มิใช่เมียเจ้าหรือที่ให้ท่า

1310 คำ
แต่หลินเยว่นางก็ยังร้องออกมา “อู๊ยยย” เมื่อตุ่มน้ำแตกออกนางก็แสบมือไม่น้อย “ใกล้เสร็จแล้ว” เขาเป่าลมใส่มือให้นางอย่างใส่ใจ “อย่าได้พูดเรื่องหย่าขึ้นมาอีกเข้าใจหรือไม่ แล้วก็นำของออกมาวางไว้ที่เดิมด้วย” เขาจับมือของนางไว้ พร้อมทั้งมองนางอย่างคาดคั้น “เลี่ยงรุ่ย ข้าอยู่ที่นี่ได้เพียงแค่สองวัน ข้าก็เริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไปข้าคงได้ตบตีกับพวกนางแน่ แล้วเจ้าจะทำเช่นไร” นางเอ่ยถามเขาออกมา เพราะรู้ดีว่าเรื่องความกตัญญูของคนในยุคนี้มาเป็นอันดับหนึ่ง หากหลานสะใภ้ตบดีกับท่านย่าของสามี ชื่อเสียงของนางและของเขาก็คงจะถูกครหาไม่น้อย ไม่ใช่ว่าจางเลี่ยงรุ่ยจะไม่เข้าใจนาง เพียงแต่ว่าตอนนี้เขายังไม่อาจหาทางออกเรื่องการแยกเรือนออกไปได้ “เจ้าใจเย็นอีกนิดได้หรือไม่ ข้ากำลังหาทางจัดการเรื่องนี้อยู่” เขามองนางอย่างขอความเห็นใจ เขาก็ไม่อยากจะเสียนางไปเช่นกัน หลินเยว่นางเป็นคนเดียวที่เดือดร้อนแทนเขา เมื่อเขาถูกคนในเรือนรังแก ตั้งแต่วันแรกที่พบนาง นางก็เอ่ยถามเขาเรื่องกินข้าวแล้วหรือยัง เหนื่อยมากหรือไม่ นางคงไม่รู้ว่าคำพูดเช่นนี้ไม่เคยมีผู้ใดพูดกับเขามาก่อน ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจอยู่ไม่น้อย “หากท่านหาทางออกไม่ได้ ข้าจะหาทางออกเอง” “ได้ หากข้ามิอาจทำได้ต้องรบกวนเจ้าเล่า” เขามองนางอยากหยอกล้อ หลินเยว่ เมื่อถูกสายตาหยอกล้อของเขามองมาทางนาง นางก็รู้สึกเขินอายอยู่ไม่น้อย ชีวิตก่อนนางมัวแต่ทำงาน จะไปสนใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ตอนไหนได้เล่า “เหอะ ท่านไม่ออกไปแล้วรึ” นางเปลี่ยนเรื่องทันที “ย่อมต้องออกไป ข้าจะตรวจบาดแผลของเจ้าเสียก่อน” ตอนที่เดินกลับเรือนเขาเห็นว่านางเดินช้าลง ทั้งยังเดินไม่ค่อยถนัด จึงคิดว่านางต้องเจ็บเท้าอย่างแน่นอน จางเลี่ยงรุ่ย ยกขาของหลินเยว่ขึ้นมาไว้บนตักของเขา เพราะเขาไม่ได้บอกกล่าวนางเสียก่อน จนเกือบทำให้นางกรีดร้องออกมา “ท่าน ทำอันใด” หลินเยว่ปิดปากตัวเองไว้ได้ทัน “ข้าเห็นเจ้าเดินช้า ให้ข้าดูเสียหน่อย” เมื่อถอดรองเท้าที่นางสวมไว้ออก จางเลี่ยงรุ่ยก็ตกใจไม่น้อย เมื่อฝ่าเท้าขาวของนางก็มีตุ่มน้ำพองขึ้นมา ทั้งยังบวมแดงไม่ต่างกับที่มือ แต่ดูเหมือนจะมากกว่าเสียหน่อย เพราะนางต้องเดินกลับเรือนมาด้วย จึงทำให้ตุ่มน้ำแตกไปแล้วหลายแห่ง “เจ็บมากหรือไม่” เขาลูบเท้าเล็กของนางอย่างไม่รังเกียจ “ท่านทำอันใด มันสกปรก” นางจะดึงเท้าหนีแต่ก็ถูกยึดไว้เช่นเดิม “อาเยว่ อยู่นิ่งๆ ให้ข้าดูเสียก่อน” เขาใช้เข็มสะกิดตุ่มน้ำออก ครั้งนี้หลินเยว่นางทั้งเจ็บทั้งคัน จนคิดจะดึงเท้าหนีอยู่หลายหน แต่มือแกร่งของเขาก็ไม่ปล่อยให้เท้าของนางหลุดไปง่ายๆ “ประเดี๋ยวข้าเข้าไปทำแผลในมิติเอง” นางดึงสาบเสื้อของเขาเอาไว้ พร้อมทั้งเอ่ยขอร้อง น้ำหนักมือบุรุษถึงอย่างไรก็แรงมากกว่าน้ำหนักมือของนาง “เช่นนั้นเจ้ารอข้าสักครู่ ข้าจะออกไปดุด้านนอก และจะกลับเข้าไปในมิติพร้อมเจ้า” “อืม” นางพยักหน้ารับ เพราะถึงอย่างไรก็ต้องเข้าไปกินอาหารด้านในมิติด้วยกันอยู่แล้ว พอเลี่ยงรุ่ยออกไปด้านนอก หลินเยว่นางจึงได้นอนพัก เพราะวันนี้เพียงแค่ซักผ้าก็สูบเรี่ยวแรงทั้งหมดของนางไปแล้ว หลินเยว่ ไม่รู้ว่านางเผลอหลับไปนานเพียงใด นางมาสะดุ้งตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงดังโครมครามอยู่ที่หน้าห้องของนาง นางลุกขึ้นพิงหัวเตียง แต่ยังมิได้ลงจากเตียง ประตูห้องของนางก็ถูกเปิดออกอย่างแรง นางรีบหันไปมองด้วยความตกใจ ก็เห็นเป็นจางเลี่ยงรุ่ยเดินเข้ามาหานางด้วยใบหน้าที่เคร่งเตรียม เนื้อตัวของเขาเปรอะเปื้อนไม่น้อย “เจ้าเป็นอันใดหรือไม่” เขาสำรวจเนื้อตัวของหลินเยว่ เห็นว่านางไม่เป็นอันใดก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก หลินเยว่ยังไม่เข้ากับสิ่งที่เขาทำ ทั้งยังมีจางเฉิงนอนหมอบอยู่ที่พื้นหน้าห้องของนางด้วย “เกิดอันใดขึ้น” นางเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ จางเลี่ยงรุ่ยยังไม่ทันที่จะบอกหลินเยว่เลยว่าเกิดอันใดขึ้น นางฮั่วซื่อกับนางหงซื่อที่ได้ยินเสียงดังที่ห้องของเลี่ยงรุ่ยจึงได้พากันเดินมาดู “สวรรค์ อาเฉิง เจ้าเป็นอันใด” นางหงซื่อกรีดร้องออกมา ก่อนจะวิ่งเข้ามาดูบุตรชายของนาง นางฮั่วซื่อแทบจะเป็นลม เมื่อนางหงซื่อพลิกร่างของบุตรชายนางขึ้นมา เลือดไหลออกจากจมูกและปากของจางเฉิงอย่างน่าหวาดกลัว แม้แต่หลินเยว่ที่มองจากในห้องนางยังอดที่จะตกใจไม่ได้ “ไอ้ตัวซวย เจ้าทำอันใดกับอาเฉิง เหตุใดเขาถึงเป็นเช่นนี้” นางหงซื่อกรีดร้องออกมาสุดเสียง “อาสะใภ้ ท่านถามบุตรชายของท่านดีหรือไม่” จางเลี่ยงมองจ้องนางอย่างดุดัน นางหงซื่อเคยเห็นแววตาเช่นนี้ของเขาเสียที่ไหน นางอดจะหวาดกลัวไม่ได้ ที่จางเฉิงเป็นเช่นนี้ คงเป็นฝีมือของจางเลี่ยงรุ่ยอย่างแน่นอน “นางฮั่วซื่อที่ได้สติกลับคืนมาแล้ว นางก็เดินหาไม้ เพื่อจะทุบตีจางเลี่ยงรุ่ยทันที “ท่านย่า หากท่านตีข้า ข้าจะนำเรื่องที่อาเฉิงทำไปแจ้งสำนักศึกษา” ครั้งนี้ เขาไม่ยอมให้นางฮั่วซื่อทุบตีเช่นทุกครั้งที่ผ่านมาอีกแล้ว มือที่ยกไม้ขึ้นสูงของนางฮั่วซื่อหยุดชะงักทันที นางรู้ว่าจางเฉิงคงทำบางสิ่งกับจางเลี่ยงรุ่ยอย่างแน่นอน เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำอันใด ถึงทำให้คนที่ยอมถูกรังแกเช่นเลี่ยงรุ่ย ครั้งนี้เขากลับไปยอมเช่นเดิม “เกิดอันใดขึ้นกันแน่” หลินเยว่คว้ามือของเลี่ยงรุ่ยไปจับ นางถึงได้รู้ว่าตัวของเขาสั่นอยู่ไม่น้อย ไม่รู้เป็นเพราะความโกรธหรือกลัวกันแน่ “เจ้าจะพูดได้หรือยังว่าเกิดเรื่องอันใด” ครั้งนี้เป็นนางฮั่วซื่อที่ตะคอกถามออกมา “หลานชายของท่านจะแอบเข้าไปในห้องของข้า ด้านในห้องยังมีอาเยว่นอนพักอยู่ เพียงเท่านี้พวกท่านคงรู้ว่าเขาคิดจะทำอันใด” แววตาของเลี่ยงรุ่ยแข็งกร้าวอย่างน่ากลัว จนนางฮั่วซื่อยังต้องถอยหลังออกห่าง “ไม่มีทาง อาเฉิงไม่มีทางคิดทำเรื่องเช่นนี้” นางหงซื่อกรีดร้องออกมา บุตรชายของนางไม่มีทางใฝ่ต่ำเข้าหาพี่สะใภ้อย่างแน่นอน นางไม่มีทางเชื่อ ถึงแม้หลินเยว่นางจะมีใบหน้าที่งดงามก็ตาม แต่เมื่อมองไปทางหลินเยว่ที่เพิ่งลุกขึ้นจากที่นอน สาบเสื้อของนางยังไม่ได้ถูกจัดให้เรียบร้อยจึงพอจะดูรู้ว่าหน้าอกของนางใหญ่โตมากเพียงใด ดวงตาของนางหงซื่อก็จ้องมองไปทางหลินเยว่อย่างมุ่งร้าย “มิใช่ว่าเมียของเจ้าให้ท่าอาเฉิงหรอกรึ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม