บ่ายวันเสาร์ที่บ้านของคุณย่าอรุณีกำลังวุ่นวายอยู่กับการจัดเตรียมอาหารเพื่อต้อนรับครอบครัวของคุณปู่อำนาจ คุณย่าเป็นคนลงมาดูแลแม่ครัวและเด็กรับใช้ในการทำอาหารด้วยตัวเอง
เมื่อถึงเวลานัดรถตู้คันใหญ่ของครอบครัวปู่อำนาจก็มาจอดที่หน้าบ้าน ย่าอรุณีรีบเดินออกไปต้อนด้วยความดีใจเพราะนานแล้วที่ไม่เจอกับครอบครัวเพื่อนสนิทของสามี
“สวัสดีค่ะคุณอำนาจ”
“สวัสดีครับคุณอรุณีสบายดีนะครับ”
“ค่ะฉันสบายดี คุณอำนาจกับุณประไพล่ะคะ”
“ก็เรื่อยๆ ตามประสาคนแก่”
“สวัสดีครับคุณปู่ คุณย่า คุณอา” ทินภัทรยกมือไหว้ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสี่คนที่เดินลงมาจากรถ
“สวัสดีจ้ะ หลานชายคุณอรุณียิ่งโตก็ยิ่งเหมือนปู่ของเขา”
“ใช่ค่ะ ตาทินเหมือนปู่ยิ่งกว่าพ่อเขาอีก แล้วมากันสี่คนเหรอคะ” คุณอรุณีถามขึ้นเมื่อไม่เห็นหลานสาวของปู่อำนาจ
“เปล่าหรอก เรามากันห้าคนนั่งไงหลานสาวผม” คุณปู่อำนาจชี้ไปในรถ
ทินภัทรมองไปในรถก็เห็นเงาตะคุ่มๆ ของหญิงสาวที่อยู่ด้านในและเมื่อเธอเดินลงจากและอ้อมมาทางด้านหน้ารวมตัวกับครอบครัวของเธอเขาก็ต้องตกใจมาก เมื่อผู้หญิงคนนั้นก็คือผู้หญิงที่เขาเพิ่งคุยด้วยเมื่อวันก่อน
“สวัสดีค่ะคุณย่า” มญชุ์ชัญญาสวัสดีคุณย่าอรุณีโดยไม่ทันมองว่าด้านหลังของท่านมีใครยืนอยู่
“ชัญญ่า” ทินภัทรเรียกชื่อหญิงสาวเมื่อเธอสวัสดีคุณย่าของเขาแล้ว
“คุณทิน” มญชุ์ชัญญาตกใจไม่น้อยเพราะไม่คิดมาก่อนเลย เลยว่าครอบครัวของตนเองและทินภัทรจะรู้จัก
และเธอก็ไม่แน่ใจว่าเขาคือผู้ชายที่เธอจะต้องแต่งงานด้วยหรือเปล่าเพราะเธอไม่รู้ว่าคุณปู่สุทัศน์มีหลานชายกี่คน
“นี่หลานชายของย่ารู้จักกับหลานสาวของคุณปู่อำนาจแล้วใช่ไหม แบบนี้ก็ดีเลยสิ ย่าว่าพวกเราเข้าไปคุยกับข้างในบ้านดีกว่าไหมยืนคุยตรงนี้คงไม่สะดวกเท่าไหร่” คุณอรุณีเดินนำแขกทั้งห้าคนเข้าไปในบ้านเมื่อทุกคนนั่งลงก็มีการแนะนำตัวกันอีกครั้ง
“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าหลานของเราคนจะรู้จักกันมาก่อน” ปู่อำนาจพูดด้วยความดีใจ
“นั่นสิคะฉันก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้วหลานไปรู้จักกับหนูชัญญ่าได้ยังไงล่ะ”
“เราบังเอิญเจอกันครับคุณย่า”
“หนูรู้จักพี่เขามานานหรือยังล่ะชัญญ่า” คุณวารีถามลูกสาว
“เราเพิ่งรู้จักกันเมื่อสองวันก่อนค่ะคุณเม่” มญชุ์ชัญญาตอบมารดาไปตามความจริง
“เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ เลยนะถ้ารู้จักกันมาก่อนแล้วแบบนี้ก็น่าจะคุยกันง่ายขึ้น ชัญญ่าต้องเรียกทินว่าพี่นะ เพราะเขาอายุเยอะมากกว่าหนูหลายปี” ปู่อำนาจบอกหลานสาว
“พี่เหรอคะ”
“ใช้จ้ะได้ไหม”
“ได้ค่ะคุณปู่”
“แล้วตาทินของย่าก็ต้องแทนตัวเองว่าพี่ด้วย”
“ไม่มีปัญหาครับคุณย่า”
“ปู่คะ พี่ทินคือคนที่หนูจะต้องแต่งงานด้วยเหรอคะ” หญิงสาวหันมาถามปู่อำนาจ
“ใช่แล้วล่ะชัญญ่า ทินภัทรจะต้องแต่งงานกับหนูตามพินัยกรรมที่ปู่สุทัศน์เขียนไว้ก็ได้”
“หนูคิดว่าจะแต่งงานกับหลานชายของย่าได้ไหมจ๊ะ”
คุณอรุณีถามหญิงสาวที่เธอเจอเมื่อหลายปีก่อนตอนนั้นที่มญชุ์ชัญญากลับมาเยี่ยมเมืองไทยแต่เวลาผ่านไปหลายปีคุณย่าอรุณีก็ไม่คิดเลยว่าเธอจะสวยมากขึ้นถึงเพียงนี้
“หนูคิดว่าไม่น่ามีปัญหาค่ะ”
เมื่อได้ฟังคำตอบของหญิงสาวทินภัทรก็คิ้วขมวดเพราะไม่คิดว่าเธอจะยอมตอบตกลงง่ายๆ
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีเลยเดี๋ยวย่าจะจัดการเรื่องงานแต่งงานเองนะ”
“คุณย่าอรุณีไม่ต้องจัดการหรอกค่ะ เดี๋ยวทางเราจะจัดการเองดีกว่า คุณย่าอายุเยอะแล้ววารีกลัวคุณย่าจะเหนื่อย” มารดาของหญิงสาวรีบบอกเพราะรู้สึกเห็นใจฝ่ายผู้ชายที่ต้องจัดเตรียมงานอีกอย่างครอบครัวเธอก็มีคนเยอะคิดว่าเรื่องนี้ก็น่าจะช่วยกันได้
“แต่หนูเป็นฝ่ายเจ้าสาวนะ ให้ฝ่ายเจ้าบ่าวจัดงานดีกว่าเพราะงานแต่งครั้งนี้คนที่ได้ประโยชน์ก็คือฝั่งของย่านะ”
“อย่าคิดอย่างนั้นเลยค่ะคุณย่า บ้านของวารีมีลูกสาวคนเดียวก็อยากจะจัดงานแต่งงานให้กับลูกสาวค่ะ อีกอย่างวารีก็มีประสบการณ์ในการจัดงานแต่งงานให้ลูกชายมาแล้ว ให้วารีเป็นคนจัดการเรื่องนี้เถอะนะคะ”
“ถ้าวารีเห็นอย่างนั้นย่าก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ ส่วนค่าใช้จ่ายต่างๆ ย่าจะเป็นคนจัดการเอง”
“ผมว่าเรื่องค่าใช้จ่ายผมเป็นคนจัดการเองดีกว่าเพราะการแต่งงานครั้งนี้เป็นความต้องการของผมด้วย” คุณปู่อำนาจพูดขึ้น
“ถ้าคุณอำนาจจะเอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ แต่ถ้าอยากให้ฉันช่วยอะไรหรืออยากได้อะไรเพิ่มเติมก็บอกมาได้เลยนะคะ”
“เดี๋ยวเราค่อยคุยรายละเอียดกันทีหลังก็ได้ค่ะ ส่วนเรื่องฤกษ์แต่งงานเดี๋ยวย่าจะเป็นคนไปหามาเองนะ” ย่าประไพเป็นคนเสนอเพราะเธอรู้จักชินแสเก่งๆ อยู่หลายท่าน
“ฉันฝากคุณประไพจัดการด้วยนะคะ บ้านฉันไม่เคยจัดงานแต่งงานมานานแล้วก็เลยไม่ค่อยรู้ประเพณีเท่าไหร่”
“ได้เลยค่ะ สบายใจได้เลยว่าเราจะจัดงานแต่งงานให้ยิ่งใหญ่สมเกียรติทั้งสองครอบครัวแน่นอน” คุณประไพรับปากกับทุกคนด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดี
เธออยากจัดงานแต่งงานให้หลานสาวอย่างสมเกียรติที่สุดถึงแม้มันจะเป็นการแต่งงานที่ไม่ได้เกิดจากความรักแต่เธอเชื่อว่าหากเริ่มต้นด้วยงานมงคลแล้วชีวิตของหลานจะมีความสุข
เมื่อตกลงกันได้แล้วทั้งหมดก็ย้ายไปนั่งรับประทานอาหารหลังจากทานอาหารเสร็จผู้ใหญ่ก็มานั่งคุยกันในห้องรับแขกส่วนมญชุ์ชัญญาขอไปคุยกับทินภัทรตามลำพังที่สนามหญ้าหน้าบ้าน
“พี่ไม่คิดเลยว่าชัญญ่าจะตกลงแต่งงานง่ายๆ แบบนี้นะ ชัญญ่าวางแผนเรื่องนี้มาก่อนหรือเปล่า การที่เราเจอกันในผับคืนนั้นอยู่ในแผนด้วยใช่ไหม”
“พี่ทินคิดมากเกินไปแล้วค่ะ ชัญญ่าไม่ได้วางแผนอะไรทั้งนั้น”
“แล้วทำไมถึงตอบตกลงแต่งงานง่ายจังล่ะ”
“พี่ทินอาจมองว่าชัญญ่าเป็นผู้หญิงง่าย แต่ชัญญ่ามีเหตุผล”
“เหตุผลอะไร”
“เพราะคุณปู่สุขภาพไม่ดีท่านเป็นโรคหัวใจชัญญ่าไม่อยากให้ ท่านเครียดค่ะ แต่ชัญญ่ามีข้อตกลงก่อนแต่งงานค่ะ ถ้าพี่ทินตกลงทำตามที่ชัญญ่าเสนอเราก็จะแต่งงานกันค่ะ”
“ข้อตกลงอะไรล่ะ”
“เราสองคนจะแต่งงานกันแค่ในนามเท่านั้นเราจะไม่นอนด้วยกันค่ะ ถ้าแต่งงานครบหนึ่งปีแล้วชัญญ่าจะหย่าให้พี่ทินแล้วสมบัติทั้งหมดของคุณปู่สุทัศน์ก็จะตกเป็นของพี่ทินทั้งหมดตกลง”
“แล้วถ้าต้องหย่ากันไม่กลัวคุณปู่จะเสียใจเหรอ”
“ถึงตอนนั้นชัญญ่าจะบอกคุณปู่เองค่ะว่าชัญญ่ากับพี่ทินพยายามอยู่ด้วยกันแล้ว ปรับตัวเข้าหากันแล้วแต่เราสองคนไม่มีความสุข ชัญญ่าเชื่อว่าถึงตอนนั้นคุณปู่จะต้องเข้าใจค่ะ”
“มันก็น่าสนใจดีนะ ข้อตกลงของชัญญ่ามีแค่นี้ใช่ไหม”