วันนี้มญชุ์ชัญญามีนัดกับทินภัทรหลังจากหญิงสาวทานอาหารเช้ากับครอบครัวแล้วหญิงสาวก็มานั่งเล่นอยู่กับหลานสาวสองคนคือน้องหมิวหลานสาวคนโตอายุห้าขวบกับน้องน้ำหวานหลานสาวคนที่สองที่มีอายุสี่ขวบ
เธอเล่านิทานภาษาอังกฤษให้กับหลานทั้งสองคนฟังจนกระทั่งใกล้ถึงเวลานัดก็ขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะออกไปข้างนอกกับทินภัทรเมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเดินลงมาที่ห้องรับแขกก็เจอกับพี่นิวพี่สะใภ้ภรรยาของพี่ชายคนโตที่ตอนนี้กำลังสอนลูกสาววาดรูปอยู่บริเวณห้องรับแขก
“พี่ฝากให้ชัญญ่าช่วยอ่านนิทานให้หลานแป๊บเดียวแต่ไม่คิดว่าชัญญ่าจะให้หลานนั่งเล่นอยู่กันตามลำพังสองคนแบบนี้”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะพี่นิวชัญญ่าเล่านิทานให้น้องมิวกับน้องน้ำหวานฟังไปแล้วพอดีชัญญ่ามีธุระต้องออกไปข้างนอกค่ะ”
“จะออกไปทำธุระหรือจะออกไปช้อปปิ้งกันแน่ล่ะ” พี่ลูกตาลภรรยาของพี่ชายคนที่สองที่กำลังเดินเอาของว่างเขามาให้ลูกสาวพูดคืนบ้าง
“ชัญญ่าจะออกไปทำธุระหรือไปช้อปปิ้งมันก็เป็นสิทธิ์ส่วนตัวของชัญญ่าไม่ใช่เหรอคะ”
“มันก็ใช้ใช่จ้ะ แต่พี่รู้สึกว่าตั้งแต่กลับมาอยู่เมืองไทยชัญญ่าไม่ค่อยทำงานอะไรเลยนะวันๆ ก็เอาแต่ออกไปเที่ยวข้างนอก” พี่นิวภรรยาพี่ชายคนโตพูดขึ้น
“ก็วันนี้มันเป็นวันหยุดนี่คะพี่นิวชัญญ่าก็อยากออกไปใช้ชีวิตส่วนตัวบ้าง”
“ชัญญ่าออกไปใช้ชีวิตส่วนตัวในวันหยุด แต่วันทำงานพี่ก็อยากให้ชัญญ่าจริงจังกับการทำงานมากกว่านี้นะ นี่อะไรเข้ามาทำงานสองเดือนแล้วยังไม่เห็นมีผลงานอะไรเลย”
“นั่นสิพี่ก็เห็นด้วยนะ” พี่ลูกตาลภรรยาของพี่ชายคนโตก็พูดเสริมขึ้น
“ชัญญ่าเป็นลูกสาวและหลานสาวที่ทุกคนในบ้านรักและตามใจมากที่สุด ชัญญ่าเป็นคนเดียวที่ได้ไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่กลับมาแทนที่จะช่วยพัฒนาบริษัทแต่พี่ไม่เห็นอะไรมันเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาเลย น่าสงสารสามีของเราสองคนนะที่ตั้งใจทำงานกันอย่างเต็มที่แต่สุดท้ายแล้วเวลาปันผลออกมาทุกคนก็ได้เท่ากัน”
“ได้เท่ากันที่ไหนล่ะพี่นิวลูกตาลรู้มาว่า นอกจากจะได้หุ้นในบริษัทเท่าๆ กับสามีของเราแล้วยังได้ส่วนแบ่งที่คุณปู่กับคุณย่าแบ่งให้จากร้านทอง”
“จริงเหรอ แบบนี้ก็ได้เยอะกว่าทุกคนสิแบบนี้ไม่ยุติธรรมกับพวกเราเลยนะ”
“พี่จะพูดเรื่องนี้กับชัญญ่าทำไมคะ ชัญญ่าเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าพี่อยากจะเรียนร้องความยุติธรรมพี่ก็ต้องไปพูดกับคุณปู่ คุณพ่อเองนะคะ ชัญญ่าไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องนี้เองหรอกค่ะ”
“ใครจะกล้าพูดกันล่ะ”
“ถ้าพี่ไม่กล้าพูดเองก็ให้สามีของพี่พูดสิคะ ถ้าพี่ไม่พูดก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าพี่สองคนคิดอะไรอยู่ หรือจะชัญญ่าบอกคุณปู่กับคุณพ่อดีคะว่าพี่สองคนพูดอะไรกับชัญญ่าบ้าง”
“ที่พี่พูดเรื่องนี้กับชัญญ่าก็เพราะอยากให้ชัญญ่าปรับปรุงตัวเองตั้งใจทำงานมากขึ้นไม่ใช่วันๆ เอาแต่เที่ยวเล่น”
“มันจะเกินไปแล้วนะคะพี่ ชัญญ่าเที่ยวเล่นที่ไหนวันนี้มันเป็นวันหยุดใครจะออกไปทำอะไรที่ไหนมันก็ไม่กระทบกับงานนี่คะ”
“ถึงจะเป็นวันหยุดแต่สามีพี่ยังต้องออกไปพบลูกค้านะ เขาได้หยุดเหมือนชัญญ่าที่ไหนล่ะ”
“พี่วิชญ์เป็นถึงรองประธานก็ต้องมีหน้าที่ไปพบลูกค้า ชัญญ่าก็แค่พนักงานตัวเล็กๆ คนหนึ่งไม่ได้มีตำแหน่งอะไรใหญ่โต” มญชุ์ชัญญาบอกกับภรรยาของพี่ชายคนโต
“นั่นสินะ ไม่ได้มีตำแหน่งใหญ่โตแต่ก็ได้เงินปันผลเท่ากันแบบนี้พี่อยากจะให้สามีพี่ลาออกจากตำแหน่งรองประธานจังเลยเพราะทำงานหนักไปสุดท้ายแล้วทุกอย่างก็ต้องหารเท่าๆ กัน”
“นั่นสิสามีพี่ก็ทำงานหนักไม่ต่างกันเลยนะ แบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลย”
“แต่พี่วิชญ์กับพี่วัฒน์ก็ได้เงินเดือนระดับผู้บริหารนะคะไม่ใช่เงินเดือนไม่กี่หมื่นเหมือนที่ชัญญ่าได้”
“ก็เพราะเขาสองคนทำงานกันอย่างหนักเพื่อบริษัท แต่ชัญญ่าแทบไม่ทำอะไรเลยลองพิจารณาตัวเองหน่อยไหมว่าสมควรได้รับเงินปันผลเท่ากับคนอื่นหรือเปล่า” ภรรยาของพี่ชายคนโตออกมาอย่างไม่เกรงใจ
“ลุกตาลเห็นด้วยกับพี่นิวนะคะ บ้านนี้แปลกที่ให้ความสำคัญกับลูกผู้หญิงมากกว่าลูกผู้ชาย”
สิ่งที่ที่สะใภ้ทั้งสองพูดมานั้นทำให้มญชุ์ชัญญารู้สึกไม่ดีเอามากๆ และนี่มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่สะใภ้ทั้งสองคนพูดแบบนี้กับเธอ พวกเขาจะพูดทุกครั้งที่มีโอกาสอยู่กันตามลำพังตอนแรกเธอก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากแต่พอพูดบ่อยๆ ก็รู้สึกไม่ค่อยอยากจะอยู่บ้านนี้เท่าไหร่เพราะพี่สะใภ้ทั้งสองคนทำให้บ้านที่เคยอบอุ่นมันเป็นบ้านที่ร้อนขึ้นจนหญิงสาวอยากจะย้ายออกไปอยู่ที่อื่น
มญชุ์ชัญญาไม่กล้าเล่าเรื่องนี้ให้บิดามารดา ปู่กับย่าหรือแม้กระทั่งพี่ชายฟังเพราะกลัวทุกว่าพูดไปอาจจะทำให้พี่ชายมีปัญหากับภรรยา หญิงสาวเลยได้แต่เก็บไว้ในใจแต่ตอนนี้ความในใจของเธอมันกำลังจะระเบิดออก เธอคิดว่าวันนี้ถ้าหากได้คุยเรื่องนี้กับทินภัทรก็น่าจะดีเพราะอยากระบายให้ใครสักคนรับฟังปัญหาที่เธอเจอในบ้านหลังนี้ซึ่งมันเป็นปัญหาที่เล่าให้คนในบ้านฟังไม่ได้
“ถ้าพี่สองคนอยากให้ทุกอย่างยุติธรรมชัญญ่าแนะนำให้ไปคุยเรื่องนี้กับคุณพ่อคุณแม่นะคะชัญญ่าขอตัวก่อนค่ะ” มญชุ์ชัญญาเดินออกมาจากห้องรับแขกก็สวนทางกับบิดามารดาที่เพิ่งกลับมาจากทำบุญที่วัด
“ชัญญ่าจะไปไหนเหรอลูก” คุณวารีถามลูกสาวเมื่อเห็นว่ามญชุ์ชัญญาแต่งตัวเหมือนจะออกไปข้างนอกทั้งที่วันนี้เป็นวันหยุด
“หนูมีนัดกับพี่ทินค่ะ”
“ไปเที่ยวเหรอลูก”
“พี่ทินบอกว่าจะพาไปเดินช้อปปิ้งนิดหน่อยค่ะ แม่ฝากซื้ออะไรไหม”
“ไม่หรอกจ้ะ แม่ดีใจนะที่เห็นหนูกับพี่เริ่มคุยกัน แล้วเย็นนี้จะกลับมากินข้าวที่บ้านหรือเปล่าชวนพี่เขามาด้วยก็ได้จะได้มารู้จักพี่ๆ ของเราด้วย”
“เย็นนี้พี่ทินจะพาหนูไปทานข้าวเย็นที่บ้านเขาค่ะ แม่คงไม่ว่าอะไรนะคะ”
“แม่จะว่าอะไรล่ะลูก ดีเสียอีกที่หนูเข้ากับพี่เข้าได้ อีกอย่างบ้านนั้นก็น่าสงสารนะมีกันแค่สองคนเอง”
“พ่อกับแม่ของพี่ทินเขาไปไหนเหรอคะ”
“พ่อของพี่ทินเขาบวชอยู่ที่วัดต่างจังหวัดน่ะ บวชได้หลายพรรษาแล้ว แม่คิดว่าอีกหน่อยถ้าหนูสนิทกับพี่เขามากๆ พี่เขาก็คงพาหนูไปกราบท่านเอง ส่วนแม่ของพี่ทินก็แต่งงานใหม่ไปตั้งแต่พี่เขาเรียนอยู่ชั้นมัธยมน่ะ” คุณวารีพอจะรู้ประวัติของคนบ้านนั้นอยู่บ้างจึงเล่าให้ลูกสาวฟังคร่าวๆ
“พี่ทินเขาอยู่กับคุณย่าแค่สองคนเหรอคะ”
“ใช่จ้ะเขาอยู่กับคุณปู่คุณย่าตามลำพัง พอปู่เขาเสียคุณย่าก็เลยเป็นทุกอย่างของเขา แม่อยากให้หนูรักและเคารพย่าคุณอรุณีเหมือนกับคุณย่าของเราด้วยนะลูก ท่านไม่มีใครที่ไหนลูกกับหลานคนอื่นก็อาศัยอยู่กันคนละบ้าน”
“ค่ะแม่ หนูว่าเอาไว้เราค่อยคุยเรื่องพี่ทินกันวันหลังนะคะเสียงรถพี่ทินมาแล้วหนูไปก่อนนะคะ”
“เที่ยวให้สนุกนะลูก”
“ค่ะพ่อ บ๊ายบายค่ะ” มญชุ์ชัญญาโบกมือให้กับบิดาและมารดาก่อนจะวิ่งออกมานอกรั้วแล้วเปิดประตูขึ้นไปนั่ง
“สวัสดีค่ะพี่ทินเราไปกันเลยไหมคะ”
“จะไม่ให้พี่เข้าไปสวัสดีพ่อกับแม่หน่อยเหรอ มารับลูกสาวท่านออกไปเที่ยวทั้งทีพี่ว่าบอกผู้ใหญ่ไว้ก็ดีเหมือนกันนะ”
“เอาไว้วันหลังดีกว่าค่ะ”