ตอนที่ 9 ผู้ร่วมชะตาคนใหม่ (2)
ชายหนุ่มรูปงามผู้นั้นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ราวกับว่ากำลังต่อว่าเธอด้วยสายตาว่าเธอนั้นไม่รู้เรื่องอย่างไรอย่างนั้น แม้ว่าจะไม่อยากสนใจ แต่บุรุษผู้นี้ต้องยอมรับเลยว่าช่างสง่าผ่าเผยราวกับลูกเจ้าขุนคุณนายอะไรเทือกนั้น
“แล้วมันกินอะไร” เฟยหลงหันมาถามบุรุษผู้นั้น สายตาจ้องมองเขาที่กำลังเดินลงจากเตียงไม้มายืนยืดตัวเต็มความสูง รอยยิ้มชั่วร้ายกระตุกยกขึ้นที่มุมปากพร้อมกันนั้นเขายังจ้องหน้าเธออย่างมีปริศนา
“แล้ว.. เจ้ามีนามว่าอะไรหรือ” เขาไม่ได้ตอบหรือสนใจคำถามเธอเลยแม้แต่น้อย แต่กลับขยับปัดเครื่องแต่งกายจัดแจงเสื้อผ้าของตน ก่อนจะหันมาถามนามของเธอ “นามของข้า.. เจียอวี่ เจ้าเรียกข้าว่าอาอวี่ได้”
“ข้า..” หลี่เฟยหลงที่กำลังจะบอกชื่อของตนออกไปว่าเธอมีนามว่าเฟยหลง แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเธอนั้นยังไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ของเธอนั้นเป็นเช่นไร นั่นทำให้เธอได้แต่เงียบไว้
“แค่นามของเจ้า.. ก็หวงหรือ” เจียอวี่ไม่เพียงจะถือสา แต่เขากลับเริ่มเดินสำรวจในกระท่อมนี้ทีละจุด จับนั่น วางนี่ ก่อนจะหันมาถามเธอ
“หรือว่าเจ้าจะเป็น หมอปรุงยาลึกลับกลางป่า..ผู้นั้น”
เจียอวี่เดินมองข้าวของในกระท่อมอย่างตั้งใจมาก ทุกพื้นที่ทุกตารางเมตรที่เขาย่างกายเข้าไป ยิ่งทำให้หัวใจของหลี่เฟยหลงเองก็เต้นถี่รัวมากขึ้นมากเท่านั้น หากเขารู้จักที่นี่ แล้วรู้ว่าตัวของเธอนั้นไม่ใช่สาวปรุงยาผู้นั้น มันจะเกิดอะไรขึ้น
“จ..เจ้าจะไปไหน” เธอเอ่ยถามเจียอวี่เสียงสั่น ในขณะที่เขานั้นหยิบไม้แหลมยาวอันหนึ่ง กำลังทำท่าจะผลักประตูหน้าบ้านบานใหญ่นั้นเพื่อเดินออกไปด้านนอก
“หาเนื้อให้สัตว์เลี้ยงของเจ้าไง นี่เจ้าเลี้ยงมันมายังไงกัน ถึงไม่รู้ว่ามันชอบกินอะไร” เขาหันมาถามเธอด้วยสายตาที่ดูแคลนแบบไม่จริงจังนัก
“แต่ร่างกายของเจ้ายังไม่หายดี” เฟยหลงลุกขึ้นยืนพร้อมเดินไปยัดเยียดผลแอปเปิลส่งให้เขา
“กินนี่ไปก่อนไม่ตายหรอก ส่วนเจ้าเสี่ยวจ๋าย เอ่อ..เดี๋ยวมันหิวก็กินผลไม้เองนั่นแหละ มันเลี้ยงง่าย ใช่มั้ย” เธอหันไปขยิบตาให้จิ้งจอกขาวหมายจะหาผู้ช่วย
“...” เจียอวี่หันไปมองจิ้งจอกสีเทาที่นอนมองผลแอปเปิลด้วยความหมดอาลัยตายอยาก ก่อนที่เขาจะเบือนหน้ามายังเฟยหลงที่ตอนนี้กำลังกัดแอปเปิลเคี้ยวตุ้ย ๆ แบบไม่สะทกสะท้าน “เดี๋ยวข้ามาแล้วกัน”
“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า” เธอยังคงมองตามหลังของชายผู้นั้น ที่เดินออกจากกระท่อมไปพร้อมกับไม้แหลมหนึ่งอัน
“ทำไม แอปเปิลเจ้าก็กินไม่ได้หรือไง” เมื่ออยู่กับจิ้งจอกน้อยเพียงลำพัง
เธอก็รีบนั่งลงมาจ้องมองเจ้าตัวป่วน ที่ทำหน้าทำตาไม่รู้สึกรู้สา ที่ยังนอนมองผลแอปเปิลด้วยสายตาจิกกัด “เจ้านี่เลี้ยงยากชะมัด”
“ข้ากินได้.. แต่ข้าแค่ไม่อยากกิน” เสี่ยวจ๋ายเบือนหน้าไปอีกฝั่งราวกับว่ารำคาญเธอมากมายเสียอย่างนั้น
เฟยหลงเองก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อ เมื่อได้โอกาสเธอจึงลุกขึ้นยืนสำรวจภายในกระท่อมอีกครั้ง ทุกซอกทุกมุมจนได้ความว่าทั้งหมดในกระท่อมหลังนี้ล้วนมีแต่กลิ่นอายของสมุนไพรที่อบอวลเต็มไปหมด
“เสี่ยวจ๋าย..เจ้าว่าข้ายกหม้อพวกนี้ออกไปวางตรงด้านนอกนั้นดีหรือไม่” เธอที่เดินสำรวจกระท่อมหลังนี้จนคิดว่าครบทุกซอกแล้ว หันมาชี้นิ้วเรียวไปที่หม้อดินที่ต้มยาทั้งหลาย
“จากที่ข้าดม ทุกหม้อเอาออกไปได้ แต่..” เสี่ยวจ๋ายลุกขึ้น พร้อมทั้งเดินสี่ขามากระดิกหางให้เธออยู่ที่หน้าหม้อยาสีดำถมึน
“เจ้านี่..ไม่ได้” เฟยหลงที่กำลังจะอ้าปากถามกลับต้องกลืนคำพูดตัวเองทั้งหมดลงคอ เพราะเสียงเปิดประตูของผู้มาทีหลัง
“ข้ากลับมาแล้ว”
และยังไม่ทันที่เฟยหลงจะได้เอ่ยอะไรเพิ่มเติม ภาพของชายหนุ่มที่ออกไปอย่างสง่างามเมื่อไม่ถึงชั่วยามนั้น เดินเปิดประตูเข้ามาด้วยสภาพเสื้อผ้าเปียกปอนไปครึ่งกาย เท้าเปื้อนโคลน ใบหน้ามอมแมม สองมือหิ้วปลามาหลายตัว เขายื่นปลานั้นมาให้เฟยหลงที่จ้องหน้าเขาสลับกับเจ้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์
“ที่เหลือเจ้าทำ”