ตอนที่ 3
บังเอิญ
ดาร์เลเน่กลับมาที่ห้องพักของตัวเองหลังจากที่เจ้าหน้าที่ทยอยกลับไปหมดแล้ว เธอใช้เวลานั่งคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นด้วยความสับสน รวมไปถึงคำพูดของผู้ชายที่โดนรุมกระทืบเมื่อตอนกลางวันที่บอกอะไรบางอย่างแปลกๆ กับเธอมา
“หรือว่าเมืองนี้มันมีอะไรซ่อนอยู่กันแน่นะ” ดาร์เลเน่พึมพำ ก่อนจะรีบเปิดแล็ปท็อปของตัวเองค้นหาข้อมูลของเมืองที่เธออยู่ แต่ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ นอกจากขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีประชากรน้อย และสงบที่สุดแห่งหนึ่ง หรือบางทีเธออาจจะแค่คิดมาก และวิตกกังวลไปเอง เพราะก่อนหน้านี้เธอก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ปกติไม่ได้มีเหตุการณ์แปลกๆ อะไร จนกระทั่ง...เธอได้มาเจอกับชายคนนั้น
ใบหน้าหวานหันมองไปรอบๆ ห้องด้วยความหวาดระแวง เพียงแค่นึกถึงแววตาดุดันคู่นั้นเธอก็รู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมา ร่างบางเดินลุกไปปิดม่านหน้าต่างที่เปิดอยู่ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อเช้าเธอไม่ได้เปิดม่านเอาไว้...แสดงว่ามีคนเข้ามาในห้องเธออย่างนั้นเหรอ
ดาร์เลเน่รีบปิดผ้าม่านก่อนจะเดินกลับเข้ามายืนกลางห้องพร้อมกับเริ่มมองไปรอบๆ ด้วยสายตาหวาดระแวงอีกครั้ง ร่างบางเริ่มเดินไปรื้อสิ่งของในห้องราวกับคนเสียสติ เพราะภาพเหตุการณ์ในอดีตเริ่มหวนคืนกลับมาฉายซ้ำอีกครั้ง
ทางด้านครูส
มาเฟียหนุ่มนั่งมองภาพเคลื่อนไหวของหญิงสาวอยู่กลางห้องด้วยสายตาราบเรียบ ขณะที่กำลังนั่งจิบแก้วเหล้าราคาแพงในมือของเขาไปด้วยท่าทางสบายใจ
“ดาร์เลเน่ ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเธอเป็นแบบในประวัติของเธอที่ฉันได้มารึเปล่า” มาเฟียหนุ่มพึมพำกับตัวเอง ในขณะที่ภาพการเคลื่อนไหวของหญิงสาวบนหน้าจอเริ่มรุนแรงขึ้นคล้ายกับคนเริ่มมีอาการคลุ้มคลั่งหนักขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่ร่างบางจะทิ้งตัวลงกองกับพื้นด้วยท่าทางหวาดผวา เขาจึงได้กล่าวคำทักทายลงไปหาคนที่อยู่ในจอด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นไร้ซึ่งความเป็นมิตร “ไง กำลังมองหาฉันอยู่เหรอ”
“คุณ!” ดาร์เลเน่มองไปรอบๆ ห้องด้วยท่าทางหวาดผวา เมื่อได้ยินน้ำเสียงคุ้นเคยดังขึ้นภายในห้องพักของเธอ “คุณเป็นใคร ต้องการอะไรจากฉันกันแน่” หญิงสาวถามออกไปโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเสียงนั้นดังมาจากไหน แต่เธอก็รับรู้ได้ว่าเขากำลังเฝ้ามองเธออยู่จากที่ใดที่หนึ่งภายในห้องแห่งนี้
“ประวัติของเธอบอกว่าเธอเคยเข้ารักษาตัวด้วยอาการทางจิตชนิดรุนแรงถึงขั้นที่ต้องตัดขาดจากสังคมภายนอกเพราะอาการวิตกกังวลเกือบปี เนื่องจากเคยถูกเพื่อนผู้หญิงที่อิจฉาในหน้าตาของเธอแอบตั้งกล้องถ่ายคลิปเธอตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าในชั่วโมงพละที่โรงเรียน แล้วเอาคลิปไปขายต่อให้กับเด็กผู้ชายในโรงเรียน หลังจากนั้นเธอก็ตกเป็นเป้าสายตาของเด็กในโรงเรียน พอมารู้ตัวว่าคลิปนั้นหลุดออกไปเธอก็เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่กลับไปที่โรงเรียนอีกเลย และเด็กผู้หญิงที่ทำกับเธอแบบนั้นก็ไม่สามารถเอาผิดอะไรได้ เพราะว่าเป็นลูกของคนใหญ่คนโต โลกของเธอก็เลยเปลี่ยนไปกลายเป็นโลกที่มืดมนไม่ยุติธรรม ผู้คนในสังคมกลายเป็นบุคคลที่น่ากลัวสำหรับเธอ เพราะไม่มีใครคิดจะเตือนเธอเรื่องคลิปหลุดพวกนั้น แต่กลับเอาเธอไปนินทาลับหลังกันจนสนุกปาก”
ดาร์เลเน่นิ่งเงียบไป สิ่งที่ชายหนุ่มพรั่งพรูออกมา ทุกอย่างที่เขาเล่ามาคือเรื่องจริงที่เธอพยายามลบเลือนมาโดยตลอด แต่มันก็ยังคงฝังแน่นอยู่ในใจของเธอ เนื้อตัวเริ่มสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ผู้ชายคนนั้นอันตรายกว่าที่เธอคิด และตอนนี้เขาก็กำลังคุกคามชีวิตของเธอ เหมือนที่เด็กนักเรียนพวกนั้นเคยทำกับเธอ
“เธอรู้ไหมว่าเด็กผู้ชายที่เธอช่วยชีวิตไว้เมื่อตอนกลางวันมันเป็นใคร”
“คุณหมายความว่ายังไง”
“มันเป็นลูกชายของคนที่ฉันพึ่งฆ่าไปที่หอเธอไง พ่อมันเป็นนักฆ่าที่ฝีมือดีคนหนึ่งเลยทีเดียว เพราะสามารถมาล้วงความลับสำคัญของฉันไปได้ ฉันถึงต้องตามไปเก็บมันด้วยตัวเอง แต่ว่าก็ช้าเกินไป เพราะมันส่งต่อความลับนั้นไปให้ลูกชายของมันแทน และเธอรู้ไหมว่าตอนนี้ความลับนั้นไม่ได้อยู่ที่เด็กคนนั้นแล้ว”
“...”
“แต่มันอยู่กับเธอ”
“ฉันไม่เข้าใจ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณทั้งนั้นฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณชื่ออะไร!” ดาร์เลเน่ตะโกนตอบกลับด้วยความรู้สึกโกรธที่เขาทำเหมือนเธอเป็นคนผิด ทั้งๆ ที่เธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย หนำซ้ำยังคุกคามเธออีกด้วย
“ลองล้วงในกระเป๋ากางเกงเธอดูสิ”
ดาร์เลเน่ยื่นมือเรียวล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเองจริงๆ ก่อนจะเจอแฟลชไดรฟ์อันหนึ่งอยู่ในกระเป๋ากางเกงของเธอตามที่เขาบอก
“ฉะ...ฉันไม่รู้ว่าอันนี้มันมาอยู่กับฉันได้ยังไง” ดาร์เลเน่รีบตอบปฏิเสธทันควัน เพราะเกรงว่าชายหนุ่มจะเข้าใจผิด และเอาเธอเข้าไปเกี่ยวโยงกับเรื่องวุ่นวายของเขาอีก
“บังเอิญดีนะ ที่จู่ๆ เธอก็เข้ามาข้องเกี่ยวกับชีวิตฉันแทบจะทุกสถานการณ์”
“ฉันสาบานว่าฉันไม่รู้จริงๆ”
“พรุ่งนี้ฉันจะไปเอาแฟลชไดรฟ์นั้น เตรียมตัวเอาไว้ให้ดี แล้วก็อย่าคิดที่จะหนี เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก”
ดาร์เลเน่พยายามมองหากล้องที่ซ่อนอยู่หลังจากที่น้ำเสียงของอีกฝ่ายเงียบหายไป แต่นั่นก็ทำให้เธอหวาดระแวงตลอดทั้งคืน เพราะไม่ว่าจะพยายามหาแค่ไหนเธอก็ไม่เห็นสิ่งผิดปกติในห้องของเธอเลย นั่นหมายความว่าตอนนี้เขาอาจจะกำลังมองดูเธออยู่ก็ได้ ดาร์เลเน่กลับมานั่งสงบสติอารมณ์พร้อมกับนั่งจ้องมองแฟลชไดรฟ์เจ้าปัญหาในมือเธออย่างหัวเสีย ตอนนี้เธอรู้แค่ว่าเธอคงไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้แล้ว แต่เธอจะหนีไปยังไง...หนียังไงให้พ้นสายตาของเขา
ร่างบางนั่งกัดเล็บตัวเองจนเลือดซิบ พลางมองนาฬิกาที่บ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบตีสามกว่าแล้ว เธอยังไม่ได้นอน และไม่ได้ทานข้าวเย็นเลย แต่จะให้เธอหลับลงได้ยังไงในเมื่อเธอไม่สามารถรู้ได้เลยว่าตอนนี้กำลังมีคนแอบมองเธออยู่หรือเปล่า แต่สุดท้ายเธอก็ไม่สามารถอดทนต่อไปได้จึงเลือกที่จะไปเก็บของใช้จำเป็น และเสื้อผ้าบางส่วนใส่กระเป๋าเป้สะพายหลังเตรียมที่จะออกไปจากที่นี่เพื่อไปตายเอาดาบหน้า และเธอก็พบเรื่องที่น่าตกใจอีกครั้ง เมื่อพาสปอร์ตที่ควรจะอยู่ในลิ้นชักโต๊ะเขียนหนังสือหายไป พร้อมกับเอกสารสำคัญของเธอ หญิงสาวยืนตัวสั่นอยู่กลางห้องพักราวกับคนเสียสติ เธอไม่รู้ว่าควรจะหาทางออกให้กับเรื่องนี้ยังไงดี
“หายไปได้ยังไง มันต้องอยู่ตรงนี้สิ” ดาร์เลเน่พยายามปลอบใจตัวเองว่าเป็นเพราะเธอหาไม่ดีเองถึงหาพาสปอร์ตไม่เจอ แต่ไม่ว่าจะพยายามรื้อค้นมากแค่ไหน เธอก็ไม่เจออยู่ดี
แกร๊ก!
ร่างบางสะดุ้งตัวโยนด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินเสียงปลดล็อกประตูดังขึ้น เธอจึงรีบวิ่งไปซ่อนตัวภายในตู้เสื้อผ้าด้วยความตื่นตระหนก ในขณะเดียวกันร่างสูงของผู้มาเยือนก็กำลังก้าวเข้ามาภายในห้องอย่างเชื่องช้า ไม่ได้ดูเร่งรีบอะไร
“หึ” มาเฟียหนุ่มแค่นหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะเดินไปหยิบแฟลชไดรฟ์ที่วางอยู่ที่พื้นมาเก็บใส่กระเป๋ากางเกงยีนของตัวเอง “ฉันแค่แวะมาเอาของ ส่วนเรื่องอดีตของเธอถ้าอยากให้ฉันช่วยจัดการสวะพวกนั้นก็บอกได้นะ เผื่อความแค้นในใจเธอจะได้เบาลง จะได้ไม่มีอาการคลุ้มคลั่งแบบนี้ ถือซะว่าแทนคำขอบคุณที่ช่วยเก็บความลับสำคัญฉันไว้ก็แล้วกัน”
มือเรียวยกมือขึ้นมาปิดปากแน่น เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาหยุดอยู่หน้าตู้ที่เธอซ่อนตัวอยู่ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามกรอบหน้ารูปไข่จนเปียกชุ่ม แต่นั่นไม่ใช่เพราะความร้อนภายในตู้ แต่เป็นเพราะความหวาดกลัวที่กำลังกัดกินหัวใจเธอในตอนนี้ต่างหาก
แอ๊ด~
“กรี๊ดดดดดดดด!” เสียงกรีดร้องดังขึ้นทันที เมื่อบานตู้เสื้อผ้าถูกเปิดออก ก่อนที่แววตาสั่นระริกของเธอจะสบเข้ากับนัยน์ตาดุดันคู่นั้น ร่างบางถอยร่นหนีไปจนชิดติดผนังตู้เสื้อผ้าด้วยท่าทางหวาดผวา
“จะไม่ออกมาทักทายกันหน่อยเหรอ” ชายหนุ่มเอียงคอถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“...” คนตัวเล็กปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอะไรออกมา แม้กระทั่งหายใจตอนนี้ยังยากลำบากสำหรับเธอ
“ฉันชื่อครูส จำชื่อฉันไว้ให้ดีล่ะ”
“...” ดวงตาสั่นระริกเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อชายหนุ่มยื่นมือมาเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าเธอเบาๆ แต่สัมผัสพวกนั้นกลับทำให้เธอรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงขั้วหัวใจ
“กลัวฉันเหรอ”
“...”
“รู้ไหมว่าถ้าคนอื่นมาเห็นคงจะบอกว่าฉันใจดีกับเธอมากนะ”
“ฮึก!” หยดน้ำตาหยดแรกไหลลงมาเมื่อไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป
“ฉันบอกให้เธอหลบฉันให้พ้น แต่เธอก็พยายามเอาตัวเองเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องของฉันอยู่เรื่อยเลยนะ”
“...”
“การปิดปากไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอกนะ การที่เธอหนีมาที่นี่แล้วปล่อยให้คนที่มันทำให้ชีวิตเธอเป็นแบบนี้ก็นับว่าเป็นการกระทำที่สิ้นคิดเหมือนกัน”
“...”
“อยากให้ฉันช่วยไหมล่ะ”
“ฮึก” คนตัวเล็กส่ายหน้าทั้งน้ำตา เธอไม่ต้องการที่จะข้องเกี่ยวใดๆ กับเขาอีก
“แล้วกระเป๋าเสื้อผ้านั่นอะไร คิดจะหนีฉันเหรอ”
“...”
“คิดจะหนีฉัน ทั้งๆ ที่ฉันบอกให้เธอรอน่ะเหรอ นั่นก็เป็นอีกหนึ่งการกระทำที่สิ้นคิดของเธออีกอย่างหนึ่งนะ” มือหนาเลื่อนขึ้นไปลูบไล้เรือนแก้มเปื้อนน้ำตาของหญิงสาวอย่างเชื่องช้า ก่อนจะออกแรงบีบปลายคางมนเบาๆ “เธอไม่มีทางหนีฉันพ้น ถ้าฉันไม่อนุญาตให้เธอไป”
“ฉะ...ฉันทำอะไรผิดนักหนาเหรอ ทำไมคุณต้องตามรังควานฉันด้วย”
“รังควาน? ฟังดูหยาบคายไปหน่อยนะ” มาเฟียหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก เมื่อในที่สุดดาร์เลเน่ก็ยอมปริปากพูดออกมา
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น แฟลชไดรฟ์คุณ ฉันยังไม่ได้เปิดดูด้วยซ้ำ วางอยู่กลางห้อง คุณเอากลับไปได้เลย” คนตัวเล็กบอกด้วยน้ำเสียงกล้าๆ กลัวๆ
“อดีตของเธอไม่ได้สอนอะไรเธอเลยเหรอ”
“เลิกพูดถึงอดีตของฉันสักทีได้ไหม” ดาร์เลเน่พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ให้ปะทุขึ้นมาในตอนนี้
“ทำไมฉันถึงพูดไม่ได้ล่ะ สิ่งที่เธอควรทำคือการเผชิญหน้า และลุกขึ้นสู้ไม่ใช่หนีมาแบบนี้ เพราะการที่เธอหนีคนที่ทำร้ายเธอ ก็เท่ากับเธอยอมเป็นผู้ถูกกระทำ”
“คุณต้องการอะไรจากฉันกันแน่ คุณจะมาสนใจเรื่องของฉันทำไม”
“เพราะเธอน่าสนใจไง เด็กน้อย” มาเฟียหนุ่มระบายยิ้มมุมปากออกมา ก่อนจะคลายแรงบีบ เลื่อนมือไปเช็ดคราบน้ำตาบนเรือนแก้มใสเบาๆ “ฉันมีทางเลือกให้เธอสองทาง”
“...” ดาร์เลเน่มองตามแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงกลับไปนั่งลงบนปลายเตียงด้วยท่าทางสุขุม
“หนึ่ง หนีปัญหาเหมือนที่เธอชอบทำ แต่ฉันมั่นใจว่าเธอไม่มีทางหนีฉันพ้น หรือสองเผชิญหน้ากับปัญหา โดยการมาอยู่กับฉัน”
“ฉันไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าปัญหาของฉันมันคืออะไร”
“ปัญหาคือตอนนี้ฉันสนใจเธอไงเด็กน้อย” มาเฟียหนุ่มยกคิ้วหนาขึ้น พร้อมกับยกยิ้มมุมปากด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์
“ฉันไม่อยากเลือกอะไรทั้งนั้น ฉันอยากใช้ชีวิตของฉันเหมือนเดิม”
“โทษทีนะ พอดีฉันมีทางออกให้เธอแค่สองทาง ถ้าปฏิเสธฉันก็แค่หนีฉันให้พ้น”
“คุณเข้าห้องฉันได้ คุณรู้ว่าฉันทำอะไร อยู่ไหน คุณรู้แม้กระทั่งอดีตของฉัน แล้วจะให้ฉันหนีคุณได้ยังไง”
“เธอถึงต้องเลือกข้อสองไง”
“...” หยดน้ำตาใสๆ ไหลลงมาด้วยความอึดอัด สถานการณ์ในตอนนี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเดินกลับไปในหนทางที่มืดมนอีกครั้ง เพราะเธอมองไม่เห็นทางออกของปัญหาในตอนนี้เลย
“ฉันไม่ชอบการตัดสินใจที่เชื่องช้านะ เพราะมันทำให้ฉันเสียเวลา ถ้าเธอไม่เดินตามฉันออกไปฉันจะถือว่าเธอเลือกข้อหนึ่งก็แล้วกัน แล้วฉันจะเป็นคนตามล่าเธอด้วยตัวเอง น่าสนุกดีว่าไหม”
“เดี๋ยวก่อน!” ดาร์เลเน่ตะโกนหยุดเรียวขายาวที่กำลังจะก้าวเดินออกจากห้องไป “ฉันต้องไปอยู่กับคุณในฐานะอะไร ฉันต้องเจอกับอะไรบ้าง” ดาร์เลเน่ถามออกไป เพื่อตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเธอ เพราะตอนนี้คงไม่มีใครสามารถช่วยเธอได้นอกจากตัวเธอเอง