บทนำ

1738 คำ
บทนำ เมื่อลมหนาวเหน็บได้พัดผ่านไป ความอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิที่ธรรมชาติสร้างขึ้นก็หมุนเวียนมาแทนที่ เหล่าต้นไม้ดอกไม้นานาพรรณที่เคยถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนคล้ายกับยืนต้นตายมานาน ก็เริ่มผลิดอกออกใบกันอีกครั้ง ฤดูใบไม้ผลิจึงมีความหมายแฝงที่หลายคนไม่รู้ว่ามันคือฤดูกาลแห่งการเริ่มต้นใหม่ เช่นเดียวกับตัวของสาวน้อยวัยแรกแย้มอย่างดาร์เลเน่ ที่ตัดสินใจจะเริ่มต้นใหม่ในชีวิตนักศึกษาที่สาธารณรัฐเช็ก เพื่อลบเลือนอดีตที่เจ็บปวดจากชีวิตในช่วงมัธยมปลาย ที่ทำให้เธอต้องจมอยู่ในโลกที่มืดมิดจากการกัดกินของโรคซึมเศร้า ที่พรากความสุขไปจากเธอจนต้องหยุดเรียนเอาไว้เกือบปีเพื่อรักษาตัวเอง และนำพาความรู้สึกของเธอออกมาจากความมืดมิดนั้น “บรรยากาศดีจัง” หญิงสาวพึมพำขึ้นมาขณะมองแสงพระอาทิตย์ตกกระทบกับยอดต้นไม้ที่ผลิบานรับแสงแดดในฤดูกาลแห่งการเริ่มต้นใหม่นี้ และเธอเองก็จะเข้มแข็ง และเติบโตให้ได้แบบต้นไม้พวกนั้น ที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ฤดู ก็ยังมีชีวิตอยู่รอดรอรับแสงอาทิตย์ที่อบอุ่นเสมอ ดาร์เลเน่หยิบกล้องถ่ายรูปที่เธอพกติดตัวมาด้วยขึ้นมาถ่ายรูป พระอาทิตย์ตก เพื่อเก็บบรรยากาศนี้ไว้เป็นที่ระลึกและเป็นกำลังใจให้กับตัวเอง ก่อนจะเดินจากไปเพื่อกลับไปที่อะพาร์ตเมนต์ของตัวเองก่อนที่จะ มืดค่ำไปมากกว่านี้ เพราะเมืองที่เธอเลือกมาอยู่เป็นเมืองเล็กๆ แถบชานเมืองไม่ได้มีผู้คนพลุกพล่านมากนัก ช่วงหัวค่ำคนก็เริ่มที่จะหมดไปจากทางเดินแล้ว ทำให้ค่อนข้างที่จะอันตรายกับนักศึกษาที่มาศึกษาต่างบ้านต่างเมืองอย่างเธอ แต่ที่เธอเลือกมาที่นี่ก็เพราะต้องการหนีความวุ่นวายจากสังคมที่เต็มไปด้วยความโหดร้าย อะพาร์ตเมนต์ดาร์เลเน่ ดาร์เลเน่กลับมาถึงห้องพักในช่วงหัวค่ำพร้อมกับถุงแซนด์วิชที่ซื้อติดมือกลับมาทานที่ห้องพัก เพราะเธอแทบจะไม่มีเพื่อนสนิทที่นี่เลย ถึงแม้หลายๆ คนจะพยายามทำความรู้จักกับเธอ เพราะหน้าตาที่น่ารัก แต่เธอก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยอยากมีปฏิสัมพันธ์กับใครเท่าไหร่นัก เธอมักจะใช้เวลาอยู่กับการยกกล้องที่พกติดตัวไปไหนมาไหนด้วยขึ้นถ่ายรูป ไม่ก็อ่านหนังสือ ฟังเพลงอยู่ในโลกส่วนตัวของเธอ โลกที่ไม่มีใครสามารถเข้ามาทำร้ายเธอได้อีก ดาร์เลเน่หยิบโทรศัพท์มือถือมาส่งข้อความไปหาพ่อแม่เธอที่อยู่ประเทศไทย เพื่อไม่ให้พวกท่านที่อยู่ไกลต้องเป็นห่วง เพราะการตัดสินใจมาที่นี่ของเธอก็ทำให้พวกท่านทั้งสองเป็นกังวลไม่น้อย แต่เธอก็ยังยืนยันที่จะมาเพื่อเริ่มต้นใหม่ในที่ที่ห่างไกลผู้คน และไม่มีใครรู้จักเธอ และตลอดระยะเวลาสามเดือนที่เธอมาอยู่ที่นี่มันก็ทำให้เธอมั่นใจว่าเธอตัดสินใจไม่ผิด การใช้ชีวิตแบบเดิมซ้ำๆ ในเมืองที่ไม่ค่อยมีผู้คนทำให้เธอรู้สึกสงบและผ่อนคลายมากกว่าการอยู่ท่ามกลางความสนใจของใครหลายๆ คน ‘หนูกลับถึงห้องแล้วนะคะ วันนี้อากาศดีมากเลยค่ะ คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ’ (อย่าลืมทานยานะเลเน่) ‘ไม่ลืมค่ะ คุณพ่อคุณแม่นอนเถอะค่ะ ที่ไทยคงดึกมากแล้ว ฝันดี นะคะ’ (ฝันดีจ้ะ พ่อกับแม่รักหนูนะ) ดาร์เลเน่มองข้อความเดิมๆ ที่เธอส่งไปหาพ่อแม่เธอ และพ่อแม่เธอก็ส่งกลับมาด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ถึงแม้ในช่วงเวลาที่ชีวิตมืดมิดที่สุด เธอก็รับรู้ได้ถึงความรัก และความห่วงใยที่ท่านทั้งสองคนมีให้เธอมาโดยตลอด เช้าวันต่อมา ดาร์เลเน่ตื่นมายืนจิบชาอุ่นๆ อยู่ริมระเบียงอะพาร์ตเมนต์ชั้นสองของตัวเองท่ามกลางแสงแดดอุ่นๆ ยามเช้า บรรยากาศคุ้นเคยที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนได้เริ่มต้นใหม่ทุกครั้งที่ได้สัมผัส มันทั้งอบอุ่น และอบอวลไปด้วยกลิ่นดอกไม้อ่อนๆ ที่กำลังผลิบาน “วันนี้ไปไหนดีนะ” ดาร์เลเน่พึมพำกับตัวเองเบาๆ พลางใช้ความคิดไปด้วย เพราะวันนี้เป็นวันหยุดของเธออีกวัน ก่อนที่พรุ่งนี้จะเริ่มต้นเข้าสู่สัปดาห์ของการไปเรียนอีกครั้ง มือเรียววางแก้วชาในมือลงบนราวระเบียง พร้อมกับเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือในห้องมาค้นหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวสงบๆ ในเมืองแห่งนี้ ทว่าแก้วชาของเธอกลับถูกสายลมที่พัดผ่านมาพัดแก้วชาของเธอให้พลัดตกลงไปด้านล่าง เธอจึงรีบวิ่งมาดูด้วยความตกใจ เพราะเกรงว่าจะตกลงไปโดนผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาด้านล่าง ใบหน้าหวานชะโงกหน้าลงไปดูแก้วชาที่แตกกระจายอยู่บนพื้นด้านล่างด้วยท่าทางตื่นตระหนก เมื่อไม่ได้มีเพียงแก้วชาที่แตกกระจายอยู่ที่พื้นเท่านั้น แต่มีผู้ชายร่างสูงใหญ่มองขึ้นมายังเธอด้วยสายตาไม่พอใจ ทำให้เธอตัดสินใจรีบวิ่งลงไปด้านหน้าตึกอย่างไม่รีรอ เพื่อที่จะได้แสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำสะเพร่าของตัวเอง ด้านหน้าอะพาร์ตเมนต์ ดาร์เลเน่พยายามมองหาผู้ชายที่เธอสบตาด้วยตอนอยู่บนระเบียงห้องด้วยท่าทางร้อนรน เพราะเธอไม่รู้ว่าเขาได้รับอันตรายใดๆ หรือไม่ “หายไปไหนแล้วนะ” ดาร์เลเน่พยายามมองหา “เธอพูดว่าอะไร” น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้ดาร์เลเน่ รีบหันกลับไปมองด้วยความตกใจ “เอ่อ ขอโทษด้วยนะคะเรื่องแก้วชา คุณบาดเจ็บตรงไหนไหมคะ” ดาร์เลเน่รีบกล่าวคำขอโทษด้วยความรู้สึกผิด เมื่อเห็นว่าผู้ชายที่เรียกเธอคือคนเดียวกันกับที่เธอมองลงมาก่อนหน้านี้ “...” ชายหนุ่มไล่มองใบหน้าหวานที่เป็นเอกลักษณ์ของหญิงสาวโดยไม่ได้ตอบอะไรกลับมา “เลือดนี่!” ดาร์เลเน่ตะโกนออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นรอยเลือดบนหลังมือหนา “ทำยังไงดี คุณได้รับบาดเจ็บเพราะความสะเพร่าของฉันแท้ๆ เลย ไปโรงพยาบาลกันเถอะค่ะ” ดาร์เลเน่บอกด้วยท่าทางกระวนกระวายใจ สายตามองไปที่รอยเลือดที่หลังมือของเขาด้วยความเป็นห่วง เพราะมันค่อนข้างเยอะพอสมควร “ไร้สาระ” ชายหนุ่มบอกด้วยท่าทางรำคาญ เพราะเลือดที่อาบหลังมือเขาอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่เลือดของเขา แต่เป็นเลือดของคนที่มันทรยศเขาที่เขาพึ่งจัดการเอาเลือดชั่วของมันออกต่างหาก ก่อนจะเดินออกมาจากตึก เมื่อจัดการธุระของตัวเองเรียบร้อยแล้ว แต่ก็มีแก้วน้ำชาตกลงมาตรงหน้าเขาพอดี ซึ่งมันยังไม่ทันโดนเขาเสียด้วยซ้ำ “ไร้สาระได้ยังไงกันคะ เลือดคุณออกเยอะขนาดนี้ ถ้าไม่อยากไปโรงพยาบาล งั้นไปทำแผลที่ห้องฉันก่อนก็ยังดีค่ะ มาเร็ว” ดาร์เลเน่บอก ก่อนจะเอื้อมมือเรียวไปดึงแขนเสื้อของชายหนุ่มให้เดินตามเธอกลับเข้าไปใน อะพาร์ตเมนต์อย่างถือวิสาสะ “...” ชายหนุ่มยกมือบอกลูกน้องที่กำลังจะเข้ามาแยกตัวผู้หญิง แปลกหน้าที่กำลังจะพาตัวเจ้านายมาเฟียของพวกเขาไป แต่ก็ถูกเขายกมือห้ามเอาไว้ และยอมเดินตามหญิงสาวเข้าไปแต่โดยดี ห้องพักดาร์เลเน่ “คุณนั่งรอที่โซฟาก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลก่อนแป๊บหนึ่ง” ดาร์เลเน่บอก เพราะความเป็นกังวลกับรอยเลือดที่เห็น ทำให้เธอลืมนึกไปว่าตอนนี้เธอกำลังเผชิญหน้ากับชายแปลกหน้าตามลำพัง ดาร์เลเน่เดิน กลับมานั่งลงข้างๆ ชายหนุ่มพร้อมกับยื่นมือหมายจะทำแผลให้เขา แต่ก็หยุดชะงักก่อนที่มือทั้งสองจะได้สัมผัสกัน “เอ่อ ขออนุญาตนะคะ ฉันต้องเช็ดแผลให้คุณ” ดาร์เลเน่บอก ก่อนจะยื่นมือไปจับมือหนาขึ้นมาพลิกดู และใช้น้ำเกลือเช็ดคราบเลือดออกอย่าง เบามือ “เจ็บไหมคะ” ดาร์เลเน่ถามขณะที่พยายามเช็ดคราบเลือดออก ก่อนที่ใบหน้าหวานจะขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย เมื่อยิ่งเช็ดเธอก็ยิ่งไม่เห็นร่องรอยบาดแผลใดๆ เลย “ทำไม...มันถึงไม่มีรอยแผลเลยล่ะคะ” “เธอเป็นใคร” “คะ?” ดาร์เลเน่เงยหน้ามองเจ้าของคำถามตรงหน้าด้วยความงุนงงหนักกว่าเดิม “ใครส่งเธอมา” น้ำเสียงเยือกเย็น และสายตาที่ดุดันราวกับสัตว์ป่า ดุร้ายทำให้คนตัวเล็กรีบปล่อยมือออกจากมือหนาทันทีตามสัญชาตญาณ เอาตัวรอดของเธอ ที่บ่งบอกว่าตอนนี้สถานการณ์ดูเหมือนจะไม่ปกติเท่าไหร่ “ถะ...ถ้าคุณไม่ได้เป็นอะไรก็กลับออกไปได้แล้วค่ะ” “ฉันถามว่าเธอเป็นใคร ใครส่งเธอมา” “ฉันไม่รู้ว่าคุณหมายถึงอะไร ฉันแค่ทำแก้วชาตก แล้วกลัวว่าคุณจะได้รับบาดเจ็บก็เท่านั้น แล้วก็เห็นเลือดที่หลังมือคุณ ฉันก็คิดว่ามันเป็นเพราะฉัน ฉันเพียงแค่ต้องการแสดงความรับผิดชอบเท่านั้น” ดาร์เลเน่พยายามอธิบายให้ชายแปลกหน้าฟังด้วยท่าทางไม่ไว้วางใจ “จะให้ฉันเชื่อเธอเหรอ ว่ามันเป็นแค่อุบัติเหตุจริงๆ” “แล้วฉันจะอยากทำร้ายคุณไปเพื่ออะไร” “เธออาจจะมาล้วงข้อมูลสำคัญจากฉันก็ได้” “ฉันเป็นแค่นักศึกษาค่ะ และฉันก็ไม่ชอบวุ่นวายกับใครด้วย ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร สำคัญขนาดไหน ความลับคุณคืออะไรฉันก็ไม่รู้ แต่คุณมั่นใจเถอะค่ะว่าฉันไม่ได้อยากข้องเกี่ยวกับคุณหรอก” ดาร์เลเน่บอกไปตามความจริง “ดี ถ้าฉันหาข้อพิสูจน์ได้ว่าเธอไม่ได้เป็นอย่างที่เธอพูดจริงๆ ฉันกลับ มาหาเธอแน่” ชายหนุ่มกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้เพียงแค่นั้น ก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้หญิงสาวรีบวิ่งไปปิดประตูลงกลอนด้วยความตกใจ  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม