เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขัดจังหวะ ทำให้หญิงสาวต้องรีบเดินไปหยิบขึ้นมาดู ก่อนจะพบเป็นชื่อเพื่อนสนิทที่เธอได้ฝากฝังให้เข้าทำงานที่บริษัทของสามีในแผนกประชาสัมพันธ์
"ว่ายังไงจ๊ะอุ้ม?" เสียงหวานทักทายเพื่อนสนิทขึ้นอย่างอารมณ์ดี
"เมื่อไหร่แกจะกลับมากรุงเทพฯ สักทีฉันคิดถึง"
"คิดถึงอะไร เราเพิ่งเจอกันเมื่ออาทิตย์ก่อนเองนะอุ้ม"
"ก็ฉันอยากให้แกรีบกลับมาไวไว ไม่รู้หรือยังไงว่ากำลังปล่อยผัวไว้ใกล้แรด"
"จะพูดอะไรพูดมาให้เคลียร์เลยอย่ามาทำให้ฉันคิดมากเลยอุ้ม" เพราะเข้าใจในสิ่งที่เพื่อนกำลังจะบอกใบ้ เพราะเป็นลักขณาที่โทรมารายงาน ไม่อย่างนั้นเธอคงจะไม่มีวันได้รับรู้ว่าเลขาคนใหม่ของสามีคืออดีตแฟนเก่าที่เคยเลิกราไปตั้งแต่ห้าปีที่แล้ว
"ก็ยายเลขาหน้าห้องคุณปุณณ์ ฉันว่านางไม่ค่อยมาดีเลยว่ะแก ดูเหมือนว่าขาเตียงแกมันจะเริ่มสั่นคลอนแล้วไหม?"
"แล้วฉันทำอะไรได้บ้างล่ะอุ้ม ฉันพูดกับพี่ปุณณ์มาหลายครั้งแล้ว แต่สุดท้ายฉันกับเขาก็ต้องทะเลาะกัน ถ้าสามีฉันไม่เล่นด้วยนางก็คงจะทำอะไรไม่ได้หรอกมั้ง"
"วันนี้ไม่เล่น แต่วันหน้ามันก็ไม่แน่นี่หว่า เขาสองคนอยู่ใกล้ชิดกัน ขึ้นชื่อว่าผู้ชายเจอของสวย ๆ งาม ๆ มาอยู่ตรงหน้าแกว่าคุณปุณณ์เขาจะอดใจไหวสักกี่น้ำ?"
คนที่พยายามอยากเชื่อใจสามี ไม่อยากเก็บเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้มาใส่ใจมากนัก แต่ก็ทำให้เธออดที่จะคิดตามที่เพื่อนสาวพูดมาไม่ได้
"แกต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะกิ่ง บอกให้คุณปุณณ์เลือกไปเลยว่าจะเอาแกกับลูก หรือผู้หญิงคนนั้นไว้ในชีวิต"
เพราะความที่รักเพื่อนมาก ลักขณาจึงอยากเป็นหูเป็นตาให้กับเพื่อน ไม่อยากให้เพื่อนและลูกสาวต้องเดือดเนื้อร้อนใจในวันข้างหน้า เพราะสีหน้าท่าทางที่เลขาของรองประธานแสดงออก คนที่ทำงานอยู่ใกล้ชิดและได้เห็นก็ต่างคิดดีไม่ได้เช่นเดียวกับเธอ การตัดไฟตั้งแต่ต้นลมอาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตคู่ของกิ่งมาลาแล้ว
"ถ้าพูดแบบนั้นออกไป ฉันกับพี่ปุณณ์จะมีปัญหาใหญ่โตไหมอุ้ม แค่เขากลับบ้านดึกแล้วฉันถาม เขาก็ยังว่าฉันงี่เง่าคิดมากไม่เข้าเรื่องเลย บางทีฉันก็ไม่อยากพูดนะ ถ้ามันจะเกิดเรื่องขึ้นจริง ๆ มันก็คงเป็นที่เขารักฉันไม่มากพอ"
"ก็พูดเหมือนว่าแกจะถอดใจเลยว่ะกิ่ง คุณปุณณ์เป็นผู้ชายที่เพอร์เฟกต์มากนะเว้ย และอีกอย่างตอนนี้แกก็มีลูกกับเขาแล้ว จะยอมให้ผู้หญิงคนนั้นทำให้ครอบครัวของแกแตกแยกเหรอ ไม่สงสารยายหนูต้องตาบ้างหรือไง?"
"ชีวิตคู่ของฉัน มันมีปัญหามาตั้งแต่แม่ผัวแล้วไม่รู้หรือยังไงอุ้ม แค่สู้รบกับแม่สามีฉันก็เหนื่อยแล้วนะ นี่ฉันต้องมาสู้รบกับแฟนเก่าของเขาด้วยอย่างนั้นน่ะเหรอ บางทีฉันก็แอบคิดอยู่นะ หรือว่าฉันจะเดินออกมาจากชีวิตของพี่ปุณณ์ บางทีอาจจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมากขนาดนี้"
"เฮ้ยกิ่ง! นี่ฉันทำให้แกลำบากใจมากกว่าเดิมหรือเปล่านะ ฉันแค่หวังดี แต่สุดท้ายมันก็แล้วแต่การตัดสินใจของแกเอง"
"ขอบใจนะอุ้มที่ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ฉัน อีกสองวันพี่ปุณณ์เขาก็มารับฉันกลับแล้ว เอาไว้เรานัดกินข้าวกันนะ ฉันอยากเจอเธอ อยากเม้าท์มอยด้วยกันอีก"
กิ่งมาลาวางสายลงด้วยความรู้สึกเหนื่อยอกเหนื่อยใจอยู่ไม่น้อย ทั้งที่สามีรู้ว่าเธอจะต้องคิดมาก แล้วทำไมยังเก็บผู้หญิงคนนั้นไว้ใกล้ตัวอีกนะ หรือว่าปุณณวัฒน์คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ใจกว้าง ไม่คิดเล็กคิดน้อยที่จะเห็นผู้หญิงคนในอดีตเข้ามาพัวพัน
"เป็นอะไรอีกล่ะกิ่ง รับโทรศัพท์ใครทำไมทำหน้าตาแบบนั้น" นางสุมาลีถามลูกสาวขึ้นนึกเป็นห่วงอีกครั้งอย่างอดไม่ได้
"อุ้มโทรมาจ้ะแม่"
"มีเรื่องอะไร ทำไมกิ่งถึงหน้าตาตึงเครียดแบบนั้นล่ะ"
"ก็เรื่องพี่ปุณณ์กับเลขาเขานั่นแหละแม่ คนอื่นเขาก็หวังดีกับกิ่ง แต่สามีกิ่งนี่สิเขาจะคิดบ้างไหมว่าผู้หญิงคนนั้นทำให้กิ่งทุกข์ใจมากแค่ไหน"
"ทุกข์ใจเพราะเราคิดมากน่ะสิ แม่เชื่อว่าตาปุณณ์เขาไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงคนนั้นหรอกลูก เขาคงมีเหตุผลที่จะให้ผู้หญิงคนนั้นมาทำงานด้วย เลิกรากันไปก็ใช่ว่าจะเกลียดกันเสมอไปนี่นา เขาอาจจะยังเป็นเพื่อนกันที่คอยช่วยเหลือกันอยู่ก็ได้"
"เพื่อนเหรอจ๊ะแม่ จะมีสักกี่คู่กันที่เลิกรากันไปแล้วยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้อยู่"
"หัดคิดให้มันน้อย ๆ หน่อย คิดมาก คิดเยอะ คิดกับสิ่งที่มันยังไม่เกิดขึ้น คนที่ไม่มีความสุขไม่ใช่ใครคนอื่นหรอกนะ แต่เป็นตัวกิ่งเองนั่นแหละ"
"กิ่งก็พยายามไม่คิดแล้วนะจ๊ะแม่ ห้าวันที่ผ่านมากิ่งพยายามใช้ชีวิตให้มีความสุข ทำตัวไม่ให้เครียด พยายามเชื่อใจสามี แต่มันเชื่อใจได้ไม่สนิทนะแม่ แม่เข้าใจหรือเปล่าจ๊ะ"
"แม่เข้าใจ แต่ลูกแต่งงานใช้ชีวิตคู่ด้วยกันแล้วนะ การที่ไว้ใจ เชื่อใจในสามี ให้เกียรติสามีมันจะทำให้ชีวิตคู่ยังยืนกว่านะกิ่ง" คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากสอนสั่งด้วยความหวังดี
"จ้ะ เอาเป็นว่ากิ่งจะพยายามนะจ๊ะแม่ ไม่คิดแล้ว หนูไว้ใจพี่ปุณณ์ หนูจะเชื่อใจพี่ปุณณ์"
กิ่งมาลาบอกปัดเพียงเพราะไม่อยากให้บิดามารดาต้องมาคิดมากกับตัวเองไปยิ่งกว่านี้ เธอรู้ดีว่าที่มารดาบอกสอนเช่นนี้เพราะอยากให้เธอใจเย็น นึกถึงลูกและคำว่าครอบครัวให้มากที่สุด อีกทั้งปุณณวัตน์ก็ไม่เคยทำเรื่องเสื่อมเสียหรือทำให้ต้องเสียใจมาก่อนเลยสักครั้ง