การซักผ้าแบบใหม่

1311 คำ
เมื่อมาถึงริมแม่น้ำก็มีชาวบ้านอยู่ไม่น้อยที่นั่งซักผ้าอยู่ พอเห็นเลี่ยงรุ่ยแบกตะกร้าผ้ามาให้หลินเยว่ก็อดจะกระซิบพูดคุยกันไม่ได้ บางคนเห็นใจนางที่เป็นถึงคุณหนูแต่ต้องแต่งเข้ามาเป็นหลานสะใภ้ของนางฮั่วซื่อที่ปากร้ายใจแคบ บางคนก็ยินดีในคราวเคราะห์ของผู้อื่น หลินเยว่นางไม่สนใจว่าผู้ใดจะมองนางหรือนินทานางเช่นไร เมื่อเลี่ยงรุ่ยวางตะกร้าลง นางจึงให้เขาไปดูกับดักสัตว์ที่เขาวางไว้ “เจ้าทำไหวแน่หรือ” เขามองนางอย่างเป็นห่วง เพราะรู้ดีว่านางคงไม่เคยซักผ้าเช่นนี้ “เอาเถิด ท่านไปจัดการเรื่องของท่านเถิด” นางจะทำไหวได้อย่างไร แต่ในเมื่อต้องการให้นางซัก จะออกมาเป็นเช่นไรก็จะต่อว่านางไม่ได้เช่นกัน “ประเดี๋ยวข้าจะกลับมาแบกกลับเรือนเอง เจ้าซักเสร็จแล้วรอข้าอยู่ที่นี่เล่า” “อืม ไปเถิด” หลินเยว่นั่งลงที่ก้อนหินริมน้ำ นางนำเสื้อผ้าออกมากองทั้งหมด ก่อนจะเริ่มต้นซักที่ละตัว นางไม่ได้ดูว่าผู้อื่นซักผ้าเช่นไร นางมีวิธีของนาง เมื่อสตรีที่อยู่ริมน้ำเห็นการซักผ้าของหลินเยว่ ต่างก็ต้องร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ ถึงกับมีสตรีใจกล้าเอ่ยถามนางด้วยว่ากำลังทำอะไร “ภรรยาอารุ่ยเจ้าซักผ้าไม่เป็นรึ เหตุใดถึงทำเช่นนั้น” หลินเยว่หันมามองคนที่เอ่ยถามนางด้วยใบหน้าใสซื่อ ผู้ใดที่เห็นใบหน้าของนางตอนนี้ก็ต้องรู้ว่านางทำไม่เป็น เพราะหลินเยว่กำลังใช้เท้าขยี้ผ้าที่ละตัวอยู่ นางไม่ได้ใช้ไม้ซักผ้าที่นำมาด้วยทุบผ้าเช่นคนอื่น “ข้าทำไม่ถูกรึ” นางเอ่ยถามออกไป “เอ่อ เจ้า เจ้าต้องใช้ไม้ซักผ้าทุบเช่นนี้” นางทุบผ้าให้หลินเยว่ได้ดู “ไม่ไหว เจ้าเห็นกองผ้าของข้าหรือไม่ หากทำตามที่เจ้าว่าเมื่อใดจะเสร็จ อีกอย่างมือของข้าคงต้องหักก่อน” สตรีที่ได้ยินต่างก็ต้องอึ้งกับคำพูดของนาง จะมีจริงหรือสตรีที่ซักผ้าจนมือหัก “เจ้าไม่กลัวย่าสามีเจ้าจะทุบตีเจ้ารึ” ชื่อเสียงของนางฮั่วซื่อในเรื่องนี้มีไม่น้อยชาวบ้านในหมู่บ้านล้วนแต่รู้กันดี “นางทุบตีข้าแล้ว” หลินเยว่แสร้งทำใบหน้าเศร้า พร้อมทั้งเลิกแขนเสื้อให้ดู รอยช้ำที่ถูกทุบตีปรากฏออกมาให้เห็นจนผู้ที่เห็นต่างสูดปากเหมือนว่าตนเองเจ็บเสียเอง “เอาเถิด หากจะโดนอีกก็คงต้องยอม” นางเริ่มซักผ้าด้วยเท้าอีกครั้ง โดนไม่สนสายตาของคนที่มองมา แต่กว่าจะเสร็จ เท้าทั้งสองข้างก็นางก็แทบจะไร้ความรู้สึก หลินเยว่ต้องนั่งพักอยู่หลายรอบ จนชาวบ้านที่มาซักผ้าต่างทยอยเดินทางกลับเรือนกันไปบ้างแล้ว นางก็ยังซักไปไม่ถึงครึ่ง พอเท้าไม่ไหว นางก็เปลี่ยนมาใช้มือทุบผ้า จนมือทั้งสองข้างของนางเริ่มบวมแดง ร่างนี้เมื่อก่อนก็ได้ชื่อว่าเป็นคุณหนู แม้จะมีความเป็นอยู่ที่ไม่ดีนัก แต่นางก็ไม่เคยต้องลงมือทำงานเรือนด้วยตนเองเช่นตอนนี้ จางเลี่ยงรุ่ยกลับมาก็เห็นหลินเยว่นางเพียงนำผ้าลงไปจุ่มในน้ำ และโยนใส่ลงไปในตะกร้าที่ซักแล้ว เขาอดจะขบขันกับการกระทำของนางไม่ได้ “ท่านมาแล้ว รอข้าประเดี๋ยว ข้าใกล้เสร็จแล้ว” นางเอ่ยเสียงยานคางออกมา หลินเยว่เร่งมือจุ่มผ้าลงในน้ำให้เร็วขึ้น เพื่อจะได้รีบกลับเรือนไปพักเสียที “มาข้าทำต่อเอง” เขาดึงมือของนางให้หยุดทำ เมื่อจับดูก็พบว่ามือของนางเย็นไม่น้อย ทั้งยังมีตุ่มน้ำเพิ่มขึ้นอีกหลายแห่ง “อาเยว่ ข้าขอโทษ” เขามองนางอย่างปวดใจ “ช่างเถิด หากจะโทษก็โทษเทพชะตาเถิดที่ทำให้ข้าต้องมีสภาพเช่นนี้” นางอดจะพาลไปถึงเทพชะตาไม่ได้ เทพชะตาที่นั่งดื่มชาอยู่บนสวรรค์ถึงกับต้องจามอยู่หลายหน เพราะคำบ่นของหลินเยว่ จางเลี่ยงรุ่ยแบกตะกร้าเสื้อผ้ากลับไปที่เรือน โดยมีหลินเยว่นางเดินตามหลังมาช้าๆ เพราะนางไม่อาจเดินเร็วไปได้มากกว่านี้ ทั้งแขนขาของนางล้วนแต่เมื่อยล้าจนแทบไม่มีแรงเดิน พอกลับมาถึงเรือนก็เห็นนางฮั่วซื่อและนางหงซื่อนั่งมองทั้งคู่อย่างชอบใจอยู่ที่แคร่ใต้ต้นไม้ “ตากผ้าเสร็จแล้วก็ไปทำอาหารด้วยเล่า” นางหงซื่อแทะเม็ดแตงแล้วเอ่ยเสียงหวานร้องสั่งหลินเยว่ออกมา “ข้าไม่ทำ ข้าทำไม่ไหวแล้ว” นางจ้องหน้าพวกเขาอย่างไม่ยินยอม จะรังแกนางเกินไปแล้ว “เพ้ย ไม่ทำก็ไม่ต้องกิน” “ข้าไม่กินก็ได้ เสื้อผ้าพวกนี้ข้าก็ไม่ตาก” นางดึงตะกร้าออกจากหลังของเลี่ยงรุ่ยทันที เขาจำต้องวางตะกร้าลง “เป็นสะใภ้แต่ไม่คิดจะทำอันใดเลยหรืออย่างไร หรือข้าแต่งเจ้าเข้ามาเพื่อให้เจ้ามาเป็นคุณหนูคอยให้ข้ารับใช้” นางฮั่วซื่อลุกขึ้นชี้หน้าหลินเยว่ จนนิ้วแทบจะจิ้มตานางอยู่แล้ว “นางก็เป็นสะใภ้เหตุใดต้องให้ข้าทำเพียงผู้เดียว แล้วข้าแยกแต่งเข้ามาอย่างงั้นหรือ เช่นนั้นก็หย่าขาดกันเสียเลย” นางเตะไปที่ตะกร้าผ้าจนล้มลง ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องของตนเอง นางเหนื่อยจากการซักผ้ามาไม่น้อย ยังต้องมาเจอเรื่องบ้าๆ ที่เรือนอีก จางเลี่ยงรุ่ยเขาทนได้ แต่นางทนไม่ได้แล้ว จางเลี่ยงรุ่ยรีบตามนางกลับมาที่ห้อง ก็เห็นหลินเยว่นางเก็บของเข้าไปไว้ในมิติของนางเรียบร้อยแล้ว “อาเยว่ เจ้าใจเย็นก่อนได้หรือไม่” หลินเยว่หันไปมองจางเลี่ยงรุ่ยอย่างไม่เชื่อหู นางโดนถึงเพียงนี้แต่อยากให้นางใจเย็น “ท่านทนได้ แต่ไม่ใช่ข้า” “สตรีที่ถูกหย่า รู้หรือไม่ว่าชีวิตลำบากมากเพียงใด” เขามองนางอย่างกังวล “แล้วอย่างไร แต่ก็คงดีกว่าอยู่ที่เรือนเช่นนี้” นางนั่งลงที่เตียงอย่างอ่อนแรง ทั้งมือและเท้าของนางบวมแดงไม่น้อย ตอนนี้นางก็ไม่มีแม้แต่แรงจะลุกขึ้นยืนด้วยซ้ำ เขายังจะให้นางทนอีกหรือ จางเลี่ยงรุ่ยรู้ว่านางคงมีโทสะไม่น้อย ทั้งยังเหนื่อยล้าอย่างยิ่ง เขาเดินเข้ามานั่งข้างนาง พร้อมทั้งดึงมือของนางขึ้นมาดู “ปล่อย” หลินเยว่สะบัดมือออก แต่ก็ถูกเขายึดไว้เสียแน่น “อย่าดื้อ ให้ข้าดูเสียหน่อย” จางเลี่ยงรุ่ยจับมือของนางให้แบออก เมื่อเห็นตุ่มน้ำหลายแห่ง ทั้งมือสองข้างของนางก็บวมไม่น้อย เขาก็นึกเห็นใจนางขึ้นมาทันที เขาลุกขึ้นไปหาเข็มเพื่อมาเจาะตุ่มน้ำออกให้นาง “ไม่ต้อง ข้าทำเอง” หลินเยว่จะแย่งเข็มที่อยู่ในมือของเขามาทำเอง “เจ้าเลิกดื้อได้แล้ว อยู่นิ่งๆ ประเดี๋ยวจะเจ็บเพิ่ม” เขาค่อยๆ เจาะน้ำในมือออกให้นางอย่างเบามือที่สุด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม