ตอนที่ 4
ความตายของฉันคืออิสระของเธอ
มาเฟียหนุ่มหันหลังกลับมามองคนตัวเล็กที่ค่อยๆ คลานออกมาจากตู้เสื้อผ้าด้วยสายตาราบเรียบ และไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไรกับคำถามของเธอ
“เธอยังสามารถใช้ชีวิตปกติของเธอได้ เพียงแต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของฉัน เธอสามารถไปเรียน และออกไปเที่ยวได้ แต่นั่นก็ต้องอยู่ภายใต้สายตาของฉันเหมือนกัน เธอจะได้ทุกอย่างที่เธอต้องการเพื่อแลกกับข้อตกลงที่เธอจะต้องทำตาม เห็นคนเจ็บก็ห้ามช่วย เห็นคนตายก็ห้ามเข้ามายุ่ง นั่นคือกฎของฉัน”
“...” ประโยคหลังของชายหนุ่มทำให้ดาร์เลเน่นึกถึงประโยคที่เด็กหนุ่มคนนั้นเคยบอกเธอเอาไว้ก่อนจะหนีไป “เมืองนี้คงไม่ได้สงบแบบที่ฉันคิดสินะ” ดาร์เลเน่ก้มหน้าพึมพำเบาๆ ชีวิตเธอตอนนี้รู้สึกสิ้นหวังจนไม่รู้จะเอื้อนเอ่ยคำใดๆ ออกมา “งั้นฉันขอถามคุณคำถามหนึ่งได้ไหม”
“ว่ามา”
“คุณเป็นใครในเมืองนี้”
“อยากรู้เบื้องหน้า หรือเบื้องหลังล่ะ”
“ฉันอยากรู้ตัวตนของคุณ”
“หึ ถ้าเธอเลือกข้อสองอีกเดี๋ยวเธอก็จะได้รู้อยู่ดีว่าฉันเป็นใคร แต่ดูเหมือนฉันจะหลุดปากบอกเรื่องของตัวเองให้เธอไปเยอะเลยนะ สงสัยฉันคงจะปล่อยเธอไปไม่ได้แล้วสิ” มาเฟียหนุ่มส่งรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปากให้คนตัวเล็กก่อนจะเดินออกไป
ร่างสูงใหญ่นั่งมองดูนาฬิกาเรือนหรูที่ข้อมือขณะที่เข้ามานั่งรอภายในรถหรูเป็นเวลาเกือบสิบนาทีกว่าแล้วด้วยสายตาราบเรียบ
“ออกรถเลยไหมครับนาย” โอดินมือขวาคนสนิทของมาเฟียหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านหน้ารถข้างคนขับเอ่ยถามขึ้น เพราะปกติแล้วนิสัยของครูสเป็นคนที่ไม่ชอบรออะไรนานๆ แต่เขานั่งอยู่ในรถมาเป็นเวลาเกือบสิบนาทีแล้ว
“รออีกเดี๋ยว” ครูสตอบอย่างใจเย็น และมันก็เป็นไปตามที่เขาคิดเอาไว้ เมื่อดาร์เลเน่เดินออกมาจากอะพาร์ตเมนต์ของตัวเอง พร้อมกับกระเป๋าเป้ใบหนึ่ง
ดาร์เลเน่เคาะกระจกรถเป็นเชิงขออนุญาต ก่อนจะเข้าไปนั่งข้างๆ มาเฟียหนุ่มโดยเว้นระยะห่างจากที่นั่งของเขาพอสมควร
“ฉันดีใจนะที่เธอฉลาดพอที่จะเชื่อฟังฉัน อยู่กับฉันเป็นเด็กดีอย่าสร้างปัญหาล่ะ” ครูสบอกขณะที่ยื่นมือไปลูบเส้นผมสีดำขลับของหญิงสาวอย่างเบามือ “เขยิบมานี่สิ” ครูสเอ่ยบอกกับหญิงสาว
“...” ดาร์เลเน่หันไปมองแววตากดดันที่มาเฟียหนุ่มส่งมาให้อย่างไม่มีทางเลือก เธอกอดกระเป๋าเป้บนตักแน่น พร้อมกับขยับเข้าไปใกล้มาเฟียหนุ่มอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ออกรถ” ครูสออกคำสั่งเสียงเข้มขณะที่เอื้อมมือไปโอบไหล่มนเอาไว้ ทว่าคนตัวเล็กกลับนั่งตัวเกร็งตลอดทาง แต่สุดท้ายเธอก็ทนความอ่อนเพลียเอาไว้ไม่ไหวผล็อยหลับไปในที่สุด โดยมีไหล่กว้างของมาเฟียหนุ่มเป็นที่พักพิง
รถยนต์คันหรูขับเข้ามาภายในบ้านสไตล์โมเดิร์นที่ดูทันสมัยและสบายตาบนเนื้อที่กว้างขวาง ทว่ากลับมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม มีบอดี้การ์ดสลับเวรยามตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง และทางด้านหลังก็เป็นสนามหญ้าที่ติดกับธารน้ำขนาดใหญ่ที่ครูสมักจะใช้เป็นสถานที่ฝึกยิงปืนบ่อยๆ อีกฝั่งตรงข้ามก็เป็นลานจอดเครื่องบินส่วนตัว เพราะเขามักจะต้องเดินทางแข่งกับเวลา เครื่องบินจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเขา
“ให้ผมปลุกเธอไหมครับ”
“ไม่ต้อง อุ้มไปไว้ที่ห้องนอนก่อน” ครูสบอกกับโอดิน เขาเพียงแค่พยักหน้ารับคำสั่งเงียบๆ ตามหน้าที่
ร่างบางถูกวางลงบนที่นอนสีดำสนิทโดยฝีมือของโอดิน ก่อนที่เขาจะเดินกลับออกไป ความอ่อนนุ่มของที่นอนช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าของร่างกายทำให้คนตัวเล็กหลับยาวตลอดคืน ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นมากลางดึกเลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งมีคนมานอนข้างๆ เธอ เธอก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
เช้าวันต่อมา
ร่างบางนอนพลิกตัวไปมาด้วยความอึดอัด เมื่อแสงแดดยามเช้าเริ่มแยงตา และรู้สึกหนักอึ้งที่เอวคอดบาง เปลือกตาบางกะพริบถี่ๆ เพื่อปรับม่านตาให้รับกับแสงแดดได้เป็นปกติ ก่อนที่จะเบิกโพลงอีกครั้งด้วยความตกใจ
“อ๊ะ!” ร่างบางถอยออกห่างทันทีที่เห็นร่างหนาของมาเฟียหนุ่มนอนหลับอยู่ข้างกาย มือเรียวรีบยกขึ้นมาปิดปากเมื่อรู้ตัวว่าเผลอส่งเสียงดังเกินไป ก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวออกทีละน้อยจนกระทั่งลงจากเตียงได้สำเร็จ
ร่างบางยืนมองมาเฟียหนุ่มหลับ พร้อมกับพยายามมองไปรอบๆ ห้องด้วยความงุนงง เธอไม่รู้ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน อะไรเป็นอะไร จึงไม่กล้าที่จะหยิบจับอะไรโดยพลการ ร่างบางหันหลังกลับไปมองยังแสงแดดยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาทางระเบียง เท้าเรียวก้าวเดินไปปิดผ้าม่านโปร่งสีขาวสะอาดตาลงอย่างเบามือ เพื่อไม่ให้แสงแดดรบกวนคนที่กำลังนอนหลับอยู่ ก่อนที่เธอจะเปิดประตูระเบียงออกไปยืนดูวิวด้านนอก
“สวยจัง” ดาร์เลเน่พึมพำออกมาอย่างลืมตัว เมื่อเห็นวิวทิวทัศน์ด้านหน้า ข้างหน้าเป็นสนามหญ้าสีเขียวชอุ่มตัดกับลำธารขนาดใหญ่ที่อีกฝั่งหนึ่งเป็นป่าไม้ขนาดใหญ่ ถึงแม้บรรยากาศจะดูสงบ แต่มันก็คงจะไม่ได้สงบอย่างที่เธอคิด คนตัวเล็กถอนหายใจเบาๆ พร้อมกับนำพาตัวเองออกมาจากจินตนาการที่แสนวิเศษนั่น เพราะโลกแห่งความเป็นจริงนี่คงเป็นเพียงแค่ฉากที่สวยงามเท่านั้น
“ฉันนึกว่าเธอจะซึมเศร้ากำเริบจนกระโดดลงไปข้างล่างแล้วซะอีก”
“คุณตื่นแล้วเหรอคะ...” คนตัวเล็กเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเหนียมอาย เมื่อหันไปเห็นมัดกล้ามที่โผล่พ้นออกมานอกเสื้อคลุมของชายหนุ่ม
“อืม”
“ที่นี่ที่ไหนเหรอคะ ฉันต้องไปมหาลัย”
“วันนี้ไม่ต้องไป วันนี้เธอมีหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้และจัดการ พรุ่งนี้ค่อยไป ฉันจะให้คนขับรถไปส่ง”
“ค่ะ” ดาร์เลเน่รับคำอย่างไม่เรื่องมาก หรือถ้าจะให้พูดอีกอย่างคือเธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธต่างหาก
“เธอต้องการเงินเท่าไหร่ หรือต้องการอะไรก็บอกโอดินได้เลย คนนั่งหน้ารถกับเธอเมื่อวาน”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันมีเงินส่วนตัวอยู่” ดาร์เลเน่ปฏิเสธ
“แต่มันคือสิ่งตอบแทนจากฉัน เธอควรจะรับไว้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเธอเองนะ”
“งั้นฉันขอเป็นอย่างอื่นแทนได้ไหมคะ” หญิงสาวเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับกลัวว่าสิ่งที่เธอพูดออกไปเป็นเรื่องที่ผิดนักหนา
“ว่ามาสิ”
“รับปากก่อนสิคะ ว่าจะตกลง ฉันขอแค่อย่างเดียวจริงๆ”
“หึ ก็ดีฉันชอบคนเอาตัวรอดเก่ง อยากขออะไรฉันล่ะ ฉันรับปากว่าจะให้เธอตามที่เธอขอ”
“คุณจะไม่ทำอะไรฉันใช่ไหมคะ หมายถึงอย่าทำอะไรฉันแบบนั้นได้ไหม”
“แบบนั้นคือแบบไหน” มาเฟียหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบพร้อมกับสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้คนตัวเล็กจนลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดลงมาบนหน้าผากมน
“ฉันรู้ว่าคุณรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร”
“แล้วเธอคิดว่าฉันจะเอาเด็กผู้หญิงอย่างเธอมาเลี้ยงดูทำไมกัน จะเอามาแค่ดูเล่นอย่างงั้นเหรอ”
“แต่คุณรับปากฉันแล้ว”
“ไม่มีสัจจะในหมู่โจรเคยได้ยินไหม แล้วฉันเป็นมาเฟียนี่นับรวมด้วยหรือเปล่า”
“มาเฟีย” ดาร์เลเน่ทวนคำพูดของชายหนุ่มด้วยแววตาตกใจเล็กน้อย “นั่นคือตัวตนของคุณใช่ไหม”
“ใช่ ฉันเป็นมาเฟีย เพราะฉะนั้นอย่าพยายามอยากรู้อะไรในบ้านหลังนี้ เพราะยิ่งเธอรู้เยอะมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น” ถึงแม้จะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่หญิงสาวก็รับรู้ได้ถึงคำเตือน และความน่าเกรงขามในน้ำเสียงนั้นได้เป็นอย่างดี มันยิ่งตอกย้ำให้เธอต้องยอมรับชะตากรรมที่ไม่มีทางเลือกของตัวเอง
“ยังไงฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่นอยู่ดี แล้วฉันจะหาเรื่องตายไปทำไมกันคะ” ดาร์เลเน่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงว่างเปล่า เขาไม่ใช่แค่ผู้มีอิทธิพลแบบที่เธอคิด แต่เขาคือคนที่ถืออำนาจอยู่เหนือกฎหมาย เขาสามารถฆ่าคนได้โดยไม่รู้สึกผิด และเขาก็สามารถฆ่าคนได้โดยไม่มีความผิดเช่นกัน
“ดีมากเด็กดีของฉัน”
“ฉันมีหน้าที่ต้องทำไหมคะ หรือคุณอยากให้ฉันมาอยู่ด้วยเฉยๆ แค่นั้นเหรอคะ”
“สิ่งที่ฉันอยากให้เธอทำ เธอพึ่งขอร้องให้ฉันไม่ทำมันเมื่อกี้ไง”
“คุณจะทำตามคำขอฉันจริงๆ เหรอคะ!” ดาร์เลเน่เงยหน้าถามด้วยแววตาเป็นประกาย จู่ๆ เธอก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมา ก่อนจะรู้ตัวว่าเผลอทำบางอย่างพลาดไป เมื่อริมฝีปากพลาดไปแตะกับกลีบปากหนาของชายหนุ่มเบาๆ จังหวะที่เธอเงยหน้าขึ้น ทำให้เธอรีบก้มหน้าลงมาที่เดิมทันที
“ตราบใดที่เธอเป็นเด็กดีของฉัน ฉันจะทำตามที่เธอขอ ฉันบอกแล้วไงฉันใจดีกว่าที่เธอคิดนะอย่างน้อยก็ในบรรดาเพื่อนของฉัน”
“ทะ...ทราบแล้วค่ะ”
“แต่แบบนี้ฉันไม่นับรวมในคำขอของเธอนะ” ชายหนุ่มกระซิบข้างใบหูขาวสะอาดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ก่อนจะจับปลายคางมนให้เชิดหน้าขึ้นเบาๆ พร้อมกับแนบริมฝีปากหนาลงมาทาบทับกับริมฝีปากเล็กเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ บดขยี้ราวกับเป็นมาร์ชเมลโลนุ่มๆ แต่มันกลับเริ่มรุนแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว ปลายลิ้นหนาสอดแทรกเข้าไปตวัดดูดดุนปลายลิ้นเล็กจนน้ำลายใสๆ ไหลออกมาเปรอะเปื้อนรอบริมฝีปากเล็ก มือเรียวออกแรงดันหน้าท้องแกร่งให้ออกห่าง เมื่อเธอเริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะขาดอากาศหายใจ
พรึ่บ!
“แฮ่ก! แฮ่ก!” คนตัวเล็กยกมือขึ้นจับราวระเบียงเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยว พร้อมกับใช้มืออีกข้างเช็ดคราบน้ำลายออกด้วยความเขินอาย และตกใจในเวลาเดียวกัน
“ฉันชักไม่แน่ใจแล้วสิ ว่าฉันจะอดทนกับคำขอของเธอไปได้นานแค่ไหน” ครูสบอกด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ พร้อมกับตวัดปลายลิ้นหนาเช็ดคราบน้ำลายที่เปรอะเปื้อนอยู่บริเวณริมฝีปากตัวเองช้าๆ โดยที่สายตาไม่ได้ละไปจากใบหน้าหวานที่กำลังแดงระเรื่ออยู่ในตอนนี้เลย
ดาร์เลเน่มองเสื้อผ้าแบรนด์ดังเกือบสิบแบรนด์ตรงหน้าเธอด้วยสายตาราบเรียบไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น หรืออยากได้เลยแม้แต่น้อย เพราะแต่ละชุดที่มีมาให้เธอเลือกมีแต่ชุดนอนตัวบางๆ สั้นๆ ทั้งนั้น เธอจะใส่ชุดพวกนี้นอนกับมาเฟียหนุ่มสองต่อสองได้ยังไง
“ชอบชุดไหน เลือกมาสิ” ครูสบอกขณะที่กำลังนั่งเอนหลังพิงพนักโซฟารอคนตัวเล็กเลือกชุดอย่างใจเย็น
“มันไม่มีแบบที่ฉันอยากได้เลยค่ะ จริงๆ ฉันเอาเสื้อผ้าติดมาด้วยสองสามชุด เดี๋ยวซักเอาก็ได้ค่ะ” ดาร์เลเน่พยายามปฏิเสธเป็นนัย แต่ดูเหมือนมาเฟียหนุ่มจะรู้ทันเธอไปเสียทุกอย่างถึงได้พูดดักทางเธอขึ้นมา
“จะเลือกเองหรือให้ฉันเลือกให้ งั้นฉันเลือกตัวนั้น” ครูสชี้ไปที่ชุดนอนซีทรูสีชมพูพีชตัวบาง พนักงานที่ถือชุดจึงเดินหยิบเสื้อตัวนั้นมาส่งให้กับดาร์เลเน่ทว่าสายตากลับมองทอดไปที่มาเฟียหนุ่มด้วยสายตายั่วยวน ดาร์เลเน่แอบเหล่มองสายตาของหญิงสาวด้วยความสงสัยว่าทำไมพนักงานสาวคนนั้นถึงกล้าส่งสายตาให้กับครูสอย่างเปิดเผยขนาดนั้น
“มันไม่บางเกินไปหน่อยเหรอคะ” ดาร์เลเน่หันไปขอความคิดเห็นจากมาเฟียหนุ่ม
“สีชมพูเหมาะกับผิวเนียนของเธอ”
“แต่ว่า...”
“ใส่ชุดที่ฉันซื้อให้ใหม่ ส่วนเสื้อยืดกางเกงวอร์มที่เธอเอามา ฉันให้คนเอาไปทิ้งแล้ว อยู่กับฉันอย่าแต่งตัวมิดชิด ฉันชอบมองผิวขาวๆ ของเธอ” คำตอบที่ตรงไปตรงมาของครูสทำให้หญิงสาวก้มหน้างุดด้วยความเขินอายและหนักใจในเวลาเดียวกัน ถึงเขาจะบอกว่าเธอสามารถมีอิสระได้ตามปกติ แต่จริงๆ แล้วอิสระของเธอคือการอยู่ภายใต้ความพึงพอใจของเขาเท่านั้น
“ส่วนผู้หญิงคนนั้น มึงไม่ได้บอกเหรอว่ากูไม่ชอบอะไรที่น่ารำคาญ” ครูสหันไปถามโอดินมือขวาของเขาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น และประโยคของเขาก็กำลังแสดงให้เห็นว่าเขาไม่พอใจต่อการกระทำของพนักงานสาวคนนั้น
“ผมจะจัดการให้ครับนาย” โอดินรับคำ ก่อนจะโบกมือให้พนักงานนำส่งเสื้อผ้าทั้งหมดออกไปจากห้อง โดยมีเขาเดินตามออกไปจัดการเรื่องทั้งหมด
ดาร์เลเน่มองตามหลังพนักงานสาวที่เดินออกไปด้วยความสงสัยว่าโอดินจะทำอะไรกับเธอคนนั้น ก่อนจะสะดุ้งตัวโยนเมื่อถูกมือหนาวางลงบนไหล่มนเบาๆ
“คะ?” ดาร์เลเน่รีบหันกลับไปตามแรงสัมผัสอย่างตื่นตระหนก
“อยากรู้ไม่ใช่เหรอว่าผู้หญิงคนนั้นต้องเจอกับอะไรที่กล้ามองหน้าฉัน” ใบหน้าหวานที่กำลังเงยหน้าคุยอยู่กับเขารีบก้มหน้างุดทันที เมื่อได้ยินประโยคถัดมาของมาเฟียหนุ่ม
“ขะ...ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้ว่าคุณมีกฎอะไรแบบนั้นด้วย ฉันจะระวังให้มากกว่านี้แล้วกันนะคะ” ดาร์เลเน่รีบแก้ตัวพัลวัน ทว่ามือหนากลับค่อยๆ ช้อนปลายคางมนขึ้นมาสบตากับเขาตรงๆ แต่คนตัวเล็กก็พยายามเสมองไปทางอื่น เพราะหวาดกลัวกับถ้อยคำข่มขู่ของเขาก่อนหน้านี้
“หึ” มาเฟียหนุ่มแค่นหัวเราะในลำคอเบาๆ ให้กับท่าทางของหญิงสาว ก่อนจะโน้มลงไปจูบลงบนริมฝีปากอ่อนนุ่มอย่างเอาแต่ใจ มือเรียวกำชายเสื้อยืดสีขาวสะอาดตาของชายหนุ่มเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยว เมื่อเขาเริ่มสอดแทรกปลายลิ้นหนาเข้ามา แต่เธอก็ชิงผละตัวหนีออกมาเสียก่อน มาเฟียหนุ่มจึงตวัดสายตามองการกระทำของหญิงสาวด้วยแววตาไม่พอใจ “เธอมีสิทธิ์ปฏิเสธฉันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ฉันแค่หายใจไม่ออกค่ะ” ดาร์เลเน่ตอบกลับเสียงสั่น ใบหน้าหวานเริ่มแสดงออกถึงความเจ็บจากแรงบีบที่ท่อนแขนของเธอโดยฝีมือของมาเฟียหนุ่ม
“เธอคงไม่อยากเห็นฉันอารมณ์ไม่ดีหรอกใช่ไหม”
“...”
“เพราะฉะนั้นอย่าพยายามต่อต้าน และทำอะไรที่มันขัดใจฉัน”
“...” ใบหน้าหวานก้มหน้าหลุบมองที่พื้น เพราะไม่กล้าพอที่จะสบตาเข้ากับนัยน์ตาดุดันคู่นั้น
“เข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม”
“เข้าใจค่ะ”
“แล้วทำไมถึงไม่มองหน้าฉัน”
“ก็คุณไม่ชอบให้คนอื่นมองหน้าคุณไม่ใช่เหรอคะ” ดาร์เลเน่ตอบพลางเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าคมคายตามแบบฉบับชาวยุโรปของมาเฟียหนุ่มอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ถ้าไม่มองนานจนน่ารำคาญเกินไป ฉันก็อนุญาตให้เธอมองฉันได้ และเวลาที่คุยกับฉันห้ามหลบสายตาฉันแบบเมื่อกี้นี้อีก เข้าใจไหม”
“เข้าใจค่ะ” ดาร์เลเน่ตอบกลับพร้อมกับฝืนมองลึกไปในดวงตาลึกลับของมาเฟียหนุ่มตามความต้องการของเขา
“เก่งมากเด็กดี” ครูสปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ พร้อมกับยื่นมือไปลูบศีรษะทุยเบาๆ ก่อนจะเดินนำคนตัวเล็กออกมายังลานกว้างที่หน้าบ้าน ทำให้เธอต้องรีบเดินตามเขาออกมาอย่างไม่มีทางเลือก
“!!!” มือเรียวยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ เมื่อเห็นร่างกายน่าเวทนาของพนักงานสาวคนนั้นนอนหมดสติอยู่กลางลานกว้างที่มีแดดร้อนสาดส่องลงมา
“ยังไม่ตาย ฉันแค่ตักเตือนให้ผู้หญิงคนนั้นรู้ว่าฉันไม่ชอบสายตาน่ารังเกียจของพวกหล่อน”
“...” ดาร์เลเน่ยังคงมองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจ และหวาดกลัวในคราเดียวกัน เพียงแค่พนักงานสาวส่งสายตาให้เขา เธอถึงกับต้องนอนหมดสติด้วยสภาพที่น่าหดหู่ใจขนาดนั้น แล้วเธอล่ะ...ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ข้างกายปีศาจอย่างเขา เธอจะต้องเจอกับอะไรบ้าง
“กลัวเหรอ” ครูสหันมาถามคนตัวเล็ก
“กะ...ก็นิดหน่อยค่ะ”
“อีกเดี๋ยวเธอก็จะชินกับภาพพวกนี้ไปเอง”
“ฉันจะไม่ใช่คนที่นอนหมดสติอยู่ตรงนั้นใช่ไหมคะ” ดาร์เลเน่เอ่ยถามออกมาด้วยความลืมตัว เพราะสติที่หลุดลอยไปไกล
“ฉันบอกแล้วไง ตราบใดที่เธอเป็นเด็กดีของฉัน เธอจะอยู่เหนือทุกคนในบ้านหลังนี้”
“ฉัน...จะมีโอกาสได้ไปจากที่นี่ไหมคะ” ดาร์เลเน่เอ่ยถามด้วยแววตาไร้ความหวัง
“ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ ฉันให้เธอเห็นภาพที่มันหดหู่ใจเกินไปเหรอ เธอถึงไม่อยากอยู่กับฉันแล้ว” ครูสหันกลับมาถามคนตัวเล็กตรงๆ ทว่าน้ำเสียงกลับแฝงไปด้วยความเยือกเย็น และน่าเกรงขาม “วันหลังฉันจะพยายามไม่ให้เธอเห็นเหตุการณ์แบบนี้อีกดีไหม ถ้าเธอไม่ต้องการ” ครูสเอ่ยถามสาวน้อยที่ยืนมองเขาด้วยสายตาหวาดระแวง เมื่อเขายื่นมือไปเกลี่ยปอยผมอ่อนนุ่มที่ตกลงมาปรกหน้าเธอขึ้นไปทัดหูอย่างเบามือ
“...”
“ทำไมถึงมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นล่ะ ยังคิดที่จะไปจากฉันอยู่อีกเหรอ”
“เปล่าค่ะ”
“รู้ไหมว่าเด็กดีของฉันโกหกไม่เนียนเลย ถ้าอยากไปจากฉัน เธอก็ฆ่าฉันซะสิ ถ้าเธอฆ่าฉันได้ ฉันจะยอมปล่อยเธอไปจากฉัน ความตายของฉันคืออิสระของเธอ” คำแนะนำทางออกที่เหมือนจะไม่ใช่ทางออกของครูสทำให้คนตัวเล็กรีบดึงสติตัวเองกลับคืนมา ก่อนที่จะเผลอแสดงท่าทีแปลกๆ ออกมามากกว่านี้
“ฉันขอไปเดินสูดอากาศหลังบ้านได้ไหมคะ เห็นมีธารน้ำอยู่ด้วย” ดาร์เลเน่รีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที ทำราวกับไม่ได้ยิน หรือรับรู้อะไรมาก่อนหน้านี้ ซึ่งครูสเองก็ไม่ได้ว่าอะไร ยอมพาคนตัวเล็กเดินไปดูสวนหลังบ้านอย่างว่าง่าย