเอาไว้จริงๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม