Ep.5

1929 คำ
Ep.5 Namkhing talk. 22.00 น. K.Pub "คิดไงวันนี้ชวนฉันออกมาเที่ยว" "เซ็งๆ นิดหน่อยอะ อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เจอแกตั้งหลายเดือน" ฉันหันไปตอบแพรเพื่อนสาวคนสวย ดีกรีเด็กนักเรียนนอกเพิ่งเรียนจบมาหมาดๆ ที่เดินเชิด สวย หยิ่ง เข้ามาในผับพร้อมกันกับฉัน "บอกให้ไปเรียนด้วยกันตั้งแต่แรกก็ไม่ไป" "ก็ฉันชอบประเทศไทยมากกว่านี่นา" "ชอบทั้งๆ ที่มันห่วยแตกขนาดนี้เนี่ยนะ" แพรพูดออกมาพร้อมกับเบ้ปากนิดๆ ฉันกับแพรเราเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก มากแบบมากๆ เลยล่ะ เพราะเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ พ่อแม่ของเราทั้งสองก็รู้จักและสนิทกัน แต่พอขึ้นมหาฯ ลัยแพรมันก็ไปเรียนต่อที่อังกฤษ แล้วมันก็ชวนฉันไปด้วยแหละ แต่ฉันก็ไม่ยอมไปกับมัน คือฉันเป็นคนห่างบ้านไม่ได้น่ะ ฉันเป็นคนอยู่ติดบ้านมากๆ ฉันก็เลยปฏิเสธที่จะไปกับมันและเลือกที่จะเรียนมหาฯ ลัยในไทยแทน ก็เลยทำให้ฉันรู้จักกับใบบัวนั่นแหละ "เอาน่าแก ถึงมันจะห่วยแตกยังไงมันก็เป็นบ้านเกิดเรา พ่อกับแม่เราก็อยู่ที่นี่เราจะไปไหนได้ล่ะ" "ฉันล่ะเบื่อความคิดแกจริงๆ..." แพรส่ายหน้าให้ฉันเล็กน้อยอย่างเอือมๆ ก่อนจะเดินนำฉันเข้าไปยังโซนข้างในเพื่อไปหาที่นั่ง จริงๆ ฉันกับยัยแพรนี่มีทั้งความเหมือนและความต่างกันเยอะนะ ส่วนที่เหมือนก็คือเป็นพวกไม่ยอมคนเหมือนกัน แถมยังขี้วีนและปากจัดเหมือนกัน แต่ส่วนที่ต่างก็คือยัยแพรมันจะโมโหร้ายมากกว่าฉัน เข้าใจฟีลแบบยัยคุณหนูผู้เย่อหยิ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน อารมณ์ร้อน เอาแต่ใจอะไรพวกนั้นปะ นั่นแหละยัยแพรเป็นแบบนั้นเลย "Vip ว่างปะ" แพรถามพนักงานเสิร์ฟของร้าน "ต้องขอโทษด้วยนะครับคุณลูกค้า ตอนนี้โต๊ะเต็มหมดแล้วครับ เพราะโต๊ะ Vip ของทางร้านเราต้องจองก่อนล่วงหน้าครับ" พนักงานตอบกลับมาอย่างนอบน้อม คงจะถูกฝึกมาอย่างดี "ฉันให้ 5 พันหาโต๊ะ Vip ให้ฉันหนึ่งโต๊ะ" แพรล้วงแบงค์พันในกระเป๋าออกมาจำนวนหนึ่งแล้วยื่นให้พนักงาน "ขอโทษจริงๆ ครับคุณลูกค้า วันนี้โซน Vip ของร้านเราเต็มแล้วจริงๆครับ" "ฉันให้เพิ่มอีก 5 พัน..." "แก โต๊ะมันเต็มแล้ว เรานั่งโซนธรรมดาข้างล่างก็ได้" พอฉันเห็นทีท่าว่าเพื่อนของฉันยังไม่มีท่าทีว่าจะยอมถอยง่ายๆ ฉันจึงเข้าไปจับแขนของแพรไว้แล้วพูดขึ้น "แกจะให้ฉันนั่งเบียดอยู่ข้างล่างกับพวกนี้เนี่ยนะ !?" ยัยแพรพูดพลางมองไปรอบๆ ที่มีผู้คนอยู่มากมาย "ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย อีกอย่างเราก็มาช้าเอง" นี่มันตั้ง 4 ทุ่มกว่าแล้ว จะหาโต๊ะดีๆ ก็คงยาก "งั้นเปลี่ยนร้าน" "แกอย่าลืมนะว่าวันนี้วันศุกร์ ร้านไหนคนก็เยอะเหมือนกันนั่นแหละ อีกอย่างร้านอื่นเบียดกว่านี้อีก" บางร้านอัดคนเข้าไปโดยไม่สนเลยว่าพื้นที่ของตัวเองมีจำกัดแค่ไหน สักแต่อยากจะได้เงิน และเท่าที่ฉันเคยเที่ยวมาฉันว่าที่นี่โอเคสุดละ รับคนเข้ามาจำกัด แถมราคาเครื่องดื่มและอาหารของที่นี่ก็สูงสามารถคัดคนเข้ามาได้ในระดับหนึ่งเลยล่ะ "..." "เอาน่าแก ไหนๆ ก็มาที่นี่ละ นั่งที่บาร์ก็ได้ ไม่เบียดด้วย" แพรที่ทำหน้าหงุดหงิดอยู่หันมามองฉัน แล้วหันไปมองบาร์เครื่องดื่มของทางร้านที่ตอนนี้มีคนนั่งอยู่แค่ไม่กี่คน ก่อนจะหันมาพยักหน้าให้ฉันอย่างจำยอมแบบไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ จากนั้นเราสองคนก็เดินมานั่งที่บาร์พร้อมกับสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์ไปเรียบร้อย "กลับมารอบนี้แกจะอยู่ไทยนานแค่ไหน" ฉันเอ่ยถามแพรออกไปในระหว่างที่เรากำลังรอเครื่องดื่ม "รอบนี้ก็น่าจะอยู่นานหน่อย เพราะฉันเรียนจบแล้ว" "เป็นไงบ้างชีวิตที่นู่น ?" "ก็ดี ไม่วุ่นวายดี กลางวันก็เรียนกลางคืนก็ปาร์ตี้" "ฉันเห็นแกอัพลงสตอรี่บ่อยๆ ไปปาร์ตี้แบบนั้นไม่กลัวบ้างเหรอ" ปาร์ตี้แบบฝรั่งอะค่ะพอจะนึกภาพออกมั้ย อารมณ์ประมาณว่าเปิดห้องปาร์ตี้หรือมั่วสุมอะไรกันแบบนั้นอะ "ก็เฉยๆ ชีวิตมันก็ต้องลองอะไรใหม่ๆบ้าง" ยัยแพรไหวไหล่ตอบฉันกลับมาอย่างไม่แคร์ "..." ฉันเชื่อละว่าต่างประเทศเขาเปิดกว้างขึ้นมากจริงๆ แล้วฉันก็ไม่ได้ถามอะไรมันต่อ เพราะบาร์เทนเดอร์เอาเครื่องดื่มที่เราสั่งไปมาเสิร์ฟพอดี ฉันก็เลยยกมันขึ้นมาจิบเพื่อที่จะลิ้มลองรสชาติ "...ว่าแต่แกเถอะ ยังซิงอยู่ปะเนี่ย !?" "อุ้บ!! แค่กๆๆ ถะ...ถามอะไรของแกเนี่ย" เหล้าแทบพุ่งแหนะเมื่อกี้ ฉันที่กำลังจิบเหล้าที่บาร์เทนเดอร์เพิ่งเอามาเสิร์ฟ พร้อมๆ กับยัยแพรที่ถามคำถามนั้นออกมา ทำให้เหล้าที่ฉันพึ่งจิบเข้าไปพุ่งออกมาเล็กน้อย ดีนะเนี่ยที่ไม่ได้จิบเยอะ ไม่งั้นล่ะน่าเกลียดแน่ "อะทิชชู อะไรของแกฉันก็แค่ถามปะ" "..." ฉันรับทิชชูจากมันมาซับปาก แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองหน้ามันที่มองฉันอยู่ ก่อนที่มันจะทำตาโตแล้วพูดออกมาอย่างดีใจและตื่นเต้น "!!...อย่าบอกนะว่าไม่ซิงแล้ว!? กรี๊ดดดด เรื่องจริงปะ !?" "...เออ" ฉันก็ได้แต่พยักหน้าตอบมันไป พลางหวนกลับไปนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น ที่ฉันจำได้เพียงแค่เลือนลางเท่านั้น พอนึกถึงแล้วก็โคตรเจ็บใจเลยว่ะ เสียตัวทั้งทีก็เสียให้กับคนที่ไม่ได้รัก แถมยังไม่มีความรับผิดชอบเอาซะเลย! "โอ๊ย ฉันดีใจอะแก เพื่อนไม่ซิงแล้ว" "เดี๋ยวๆ มันน่าดีใจตรงไหน" ฉันขมวดคิ้วถามมันไป การที่ฉันเสียตัวแล้วมันต้องตื่นเต้นและดีใจขนาดนั้นเลยเหรอวะ "น่าดีใจสุดๆ เลยแหละแก แล้วเป็นไงดีปะ ?" แพรถามฉันอย่างตื่นเต้น ยิ่งทำให้คิ้วฉันขมวดเข้าหากันไปใหญ่ "..." "เร็วๆ บอกมาว่าแกรู้สึกไง ?" "ไม่รู้ ฉันจำไม่ได้" ไม่รู้เลยค่ะว่าความรู้สึกตอนนั้นมันเป็นยังไง รู้แค่ว่าตื่นมาแล้วเจ็บตรงส่วนนั้นแค่นั้นเอง "ห้ะ!? แกอย่าบอกนะว่าเมาก็เลยจำอะไรไม่ได้" "อือ" ฉันพยักหน้ายอมรับกับมันไป ก็วันนั้นฉันเมาจริงๆ นี่ แถมยังเมามากด้วยนะ "ขิงงง ไม่ได้นะ! แบบนี้แกต้องลองอีกรอบเว้ย แล้วแกจะรู้ว่าการมีเซ็กส์มันดียังไง" "แกจะบ้าเหรอ แกจะให้ฉันไปลองบ้าอะไร" เพื่อนฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ "เอ้า! ก็ลองให้รู้ไงว่ามันรู้สึกยังไง รับรองว่าแกจะต้องติดใจ" "ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ" ฉันรีบส่ายหัวตอบมันไปทันที ติดจงติดใจอะไรล่ะ ไม่ได้มีความรู้สึกดีเลยสักนิด! "...ใครอะ" จากนั้นยัยแพรมันก็เงียบไปสักพักเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนที่มันจะหรี่ตาลงแล้วถามฉันออกมา "อะไร" ซึ่งพอมันหรี่ตามองฉันแบบนั้น ก็ทำให้ฉันต้องถามมันกลับไปอย่างหวาดระแวงทันที "ผู้ชายคนแรกของแกคือใครอะ หล่อปะ ?" "..." "ตอบ!" แพรพูดย้ำขึ้นมาเมื่อเห็นว่าฉันเงียบไม่ยอมตอบคำถามของมัน "บอกไปแกก็ไม่รู้จักหรอก" "ก็ลองบอกมาก่อน รู้จักไม่รู้จักเดี๋ยวฉันบอกแกเอง" เนี่ย! พอมันอยากรู้อะไรมันก็ต้องรู้ให้ได้ ฉันรู้จักนิสัยของเพื่อนฉันดี และถึงฉันไม่บอกแพรมันก็ต้องไปสืบเองจนมันรู้ ซึ่งมันก็จะวุ่นวายไปอีก ฉันก็เลยตัดสินใจบอกมันไป... "ซิกซ์เซ้นส์...ผู้ชายคนนั้นชื่อซิกซ์เซ้นส์" "คุ้นๆ นะ...ใช่ซิกซ์เซ้นส์ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่เจ้าขุนปะ ?" แพรทำหน้านึกแป๊บนึงก่อนจะพูดออกมา ซึ่งมันทำให้ฉันตกใจมาก! "แกรู้จัก !?" ฉันไม่คิดว่ามันจะรู้จักจริงๆนะ แล้วที่แปลกใจไปมากกว่านั้นก็คือมันรู้จักพี่เจ้าขุนด้วยแถมยังรู้อีกว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ขนาดฉันยังเพิ่งรู้เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง "แกอย่าลืมสิว่าที่ครอบครัวฉันก็ทำธุรกิจอสังหาฯ เหมือนกันกับครอบครัวพี่เจ้าขุน" จริงด้วย! บ้านยัยแพรทำธุรกิจอสังหาก็ไม่แปลกที่มันจะรู้จัก "..." "แล้วไง อย่าบอกนะว่าที่แกชวนฉันมาวันนี้ก็เพราะเรื่องที่แกเสียครั้งแรกให้หมอนั่น" แพรเลิกคิ้วถามฉัน "ดูออกเหรอ ?" "ดูไม่ออกมั้ง...แกเป็นเพื่อนฉันมากี่ปีแล้วน้ำขิง ทำไมเรื่องแค่นี้ฉันจะดูแกไม่ออก ฉันรู้ว่าแกรักและหวงตัวมากแค่ไหน ดูหน้าแกฉันก็รู้แล้วว่าแกกำลังเซ็งเรื่อง อะไร" "..." "ทำไม ? หมอนั่นไม่รับผิดชอบล่ะสิ" แพรถามฉันขึ้นมาอีกครั้งอย่างรู้ทัน "...อือ โคตรไม่มีความรับผิดชอบเลย" "ก็นะ เพลบอยขนาดนั้น" "โคตรเซ็ง" "แกอยากจะให้เขารับผิดชอบแกใช่มั้ย ?" "ก็ใช่น่ะสิ ฉันไม่ยอมเสียตัวฟรีๆ หรอกนะ" "แล้วแกอยากจะให้หมอนั้นรับผิดชอบแกยังไง" ...เออว่ะ ไม่ได้คิดถึงตรงนี้เลย อยากจะได้แต่ความรับผิดชอบจากเขา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องรับผิดชอบยังไง "...ไม่รู้" "เป็นแฟน...หรือแต่งงานเลยดีล่ะ" "ไม่มีทาง!" ฉันตอบออกไปทันที จะให้ฉันไปแต่งงานกับไอ้บ้านั่นอะนะ ฝันไปเถอะ "มันก็มีอยู่แค่นี้แหละ ไอ้การรับผิดชอบที่แกอยากได้น่ะ" พูดจบแพรก็ยกแก้วคอกเทลสีสวยขึ้นมาจิบพลางมองไปรอบๆ ...เป็นแฟน ? ...แต่งงาน ? แค่คิดก็ขนลุกแล้วมั้ย ยังไงฉันก็ไม่มีทางยอมเป็นแฟนหรือยอมแต่งงานกับอีตานั่นแน่ๆ แต่ถ้าไม่ใช่สองอย่างนี้ฉันก็คิดไม่ออกแล้วจริงๆ ว่าความรับผิดชอบที่ฉันต้องการมันคืออะไร... ฉันผุดยิ้มออกมาอย่างร้ายๆ เมื่อคิดอะไรขึ้นมาได้ ในเมื่อการรับผิดชอบมันมีให้เลือกแค่สองอย่างนั้น ฉันก็จะไม่ขอเลือกทางไหนทั้งนั้น เพราะฉันไม่ได้อยากเป็นแฟน แล้วก็ไม่ได้แต่งงานกับผู้ชายแบบนั้น แต่...จะให้ปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปมันก็จะง่ายไป มันก็ดูไม่ใช่น้ำขิงสิคะ โอเคค่ะ สิ่งที่มันเสียไปแล้วมันก็เอาคืนกลับมาไม่ได้ แต่อย่าเพิ่งคิดกันนะคะว่าคนอย่างน้ำขิงจะยอมถอยง่ายๆ โนจ้ะ! ถึงฉันจะไม่ต้องการให้เขารับผิดชอบเรื่องพวกนั้น แต่เขาก็ต้องรับผิดชอบความรู้สึกของฉันอยู่ดี! "แพร...ช่วยไรฉันหน่อยดิ"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม