เมื่อชายหนุ่มคุยธุระเสร็จสิ้นแล้วเขาก็รีบกลับเข้าไปหาหญิงสาวทันที
“นายต้องการเงินเท่าไหร่ก็บอกมา เดี๋ยวฉันจะให้พ่อขนมาให้ถึงที่เลย”ทันทีที่เทปกาวหลุดออกจากปากหญิงสาวก็รีบยื่นข้อเสนอให้ชายหนุ่มด้วยความกล้าทั้งหมดที่มี
“ไอ่เงินอ่ะฉันไม่อยากได้หรอก”ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวแล้วกระซิบที่ข้างหูเธอเบาๆอย่างน่าขนลุก
“แล้วนายต้องการอะไร”ดวงตาคู่สวยจ้องชายร่างกำยำตรงหน้าด้วยท่าทีหวาดกลัวเมื่อรู้ตัวว่าไม่ได้โดนลักพาตัวเพื่อเรียกค่าไถ่เฉยๆ
“ก่อนหน้ายังทำใจดีสู้เสืออยู่เลย”ชายหนุ่มเชยคางหญิงสาวแล้วจ้องใบหน้าเรียวเล็กอย่างต้องการเย้ยหยัน
“นายต้องการอะไรจากฉันกันแน่”ส่วนเธอที่เห็นดังนั้นจึงสะบัดหน้าหนีอย่างหวงเนื้อหวงตัว
“อย่ามาทำหวงเนื้อหวงตัวหน่อยเลย”ชายหนุ่มกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชาแล้วเอามือออกจากคางได้รูปของหญิงสาวตรงหน้า
“นายต้องการอะไรกันแน่”ดวงตาคู่สวยจ้องใบหน้าคมเข้มอย่างต้องการคำตอบ
“เดี๋ยวก็รู้เอง”ชายหนุ่มกล่าวกับหญิงสาวก่อนจะเดินออกจากกระท่อมหลังน้อยไป
“นั่นนายจะไปไหน กลับมาก่อน!”เมื่อหญิงสาวถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวเธอจึงรีบวิ่งตามชายหนุ่มโดยที่ลืมไปว่าขาของเธอนั้นถูกโซ่ล่ามเอาไว้
“ฉันจะเข้าไปในเมือง”ชายหนุ่มหันมาตอบหญิงสาวก่อนจะขึ้นรถกระบะคันเก่า
“ไม่นะ อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวฉันกลัวผี”เมื่อหญิงสาวรู้ตัวว่ากำลังถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวเพียงลำพังกลางป่าซึ่งไม่มีผู้คนอยู่อาศัย เธอจึงพยายามแกะโซ่ที่ขาออกเพื่อวิ่งตามชายหนุ่มขึ้นรถ
“ที่นี่ไม่มีผี มีแต่งูกับเสือ”ชายหนุ่มกล่าวกับหญิงสาวก่อนที่จะเลื่อนกระจกรถขึ้นจากนั้นเขาก็ขับรถออกไปโดยที่ไม่สนใจเสียงร้องโวยวายของเธอ
“งู เสือ”เมื่อหญิงสาวนึกถึงสัตว์ร้ายที่สามารถคร่าชีวิตผู้คนเธอจึงรีบกลับเข้าไปในกระท่อมหลังเล็กแล้วปิดประตูหน้าต่าง จากนั้นเธอก็นอนคดตัวร้องไห้อยู่บนแคร่ไม้ไผ่อย่างคนสิ้นหวัง หญิงสาวนอนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งตะวันเริ่มลับขอบฟ้า
“เขากลับมาแล้ว”หญิงสาวรีบลุกออกไปเปิดประตูเมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์ที่คุ้นเคย
“นี่ข้าวของสำหรับเธอ”ชายหนุ่มเดินกลับเข้าไปในกระท่อมหลังเล็กแล้วยื่นถุงใบใหญ่ให้กับหญิงสาวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ไอ่คนชั่วแกทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง”นอกจากหญิงสาวจะไม่รับถุงใบใหญ่จากชายหนุ่มแล้วเธอยังใช้กำปั้นทุบตีเขาอย่างบ้าคลั่ง
“เป็นบ้าอะไรของเธอเนี่ย!”ชายหนุ่มที่เห็นดังนั้นจึงปาถุงใบใหญ่ลงพื้นแล้วตะคอกเสียงดังใส่ร่างเล็กจนเธอผวา
“ก็นายทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียว”หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นและยังคงใช้กำปั้นเล็กๆทุบตีเขาไม่หยุด
“เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้กล้าทำแบบนี้กับฉัน”ชายหนุ่มรวบแขนทั้งสองข้างของหญิงสาวจากนั้นเขาก็จ้องดวงตาคู่สวยอย่างต้องการเอาเรื่อง
“อย่าทิ้งฉันไว้แบบนี้อีกได้มั้ย”ส่วนหญิงสาวร้องขอชายหนุ่มด้วยน้ำตา
“เก็บน้ำตาของเธอไว้ใช้ตอนพ่อตายมันจะมีประโยชน์กว่า และอย่ามาร้องไห้ให้ฉันเห็นอีกเพราะมันน่ารำคาญ”แทนที่ชายหนุ่มจะเห็นใจแต่เขากลับแสดงท่าทีรำคาญ
“นายคงไม่มีครอบครัวสินะถึงได้เป็นคนไร้หัวใจและไร้ความรู้สึก”
“ถ้าเธอเอ่ยถึงครอบครัวฉันอีกครั้ง เธอจะโยนเธอไปให้เสือป่าแถวนี้ขย้ำ”ชายหนุ่มกล่าวตักเตือนหญิงสาวพร้อมกับชี้นิ้วไปที่เธอด้วยสีหน้าจริงจัง“ไปอาบน้ำได้แล้วก่อนที่มันจะค่ำไปกว่านี้”พูดจบชายหนุ่มก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวกับเสื้อยืดและกางเกงขายาวยื่นให้กับหญิงสาว
“ฉันจะไปอาบน้ำยังไงในเมื่อมีโซ่ล่ามอยู่”หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาอย่างกลัวว่าจะโดนตะคอกใส่
“อย่าคิดหนีเชียวหล่า”ส่วนชายหนุ่มที่ได้ยินดังนั้นจึงยอมปลดโซ่ให้หญิงสาว
จากนั้นเขาก็คุมตัวเธอเข้าไปยังห้องน้ำแคบๆซึ่งทำจากสังกะสี ชายหนุ่มปล่อยให้หญิงสาวอยู่ข้างในเพียงลำพังโดยที่ตัวเขายืนเฝ้าอยู่หน้าประตู
“นี่เธอไม่หิวบ้างเลยรึไงถึงได้ไม่บ่นหิวเลยสักคำ”ชายหนุ่มถามหญิงสาวด้วยความสงสัยในขณะที่เขากำลังล่ามโซ่เธอหลังจากที่ทั้งสองขึ้นมายังบนบ้านแล้ว
“ทำไมต้องล่ามโซ่กันด้วย ฉันไม่กล้าหนีไปไหนหรอก”
“ฉันถามว่าเธอไม่หิวบ้างรึไง”
“หิว”
หลังจากที่ชายหนุ่มจัดการล่ามโซ่หญิงสาวเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินไปหยิบตะเกียงขึ้นมาจุดไฟทีละดวงจนมันส่องแสงสลัวๆทั่วห้อง จากนั้นเขาก็นำอาหารที่บรรจุในกล่องโฟมยื่นให้หญิงสาว
“จะกินได้มั้ยเนี่ย”หญิงสาวรับข้าวกล่องจากชายหนุ่มอย่างกล้าๆกลัวๆ และเธอก็บ่นพึมพำตั้งแต่ยังไม่ทันได้เปิดมันด้วยซ้ำ
“กินได้ก็กิน กินไม่ได้ไม่ต้องกิน”ส่วนชายหนุ่มที่เห็นดังนั้นก็แสดงท่าทีรำคาญหญิงสาวอย่างเห็นได้ชัดจนเธอรีบก้มหน้าก้มตากินข้าวแม้จะไม่ได้ชอบมันก็ตาม
“อ่ะ”เมื่อทั้งสองทานข้าวเย็นกันเสร็จเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็นำแปรงสีฟันยาสีฟันยื่นให้กับหญิงสาว จากนั้นเขาก็ยื่นขันน้ำให้กับเธอ
“ขนแปรงมันแข็งไป”
“ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามาเรื่องมาก”ส่วนชายหนุ่มที่เห็นดังนั้นก็แสดงท่าทีรำคาญหญิงสาว
“ก็ฉันเจ็บเหงือก”หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาจนคนฟังนั้นแทบไม่ได้ยิน
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะหาซื้ออันใหม่ให้ก็แล้วกัน”
“ขอฉันไปด้วยได้มั้ย”เมื่อหญิงสาวได้ยินดังนั้นก็เผยท่าทีดีใจ
“ไม่ได้”ชายหนุ่มกล่าวเสียงแข็ง
“ฉันไม่หนีนายหรอก”
“บอกไม่ได้ก็คือไม่ได้ทำไมเป็นคนพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้”ชายหนุ่มแสดงท่าทีรำคาญต่อหญิงสาวอีกครั้งเมื่อเธอตอแยไม่หยุด
“แต่ว่าฉันมีสิ่งของที่จำเป็นสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ”
“อยากได้อะไรก็จดไว้เดี๋ยวฉันจะพยายามหาซื้อให้เท่าที่พอหาได้”
“ปกตินายอาศัยอยู่ที่กระท่อมหลังนี้หรอ”
“ไม่ต้องมาหลอกถามเอาข้อมูล ฉันไม่ได้โง่หรอกนะ แปรงฟันเสร็จก็นอนได้แล้ว”พูดจบเขาก็โยนผ้าห่มและหมอนให้กับหญิงสาว
“ไม่มีฟูกที่นอนให้หรอ”
“ไม่มี”
“ที่นอนแข็งขนาดนี้ใครมันจะไปนอนได้”หญิงสาวยืนมองแคร่ไม้ไผ่ด้วยใบหน้าสิ้นหวัง
“นอนๆไปเถอะ”ชายหนุ่มกล่าวกับหญิงสาวในขณะที่กำลังปูเสื่อเพื่อเตรียมตัวนอน
“แลกที่นอนกันมั้ย บนนี้มันแข็งไปแถมยังเป็นคลื่นๆคงปวดหลังน่าดู”
“จะนอนที่ไหนก็นอน”พูดจบชายหนุ่มก็ถือหมอนและผ้าห่มของตัวเองเดินไปที่แคร่ไม้ไผ่ ส่วนหญิงสาวที่เห็นดังนั้นจึงลุกขึ้นแล้วเดินไปนอนแทนที่ของเขา
…
เช้าวันต่อมา..
“ตื่นได้แล้ว”ชายหนุ่มเดินไปปลุกร่างเล็กที่กำลังนอนหลับสนิท
“ปลุกทำไมยังเช้ามืดอยู่เลย”หญิงสาวแสดงท่าทีไม่พอใจเมื่อถูกปลุกในขณะที่เธอกำลังนอนหลับสบาย
“ฉันไม่ชอบคนตื่นสาย”
“แล้วนายจะให้ฉันตื่นแต่เช้าไปทำไมในเมื่อไม่มีอะไรให้ต้องทำอยู่แล้ว”พูดจบเธอก็ดึงผ้าห่มคุมหัว
“ใครบอกว่าไม่มีงานให้ทำ นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเธอต้องตื่นพร้อมฉันและเธอต้องหุงข้าวด้วยฟืน ทำกับข้าวโดยใช้ฟืน หลังจากนั้นเธอต้องกวาดบ้านถูบ้านให้สะอาดเอี่ยม”ชายหนุ่มจัดแจงหน้าที่ให้หญิงสาวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ห๊า! นี่นายพูดจริงหรือพูดเล่น”เมื่อหญิงสาวได้ยินดังนั้นก็รีบลุกจากที่นอนด้วยความตกใจ
“ถ้าไม่หุงข้าวทำกับข้าวแล้วจะเอาอะไรกิน”
“ฉันหุงข้าวทำกับข้าวไม่เป็นหรอกนะ และยิ่งถ้าใช้ฟืนยิ่งไปกันใหญ่”
“ไม่เป็นเดี๋ยวฉันสอนเอง”
“ทำไมไม่ซื้อกินให้มันจบๆ ไม่ก็สั่งเดลิเวอรี่เอา”
“ที่นี่ห่างจากตัวเมืองสี่สิบกิโล และที่สำคัญฉันไม่ต้องการให้ใครเข้ามาในพื้นที่นี้ ตามมา ฉันจะสอนวิธีการก่อไฟและการหุงข้าวให้”ชายหนุ่มกล่าวกับหญิงสาวก่อนจะเดินออกจากห้องนอน
ส่วนหญิงสาวที่ไม่มีทางเลือกเดินตามชายหนุ่มออกไปในขณะที่ยังคงงัวเงีย