ตอนที่ 8 ผู้ร่วมชะตาคนใหม่ (1)
“ถ้าเจ้ารู้ว่าข้าเป็นปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง..เจ้าจะไม่ตกใจจนสิ้นชีพเลยหรือ” เสี่ยวจ๋ายยืนมองเธอผ่านแสงสลัวจากตะเกียงที่ส่องแสงริบหรี่ พร้อมทั้งดึงผ้ามาคลุมกายให้เธออย่างเบามือ
เปาะ!
เพียงแค่เขานั้นดีดนิ้ว แสงไฟในห้องนั้นพร้อมใจกันดับลงจนมืดสนิท จิ้งจอกเก้าหางในร่างมนุษย์เดินสะบัดหางไปจนทั่วด้วยการเรืองแสงจากร่างกายของตน สองเท้าก้าวไปผลักเปิดประตูออก เขามาด้านนอกใช้จมูกสูดดมและสายตาคมกริบมองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าที่นี่มีแต่กลิ่นยาและสมุนไพร ถัดจากหม้อยาที่ตั้งอยู่กลางห้องโถงไปนั้นบนเตียงไม้มีร่างของชายผู้หนึ่งที่กำลังหลับใหลอยู่
จ๋ายเฉินฉี นั่นคือนามของจิ้งจอกเก้าหางสีขาวแห่งป่าท้อที่เป็นเพื่อนเล่นของเซียนบุปผาอย่าง เหมยซินซู แต่เมื่อไม่กี่ชั่วยามมานี้ระหว่างที่กำลังแอบดื่มสุราดอกท้อ ชมวิวที่เต็มไปด้วยลูกท้อสวรรค์น่ากินทั้งหลาย กลับมีพายุลูกใหญ่พัดผ่านป่าท้ออย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันที่จะได้ตกใจก็พัดให้เขานั้นตกลงมายังถงอวิ๋นเมิ่งเสียแล้ว
ยามอิ๋น
“เสี่ยวจ๋าย.. เจ้าอยู่ไหนน่ะ” เฟยหลงขยี้หูขยี้ตาเดินออกมาด้วยชุดที่ตนนอนเมื่อคืน พร้อมผ้าคลุมไหล่ผืนบาง ตามหาหมาจิ้งจอกที่จำได้ว่าเมื่อคืนยังนอนอยู่ด้วยกัน
“เสี่ยวจ๋าย.. เจ้าไปซุกซนที่ไหนเนี่ย! เจ้าคงไม่ได้ไปขุดหลุมนอนหรอกใช่มั้ย” เฟยหลงดันประตูเดินออกมาด้านนอก
พบร่างของจิ้งจอกสีเทาที่นอนคุดคู้หน้าหม้อปรุงยาที่ไม่แม้แต่จะเดินมาดูมันด้วยซ้ำ
“เสี่ยวจ๋าย.. มานอนทำอะไรตรงนี้” เธอเดินเข้าไปใกล้ พร้อมทั้งใช้สองมืออุ้มเจ้าจิ้งจอกขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน
มืออีกข้างลูบไล้เส้นขนนุ่มของมันอย่างเอ็นดู มันลืมตาตื่นขึ้นมามองหน้าเธอเพียงชั่วครู่ก่อนจะมุดหน้าไปนอนในอ้อมแขนของเธอแล้วหลับตาพริ้มราวกับไม่ได้เกิดอะไรขึ้น
“แกตื่นแล้ว..” เธอเอ่ยถามมันด้วยน้ำเสียงล้อเลียนอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก สองเท้าเดินมาหยุดที่เตียงไม้ด้านนอก มีบุรุษผู้นั้นที่ยังคงนอนหลับตาพริ้มไม่ขยับเขยื้อน
“ข้าเฝ้าบุรุษผู้นั้นแทนเจ้าทั้งคืน.. ข้าขอนอนอีกหน่อย” เสี่ยวจ๋ายกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงงัวเงียราวกำลังกระซิบ
“เจ้าเฝ้าเขางั้นหรือ.. ข้าไม่เห็นว่าเขาจะเป็นอะไรเจ้าเฝ้าแบบไหนกัน” เฟยหลงใช้สองมือจับเสี่ยวจ๋ายชูขึ้นพลิกไปพลิกมา พร้อมทั้งจ้องหน้ามันอย่างเอาเรื่อง แต่ก็เหมือนว่าจะไม่เป็นผลเพราะเจ้าจิ้งจอกตัวนี้ยังคงหลับตาพริ้มปล่อยให้เธอจับโยนไปโยนมาได้อย่างเต็มที่
“เฮ้อ! งั้นเจ้านอนเถอะ..ฉัน เอ่อ..ข้าแค่ไม่รู้ว่าจะไปหาของกินได้ที่ไหน”
“เจ้ามิใช่มนุษย์ที่นี่หรือ.. เหตุใดถึงไม่รู้” เสี่ยวจ๋ายลืมตาขึ้นมาจ้องหน้าเธอ และในระหว่างนั้นเธอเองก็อุ้มเจ้าจิ้งจอกสีเทามาไว้ในอ้อมกอดของเธอด้วย
“ข้า.. ข้าเป็นคนเมืองอื่น เพิ่งมาที่นี่ได้ไม่นาน” เฟยหลงเอ่ยขึ้น
สองเท้าก้าวเดินไปยังข้างเตียงไม้ที่มีชายแปลกหน้านอนหลับใหล ก่อนจะวางเจ้าจิ้งจอกอย่างเสี่ยวจ๋ายให้ไปนอนข้างบุรุษผู้นั้น
“ข้าจะออกไปดูว่าด้านนอกว่าพอจะมีอะไรให้พวกเรากินบ้าง” เธอเอ่ยจบก็เดินออกจากกระท่อมไป ทิ้งให้เสี่ยวจ๋ายนอนอยู่กับชายแปลกหน้าในกระท่อมหลังนั้น
“นี่ทำไมฉันต้องมาดูแลชายแปลกหน้ากับจิ้งจอกประหลาดด้วยเนี่ย” เธอบ่นกะปริบกะปรอยก่อนจะเดินออกไปนอกห้อง
ไม่รู้เลยว่าหลี่เฟยหลงใช้เวลาในการหาอาหารนานเพียงใด เธอเดินเข้ามาในป่าลึก ได้ผลหมากรากไม้จำนวนหนึ่ง มองดูแสงจากดวงอาทิตย์ที่บ่งบอกได้ชัดว่าตอนนี้น่าจะเป็นเวลาเกือบเที่ยงเห็นจะได้
“แย่แล้ว” เฟยหลงรีบเดินทางกลับกระท่อมหลังน้อย ตามเส้นทางที่เธอนั้นใช้มีดสั้นกรีดทำสัญลักษณ์ไว้ตามต้นไม้ ใช้เวลาไม่นานสาวน้อยหัวใจแกร่งอย่างหลี่เฟยหลงก็เดินทางกลับมายังกระท่อมที่เพิ่งจากไปเมื่อสองชั่วยามก่อน
ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในกระท่อมนั้น สายตาจากชายแปลกหน้าที่นั่งกอดอกอยู่บนเตียงด้วยความระแวดระวัง กับสายตาคมกริบของจิ้งจอกน้อยสีเทา ทันทีที่มีบุคคลอื่นปรากฏขึ้นทั้งสองก็หันมามองที่เธอด้วยความพร้อมเพรียง
“เอ่อ..นาย ไม่สิ..เจ้าฟื้นแล้วงั้นหรือ” หลี่เฟยหลงเดินไปวางตะกร้าผลไม้ที่ได้มาลงบนเตียงที่ว่าง ก่อนจะชี้นิ้วไปที่ตะกร้านั้น
“กินสิ”
“เจ้าเป็นใคร” บุรุษผู้นั้นไม่ได้ขยับมาหยิบผลไม้ในตะกร้าแม้แต่น้อย เขามองหน้าของเธออย่างพิจารณา
“เป็นผู้มีพระคุณของเจ้าไง”
เฟยหลงตอบออกไปอย่างไม่ได้จริงจังนัก ก่อนจะหยิบผลไม้ป่าสองสามลูก เดินไปล้างน้ำแล้วเดินกลับมายื่นให้บุรุษผู้นั้น ซึ่งเขาเองก็เอื้อมมือมารับไปโดยดี
“ส่วนไอ้ลูกอ้วนกลมน่ากินลูกนี้เป็นของเจ้านะเสี่ยวจ๋าย” หลี่เฟยหลงยิ้มหวานให้กับจิ้งจอกน้อย พร้อมกันนั้นเธอยังยื่นแอปเปิลลูกหนึ่งไปให้ เสี่ยวจ๋ายนอนมองผลไม้ลูกนั้นนิ่ง เพียงไม่นานหันมาสลับกับมองหน้าของหลี่เฟยหลง ก่อนจะเบือนหน้าหนีอย่างไม่สนใจ
“เสี่ยวจ๋าย.. เจ้าไม่กินแอปเปิลเหรอ”
“เจ้านี่มันเป็นจิ้งจอก.. จิ้งจอกที่ไหนกินผลไม้”