ตอนที่ 7 จิ้งจอกตัวน้อย

1454 คำ
ตอนที่ 7 จิ้งจอกตัวน้อย สายตาที่หรี่ลงจนเกือบจะเป็นเส้นตรงกำลังจ้องมองหาเสียงที่ได้ยินผ่านความมืด พร้อมทั้งหันขวับไปตามเสียงร้องน่ารักนั้น เธอจ้องมองอย่างดีแล้วและพบว่าเสียงนั้นมาจากในป่าสมุนไพรที่เธอเพิ่งลุกออกมาได้ไม่นาน เฟยหลงเริ่มขยับขาเข้าไปตามเสียงร้องบางเบานั้นช้า ๆ เปรี๊ยง! กรี๊ด!!! อัตราการเต้นของหัวใจแรงขึ้นหลายเท่า สองขาย่อลงสองมืออุดหู ก้มลงกอดตัวเองแน่น ดวงตาทั้งสองข้างหลับลงอัตโนมัติ เมื่อเธอมั่นใจว่าเสียงฟ้าผ่าเงียบหายไปแล้ว เฟยหลงขยับเปลือกตาให้เปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า หัวใจที่เต้นรัวไม่เป็นจังหวะเมื่อสักครู่เริ่มปรับลงจนเป็นจังหวะปกติ เธอมองโคมไฟที่กระเด็นไปจนแสงไฟที่เดิมทีก็สลัวอยู่แล้ว ค่อย ๆ ดับลงจนดับสนิท “แย่แล้ว มืดขนาดนี้จะกลับยังไง” เฟยหลงมองโคมไฟนั้นด้วยสายตาที่ละห้อยอย่างหมดอาลัยตายอยาก แต่พอนึกขึ้นได้ว่าเธอได้ยินเสียงของอะไรสักอย่างที่มาจากพุ่มสมุนไพรไม่ไกลนัก เธอชั่งใจอยู่นานแต่เพราะเสียงร้องนั้นเริ่มจะดังขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับกำลังหวังจะให้เธอเป็นที่พึ่ง หลี่เฟยหลงเลือกตัดสินใจเดินเข้าไปในพุ่มสมุนไพรนั้นอย่างเชื่องช้า งิ๊ง!งิ๊ง~ “เอ๋! นี่เจ้าเป็นแมว..หรือหมากันละเนี่ย?” เธอรีบเข้าไปอุ้มสัตว์สี่ขาตัวเล็กสีเทาขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด พลิกซ้ายขวาเจ้าตัวนั้นไปมาในความมืด หวังจะหาแผลหรือสาเหตุอะไรที่ทำให้เจ้าแมวตัวนี้นอนนิ่งอยู่ในดงสมุนไพรนี้กันแน่ “มองไม่เห็นเลยแฮะ” ทันใดที่เธอบ่นขึ้นพึมพำ เจ้าสัตว์สี่ขาตัวนี้ลำตัวของมันก็เริ่มเปล่งแสงออกมาจนรอบตัวมันนั้นสว่าง ทำให้เฟยหลงนั้นตกใจกำลังจะโยนมันให้ออกจากตัว “อย่าโยนข้านะ!” “ตัวอะไรเนี่ย!” เธอมองจิ้งจอกสีเทาประหลาดที่พูดได้ตัวนี้อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา จะว่าเธอหูแว่วแต่การที่เจ้าจิ้งจอกนั้นจ้องหน้าเธอไม่กะพริบนี่อาจจะหมายถึงว่ามันพูดได้จริง.. หรือเปล่านะ “เจ้ามันเป็นตัวอะไรกัน” “จิ้งจอกไง.. เจ้าไม่เห็นหรือ” “เห็น! แต่จิ้งจอกที่ไหนมันพูดได้กันเล่า” “ก็ข้านี่ไง!เหตุใดข้าถึงตกมาจากป่าท้อของเหมยซินซูกันละเนี่ย!” เจ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้พูดไปพลาง เลียขนตัวเองไปพลาง “ไม่อยากจะเชื่อ!เช่นนั้น.. เจ้าก็ลงไปเถอะ!” “เจ้าจะทิ้งข้าไปแบบนี้ไม่ได้นะ คือ..คือ ตัวข้านั้นเรืองแสงได้ เจ้าเห็นหรือไม่ ตอนนี้เจ้าเองไม่มีโคมไฟมิใช่หรือ มิสู้เจ้าเอาข้ากลับไปด้วย เลี้ยงข้าวสักมือ น้ำสักหยดจะดีกว่าหรือไม่” “แต่ข้าไม่อยากเลี้ยงจิ้งจอก” “ข้าเป็นจิ้งจอกเชื่อฟัง!เจ้าช่วยข้าเถอะ ข้าจะมีประโยชน์กับเจ้า.. จริงนะ” จิ้งจอกน้อยตัวนั้นยังคงทำเสียงออดอ้อน เลียขนทำความสะอาดไม่ขาด เฟยหลงจ้องมองจิ้งจอกสีเทาตัวกลมในอ้อมแขนก่อนจะตัดสินใจพาเจ้าจิ้งจอกนี้ไปด้วย “ได้!” “งิ๊ง~” “รู้แล้ว! ไม่ต้องอ้อน เจ้าชื่ออะไร” เธอกระชับอ้อมแขนอุ้มเจ้าจิ้งจอกแน่น ขยับตะกร้าที่สะพายสมุนไพรให้เข้าที่ “ขอแสงด้วย” “เอ่อ..เหมยซูซินเรียกข้าว่าเสี่ยวจ๋าย” “เหมยซูซินเหรอ” หลี่เฟยหลงลุกขึ้นยืนใช้กิ่งไม้พยุงตัวเองให้เดินตามทางไปเรื่อย ๆ มือข้างหนึ่งอุ้มจิ้งจอกที่เปล่งแสงสว่างที่มากกว่าโคมไฟอย่างทุลักทุเล “นางเป็นคนเลี้ยงข้าไว้ในป่าท้อ” น้ำเสียงที่ดูภูมิใจของเจ้าจิ้งจอกเทาในอ้อมแขน สื่อออกมาให้รู้ได้เลยว่ามันชอบเซียนดอกท้อมากแค่ไหน “แล้วเจ้า.. มีนามว่าเยี่ยงไร” “ข้า.. ไม่อยากบอกเจ้าตอนนี้” จิ้งจอกหนึ่งตัวกับมนุษย์ขาเจ็บหนึ่งคน เดินทางจากหุบเขาด้วยความทุลักทุเล สายฝนที่ดูเหมือนจะเบาลงมากกว่าเดิม แต่ก็ยังตกลงมาไม่ขาดสาย ร่างกายของเธอโดนละอองฝนจนชุ่มฉ่ำ หมวกใบโตไม่สามารถคลุมได้ทั้งหมด เฟยหลงเดินได้เพียงไม่นานภาพของชายที่นอนเกือบจะแก้ผ้าผุดเข้ามาในโสตประสาท สองขาของเธอเริ่มจ้ำอ้าวด้วยความเร็วกลับกระท่อมหลังน้อยในทันที และยังคงไม่เข้าใจตัวเองว่าเพราะอะไร ทำไมต้องรู้สึกเป็นห่วงคนแปลกหน้าคนนั้นขนาดนี้ด้วย นอกจากจะไม่ได้คำตอบที่ต้องการแล้ว เธอก็ยังรีบเร่งฝีเท้าที่ร้าวระบมให้เร็วขึ้นอีกเพื่อที่จะรีบกลับไปให้ถึงกระท่อมให้ไวที่สุด ทุกย่างก้าวแม้จะลำบากอยู่บ้างแต่เฟยหลงก็พาร่างกายที่เปียกโชกมาหยุดที่หน้ากระท่อมหลังน้อยจนได้ โดยที่ไม่หลงทาง! “ถึงแล้ว” เธอเอ่ยกับเจ้าจิ้งจอกที่ซุกตัวหลับตาพริ้ม วางกิ่งไม้คู่ใจที่ช่วยพาเธอมาจนถึงที่หมายไว้ที่หน้าประตู ฝ่ามือเล็กดึงประตูออกมาพบว่าด้านในยังพบว่าบุรุษผู้นั้นนอนแน่นิ่งอยู่ที่เดิม หลี่เฟยหลงเดินไปหาผ้าที่หนาที่สุดมาปูพื้น แล้ววางเจ้าจิ้งจอกที่หลับปุ๋ยลงไปอย่างเบามือ พร้อมทั้งเช็ดตัวของมันด้วยความรวดเร็ว “ถ้ามีไดร์เป่าผมสักหน่อยเนอะ” เธอเช็ดขนของมันจนแห้ง ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบผ้าอีกผืนมาห่มให้ เมื่อจัดการกับเจ้าจิ้งจอกเรียบร้อยแล้ว เฟยหลงถึงหันมาเปิดเสื้อผ้าของคนบนเตียงออก ยังคงมองเห็นบาดแผลตามร่างกายของเขาได้อย่างชัดเจน เธอถอดหมวกและเสื้อคลุมที่เปียกโชกออกนำสมุนไพรที่ได้มาคัดเฉพาะต้นที่ต้องการ นำไปบดจนละเอียดทำทุกขั้นตอนตามในตำราไม่บิดพลิ้ว เมื่อเห็นว่าได้ที่แล้วจึงเดินมาป้ายสมุนไพรนั้นไปที่แผลของเขาอย่างเบามือที่สุด “ฉันหวังว่านายจะหายเป็นปกตินะ.. คงไม่มีรอยแผลเป็นหรอก ใช่มั้ย” เธอพึมพำพร้อมทั้งหยิบผ้ามาห่มให้เขาเป็นอันเรียบร้อย ในเมื่อจัดการทำแผลคนป่วยแล้ว สองมือของเธอเอื้อมไปหยิบโคมไฟอีกดวง สองเท้าก้าวไปยืนหน้าเจ้าจิ้งจอกที่นอนไม่สนโลก ก่อนจะก้มตัวอุ้มมันที่นอนสบายใจเฉิบเข้าไปในห้องที่คาดว่านั่นคือห้องนอน เฟยหลงใช้โคมไฟดวงนั้นสาดแสงไปจนทั่วห้อง ภาพที่เธอเห็นนั้นภายในห้องนี้ไม่ได้ดูมีอะไรผิดปกติ มีเตียงนอนไม้ที่เธอรู้สึกว่ามันแข็งจนนอนไม่สบาย ตั้งอยู่ริมหน้าต่างที่ปิดสนิท สองเท้าของเธอก้าวไปทิ้งตัวลงบนที่นอน วางเสี่ยวจ๋ายนั้นไว้ข้างกัน ก่อนจะดึงผ้าขึ้นมาห่มทับมันอีกชั้นเพราะเกรงว่ามันจะหนาว เธอจัดการเปลี่ยนชุดที่เปียกโชกของตัวเองในห้องนั้นจนเรียบร้อย ก่อนจะขึ้นมานอนบนเตียงข่มตานอนหลับ ไปแต่ไม่ว่าจะนอนยังไงเธอก็ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้แม้เพียงนิด เมื่อทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบที่ได้ยินเพียงแค่เสียงหายใจของเธอกับเสี่ยวจ๋าย สิ่งที่เธอหลงลืมไปก็กลับมามาตีในหัวของเธออีกครั้ง “ตกลงที่นี่คือที่ไหนกันแน่นะ..” “แม่นาง.. เจ้าไม่ง่วงบ้างหรือ” “อ๊ะ!ข้าทำเจ้าตื่นเหรอเสี่ยวจ๋าย.. ขอโทษนะเจ้านอนเถอะ ข้ากำลังจะนอนแล้ว” หลี่เฟยหลงนอนพลิกไปพลิกมาอีกครู่ใหญ่ ความรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเริ่มเข้ามาแทนที่ ดวงตาที่ล่องลอยจ้องมองอย่างไร้จุดหมายในความมืดเมื่อครู่ปิดลงจนสนิท “แค่เจ้ารู้ว่าข้าพูดได้ เจ้ายังตกใจเพียงนี้..” เมื่อเห็นว่าหญิงผู้นี้นอนหลับไปแล้วนั้น จิ้งจอกน้อยเริ่มขยับดันตัวเองออกมาจากผ้าห่มกำมะหยี่ที่เธอหยิบมาคลุมไว้ สี่เท้ากระโดดลงจากเตียงแตะลงบนพื้นที่เย็นเฉียบ ร่างกายของจิ้งจอกสีเทาที่มีเพียงหางเดียวเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์ที่มีเส้นผมสีเทา พร้อมทั้งยังมีหางนุ่มฟูที่ขยับขยายทางด้านหลังอีกเก้าหาง “ถ้าเจ้ารู้ว่าข้าเป็นปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง.. เจ้าจะไม่ตกใจจนสิ้นชีพเลยหรือ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม