อีกมุมหนึ่งของร้านปัณฑารีย์ในชุดเดรสเกาะอกสีดำสั้นสุดเซ็กซี่กำลังนั่งไขว่ห้างจิบไวน์ระหว่างรอเพื่อนๆ มาตามนัด ดวงตาหวานซึ้งแต่คืนนี้ฉายแววเศร้ามองไปยังแสงสีของมหานครยามค่ำคืนที่ไม่หลับไหล นิ้วเรียวสวยคลึงที่ก้านแก้วไวน์ไปมาแล้วปล่อยอารมณ์ล่องลอยไปไกล
“ปัน ปัน” ปัณฑารีย์สะดุ้งเมื่อถูกเรียกก่อนจะพบว่าเพื่อนสนิททั้งสองอย่างกันตาและจาราวีมาถึงแล้ว
“มาแล้วเหรอ”
“ก็มาแล้วน่ะสิยะ เธอน่ะเหม่อไปถึงไหน ฉันเรียกตั้งสองครั้งยังไม่ได้ยิน” กันตาว่าขณะทรุดกายลงนั่งและหยิบเมนูอาหารและเครื่องดื่มขึ้นมาดู
“ฉันกำลังชมวิวเพลินๆ น่ะ”
“ชมวิวหรือเหม่อคิดถึงไอ้คนเฮงซวยคนนั้นอยู่” จาราวีถามเข้าเป้าเพราะสาเหตุของการมารวมตัวกันในคืนนี้เพราะปัณฑารีย์อกหักอีกแล้ว ซึ่งเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้ ดูเหมือนว่าปีนี้จะไม่ใช่ปีแห่งความรักของเพื่อนเธอจริงๆ หรือจะพูดให้ถูกก็คือปีไหนๆ ก็ไม่ใช่ปีแห่งความรักของปัณฑารีย์ เพื่อนของเธอช่างอาภัพนักในเรื่องความรักช่างสวนทางกับหน้าตาที่ทั้งสวยและเซ็กซี่ แถมหน้าที่การงานก็รุ่งโกยเงินเป็นกอบเป็นกำกับอาชีพบิวตี้บล็อกเกอร์และรับรีวิวสินค้าที่มีผู้ติดตามในอินสตาแกรมหลายล้าน แบรนด์สินค้าต่างๆ พากันต่อคิวให้เพื่อนของเธอรีวิวยาวเป็นหางว่าว เพราะแบรนด์ไหนก็ตามที่ปัณฑรีย์รีวิวนั้นการันตีได้ในเรื่องของคุณภาพ ซึ่งก็ตามมาด้วยการเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงและยอดขายถล่มทลายไม่แพ้การใช้ดารานักแสดงดังๆ เป็นพรีเซนเตอร์เลยทีเดียว
ปัณฑารีย์ไม่ใช่แค่เป็นบิวตี้บล็อกเกอร์แต่ยังทำช่องยูทูปของตัวเองในการแชร์ไลฟ์สไตล์สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เรียกว่าเพื่อนของเธอสามารถรับงานได้ครบครัน ตั้งแต่ความสวยความงานยันสายกินสายเที่ยวเลยทีเดียว นั่นคือเหตุผลที่เพื่อนของเธอประสาบความสำเร็จทำรายได้เป็นกอบเป็นกำจากการเป็นที่นิยมในโลกโซเชียล มีเพียงเรื่องเดียวที่เพื่อนของเธอล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่านั่นคือเรื่องความรักนั่นเอง
“เจน เธออย่าไปพูดถึงไอ้หมอนั่นให้เสียบรรยากาศได้ไหม แค่ได้ยินชื่อก็เสนียดหู” กันตาพูดด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์เมื่อจาราวีเอ่ยถึงผู้ชายคนล่าสุดของปัณฑารีย์ซึ่งเป็นดาราชายคนหนึ่งที่กำลังมาแรงตอนนี้ ปัณฑารีย์จับได้ว่าอีกฝ่ายพานักแสดงหญิงที่เล่นละครเรื่องเดียวกันขึ้นคอนโด เมื่อโดนจับได้ก็ให้เหตุผลว่าเพราะเพื่อนของเธอหัวโบราณไม่ยอมขึ้นเตียงด้วย เขาจึงต้องหาจากคนอื่น ปัณฑารีย์ไม่รีรอที่จะบอกเลิกทันทีเพราะรับไม่ได้อย่างแรงที่อีกฝ่ายอยากจะลากเธอขึ้นเตียงทั้งที่เพิ่งคุยกันได้แค่สามเดือน
“ขอโทษนะปัน ฉันปากพล่อยไปหน่อย” จาราวีหันไปขอโทษปัณฑารีย์อย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไร อันที่จริงฉันไม่ได้เสียใจอะไรขนาดนั้นหรอก แค่เสียความรู้สึกมากกว่าที่ฉันเจอคนเฮงซวยอีกแล้ว” ปัณฑารีย์พูดอย่างปลงๆ
“ฉันว่าเธอลองไปบวชชีล้างซวยอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวรดีไหม เผื่อผลบุญจะส่งผลให้เธอเจอผู้ชายดีๆ กับเขาบ้าง ฉันมีวัดแนะนำนะ ที่นี่เป็นวัดป่าเงียบสงบอยู่ทางภาคเหนืออากาศดีมากด้วย ฉันเคยตามคุณแม่กับคุณยายไปทำบุญทอดกฐินเมื่อหลายปีก่อน” จาราวีแนะนำวัดที่มารดาและผู้เป็นยายมักไปถือศีลเป็นประจำทุกปี
“น่าสนใจนะ พวกเราไปกันไหม ฉันเองก็อยากลองไปดูเหมือนกัน” กันตากล่าวอย่างเห็นด้วยกับจาราวี ปัณฑารีย์นิ่งไปอย่างใช้ความคิดก่อนจะให้คำตอบ
“ขอฉันดูตารางงานก่อนนะ”
“ได้ๆ ได้เรื่องยังไงก็บอกพวกเรานะ”
“โอเค”
“งั้นก่อนจะไปสายบุญ คืนนี้ขอเป็นสายเมาก่อนนะ เอ้าชน” สามสาวชนแก้วและเม้าท์กันจนปัณฑารีย์ลืมเศร้า
“เดี๋ยวฉันไปห้องน้ำก่อนนะ”
“ให้ฉันไปเป็นเพื่อนไหม” กันตาถามเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทเริ่มกรึ่มๆ เพราะยืนเซ
“ไม่เป็นไร ฉันไหว แค่ลุกยืนเร็วไปหน่อย”
“ย่ะ แม่คนคอแข็ง” กันตาค้อนเพื่อนแล้วนั่งจิบไวน์อย่างสบายอารมณ์ต่อไป