Ep.3
Namkhing talk.
หลังจากอีตานั่นขับรถออกไป ฉันก็ได้แต่เดินกลับมานั่งเป็นหมาหงอยอยู่ข้างรถของตัวเองอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี แล้วตอนนี้ก็มืดมากๆ แถมยังไม่ค่อยมีรถผ่านแล้วด้วย
ฉันนั่งอย่างหมดหนทางไปสักพักใหญ่ๆ ก็ตัดสินใจลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะเข้าไปอยู่ในรถ เอาจริงๆ ที่นั่งเมื่อกี้คือนั่งทำใจ ทำใจเพราะว่าคืนนี้ฉันคงต้องนอนในรถอย่างไม่มีทางเลือก ดีนะที่รถฉันมันเปิดประทุนได้ ล็อกประตูแล้วเปิดประทุนแบบแง้มๆ ก็พอจะปลอดภัยและหายใจสะดวกอยู่ละมั้ง พรุ่งนี้ค่อยคิดว่าจะเอายังไงต่อ
แต่ในขณะที่ฉันกำลังจะลุกขึ้นยืนก็มีแสงสว่างจากไฟหน้ารถคันหนึ่งสาดเข้ามาที่ฉัน ทำให้ฉันต้องยกมือขึ้นมาบังตาตัวเองไว้ เพราะแสงไฟจากรถคันนั้นมันจ้าซะเหลือเกิน รถคันนั้นขับมาด้วยความเร็วและพุ่งเข้ามาตรงที่ฉันยืนอยู่ ก่อนที่รถคันนั้นจะเบรกอย่างแรง
เอี๊ยดดดดด!!
'!?' ถึงจะตกใจแต่ก็ไม่ได้กรี๊ดออกไป เพราะมันไม่ได้เข้ามาใกล้ฉันขนาดนั้นยังเหลือระยะห่างอีกเยอะมากๆ อีกอย่างยังมีรถของฉันที่จอดกั้นอยู่อีกต่างหาก
'ขึ้นรถ' เจ้าของรถคันที่ขับพุ่งเข้ามาลดกระจกลง แล้วพูดกับฉันอย่างออกคำสั่ง แต่เดี๋ยวนะ ? นั่นมันอีตานั่นนี่ ไอ้คนที่ทะเลาะกับฉันเมื่อก่อนหน้านี้อะ เขาขับออกไปนานแล้วไม่ใช่เหรอ ? แล้วเขาขับกลับมาทำไม แถมยังมาบอกให้ฉันขึ้นรถอีกต่างหาก จะล่อฉันไปฆ่าหรือเปล่าเนี้ย ? เมื่อก่อนหน้านี้ฉันยิ่งปากเก่งใส่เขาไปเยอะอยู่นะ
'...อะไร ?' ฉันถามเขาออกไปอย่างไม่ไว้ใจเท่าไหร่ เพราะดูตอนนี้เขาก็ยังหงุดหงิดอยู่นะ เขาอาจจะพาฉันไปฆ่าจริงๆ ก็ได้
'ก็บอกให้ขึ้นรถไงวะ หูแตกหรือไง !?'
'เออรู้ หูไม่ได้แตก! แต่อยากรู้ว่าจะให้ขึ้นไปทำไม ?'
'หรือเธอจะนอนที่นี่ ?'
'..!?' อะไรของเขา ต้องการอะไรกันแน่
'จะไม่ขึ้นใช่มั้ย ?' เขาถามฉันกลับมาอีกครั้งอย่างหงุดหงิด
'...ขอยืมแค่มือถือ' ฉันพูดพร้อมมองเขาอย่างหวาดระแวง เป็นใครจะกล้าขึ้นรถไปกับคนที่พึ่งมีปากเสียงกันวะถามก่อน
'แบตหมด'
'ก็ชาร์จสิ ในรถก็ชาร์จได้หนิ'
'ไม่มีสายชาร์จ'
'งั้น...ฉันขอชาร์จมือถือในรถนายแป๊บนึง ไม่ถึง10นาที' อย่างน้อยๆ ก็ขอให้ติดต่อคนที่บ้านได้ก่อน จะได้มีคนมารับ
'ฉันไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้นหรอกนะ แค่ฉันวนรถกลับมานี่มันก็มากพอแล้ว'
'...' นะ...นี่เขาวนรถกลับมางั้นเหรอ งั้นก็แปลว่าเขาตั้งใจกลับมาช่วยฉันงั้นสิ
เฮ้~ จะใช่แบบนั้นจริงๆ เหรอ คนปากเสียอย่างหมอนี่เนี้ยนะ!? เป็นไปได้เหรอ
'ถ้าไม่ขึ้นฉันจะไปแล้วนะ' พอเห็นว่าฉันเงียบเขาก็พูดออกมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะกดเลื่อนกระจกขึ้น
'ดะ...เดี๋ยวสิ!' แต่ปากฉันมันก็ไวกว่าทุกอย่างอีกครั้ง ก่อนที่กระจกรถเขาจะปิดสนิท ฉันก็เรียกเขาเอาไว้ซะก่อน
'อะไร' เขาลดกระจกลงอีกครั้งแล้วมองฉันตาขวาง จะรีบอะไรขนาดนั้นวะ
'จะไม่พาฉันไปทำอะไรใช่มั้ย?' ถึงแม้จะไม่มีทางเลือกมากนัก แต่ฉันก็อยากจะเซฟตัวเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้ในตอนนี้ และจากที่ฉันสังเกตไอ้หมอนี่ดู เขาก็ดูเป็นผู้ชายที่ไม่น่าจะดิบเถื่อนหรืออะไรมาก หมอนี่หน้าตาดีนะ ดูรวย ดูมีระดับเลยล่ะ รถที่ขับก็เป็นรถสปอร์ตที่ต้องนำเข้าเท่านั้น เขาก็ไม่น่าจะฆ่าจะแกงฉันหรอกมั้ง แล้วถ้าใครคิดว่าฉันดูคนจากภายนอก มันก็ใช่จริงๆ นั้นแหละค่ะ เพราะตอนนี้มันดูได้แค่นี้จริงๆ
'ถ้าฉันจะฆ่าเธอฉันทำไปนานละ ไม่ปล่อยให้มาปากเสียใส่ฉันนานขนาดนี้หรอก จะขึ้นก็รีบๆ ขึ้นมาเสียเวลา' แกสิปากเสีย นี่ถ้าไม่ติดว่ามีประโยชน์กับฉันนะ แม่จะด่าให้ฟันร่วงเลย! หึ้ย!!
...และจากนั้นก็ตามนั้นเลยค่ะ ก็คนไม่มีทางเลือกนี่เนอะ สุดท้ายฉันก็ต้องยอมขึ้นรถมากับเขาจนได้ และระหว่างทางเขาก็เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาใดๆ ฉันก็หาทางจะชาร์จแบตโทรศัพท์ แต่เกิดอะไรขึ้นรู้มั้ยคะ ฉันลืมหยิบสายชาร์จมาจากในรถของตัวเอง โอ๊ย! เวรกรรมโดยแท้เลย เขาจะพอไปไหนก็ไม่กล้าถามอีก เฮ้อ!
นั่งรถมาได้เกือบๆ ชั่วโมง เป็นหนึ่งชั่วโมงที่ฉันอึดอัดมาก เพราะไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหนเลย จะถามอยู่หลายครั้ง แต่พอหันไปเห็นสีหน้าหงุดหงิดของเขา ฉันก็ได้แต่หันหน้ากลับมาแล้วบอกกับตัวเองว่า อีกสักหน่อยค่อยถามละกัน...
จนสุดท้ายเขาก็ขับเข้ามาจอดที่บ้านพักตากอากาศหลังหนึ่งที่ใหญ่มาก สวยมากๆ แล้วก็มีรถจอดอยู่เยอะมากๆ สักประมาณ6-7คันได้ แล้วก็เหมือนว่าฉันจะมีความหวังอยู่นิดๆ นะ เพราะรถหนึ่งในนั้นก็คือรถคันที่ยัยใบบัวนั่งมาน่ะสิ! ฉันจำได้แม่นเลยเพราะฉันขับรถตามมาติดๆ เลยล่ะ
และก็เหมือนสวรรค์จะเข้าข้างฉันจริง เพราะยัยใบบัวอยู่ในบ้านหลังนี้จริงๆ ด้วย พอยัยนั่นเห็นฉันก็มีท่าทีตกใจที่ฉันมากับอีตานั่นได้ ฉันกับใบบัวก็เลยต้องแยกออกมาคุยกัน ฉันก็เลยเล่าให้ฟังว่าเป็นมายังไง ทำไมถึงมาอยู่นี่ได้ ฉันก็สารภาพความจริงไปนั่นแหละว่าตั้งใจขับรถตามมา แต่รถก็ดันน้ำมันหมดซะก่อน แหะๆ
พอคุยตกลงกันเรียบร้อย ฉันกับใบบัวก็กลับเข้างานปาร์ตี้กันเหมือนเดิม ใบบัวก็แนะนำทุกๆ คนให้ฉันรู้จัก ซึ่งฉันก็เป็นคนเฟรนลี่อยู่แล้วไงเลยเข้ากับคนอื่นๆ ได้ไว อีกอย่างพี่ๆ ทุกคนก็เป็นกันเองด้วยแหละ ก็เลยพูดได้คำเดียวว่าคืนนั้น...ยับ!!
อ้อ! เพราะยัยใบบัวแนะนำฉันก็เลยรู้ว่าอีตาคนที่รับฉันมาด้วย เขาชื่อซิกซ์เซ้นส์เป็นเพื่อนกับจีโน่ที่ใบบัวมันทำงานด้วย พอฉันรู้จักชื่อฉันก็ไม่ได้อะไร ก็ต่างคนต่างอยู่ไป แต่ฉันก็รู้สึกว่าพอตกช่วงดึกๆ ไปฉันก็เริ่มกรึ่มๆ มึนๆ แล้วล่ะ อีตาซิกซ์เซ้นส์อะไรนั่นก็เริ่มเข้ามายืนใกล้ๆ ฉัน แถมยังมาพูดดีด้วย ชงเหล้าให้ด้วยนะ จำได้ว่าเขาดูแลฉันดีมาก! ตอนนั้นฉันก็ไม่คิดอะไรหรอก ก็สนุกๆ กันไป จนสุดท้ายภาพฉันก็ตัดไป ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ต้องมารู้ตัวว่าตัวเองเสียตัวให้อีตานั่นไปแล้ว!! พูดแล้วเจ็บใจฉิบหายเลย! หึ้ย!
กลับมาปัจจุบัน
"คนอื่นๆ น่าจะยังไม่ลงมาเร็วๆ นี้หรอก เดี๋ยวเรารีบกินกันก่อน แล้วขึ้นไปเปลี่ยนชุดกับพี่" พี่ต้นหอมพูดขึ้นในขณะที่ฉันกับพี่ต้นหอมกำลังช่วยกันยกของต่างๆ ไปเตรียมไว้ที่โต๊ะอาหาร
"ไม่เป็นไรก็ได้ค่ะพี่ต้นหอม ขิงใส่ชุดนี้ได้" ฉันบอกพี่ต้นหอมไปอย่างเกรงใจ
"เปลี่ยนเถอะ จะได้สบายตัวไง"
"แต่..."
"ไม่ต้องเกรงใจหรอก พี่เอามาหลายชุดเลย"
"งั้น...รบกวนหน่อยนะคะ" จากนั้นฉันกับพี่ต้นหอมก็พากับรีบกินข้าวก่อนทุกคน ระหว่างที่กำลังกินก็มีคนทยอยลงมาเรื่อยๆ จนตอนนี้ลงมาครบทุกคนแล้ว เหลือแค่ใบบัวกับจีโน่ที่ยังไม่ลงมาสักที แต่เจ้าขาก็กำลังขึ้นไปตามแล้วล่ะ สักหน่อยคงลงมา
พอกินอิ่มพี่ต้นหอมก็พาฉันขึ้นไปเปลี่ยนชุดเลย ก็สวนทางกับใบบัวที่กำลังเดินลงไปทานข้าวพอดี แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก พี่ต้นหอมพาฉันขึ้นมาเปลี่ยนชุดพร้อมกับเก็บของด้วยเลย ฉันที่ไม่ต้องเก็บของอะไรก็เลยช่วยพี่ต้นหอมเก็บของบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากเพราะส่วนใหญ่พี่ต้นหอมจะทำเองหมด ฉันได้แต่นั่งให้กำลังใจเฉยๆ
โมโหค่ะ! ตอนนี้ฉันโมโหอีกแล้ว! ยิ่งไม่อยากเจอเท่าไหร่ยิ่งต้องเจอ ทำไมน่ะเหรอคะ ก็ฉันต้องกลับกรุงเทพฯ พร้อมไอ้ผู้ชายที่ไม่มีความรับผิดชอบคนนั้นไงล่ะ และตอนนี้ฉันก็นั่งอยู่ในรถของเขาเรียบร้อยแล้วด้วย ไม่ได้อยากมาแต่มันเลือกไม่ได้ เข้าใจมั้ยคะว่ามันเลือกไม่ได้!
รถฉันคนของพ่อก็มาขับกลับกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้าแล้ว และที่ฉันให้ขับกลับเลยเพราะฉันคิดว่าฉันจะได้กลับพร้อมยัยใบบัวไงล่ะ แต่สุดท้ายยัยนั่นต้องไปทำงานต่อที่ต่างจังหวัด แล้วฉันก็ต้องรีบกลับบ้านด้วย และดวงซวยยิ่งกว่านั้นเลยก็คือ...บ้านฉันเป็นทางผ่านของบ้านไอ้หมอนี่! ทุกคนก็เลยสนับสนุนให้ฉันมากับอีตาบ้านี่ ส่วนฉันถ้าไม่มากับเขาก็ไม่ทีทางเลือกอื่นแล้วเหมือนกัน
"...เธอ" เงียบกันมาได้ครึ่งค่อนทาง จนเกือบๆ จะเข้ากรุงเทพฯ แล้ว ไอ้ผู้ชายหน้าหล่อแต่ไร้ความรับผิดชอบ ที่ทำหน้าที่ขับรถอยู่นั้นก็หันมามองแล้วเรียกฉันก่อนจะหันกลับไปดูทางต่อ
"อะไร ?"
"เรื่องเมื่อคืน..." ทันทีที่เขาเอ่ยปากออกมาฉันก็รู้ทันทีว่าเขาจะพูดอะไร ฉันก็เลยรีบพูดดักขึ้นมาไว้ก่อน
"พอ! ยังไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นฉันไม่อยากฟัง" บอกตรงๆ ว่าฉันยังไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ตอนนี้ เพราะฉันเหนื่อย เหนื่อยมากจริงๆ ขอกลับไปพักเอาแรงก่อน แล้วเดี๋ยวเราได้เจอกันแน่...ซิกซ์เซ้นส์!!