มาลีเดินลงมาชั้นล่างเวลานี้เธอรู้แล้วว่าควรจะเดินไปในทิศทางไหนถึงจะเจอมารดา กลิ่นหอมของขนมอันคุ้นเคยกระตุ้นให้ท้องร้องเรียกหาอาหารมื้อเช้า จากนั้นเสียงร้องของท้องก็ดังขึ้นมา
โครก โครก
“หิวเลย ห๊อม หอม”
เสียงท้องร้องดังประท้วงโครกคราก
“วันนี้มาลีได้กินของอร่อยแน่ๆ เราไปดูกันนะจ๊ะมาเรีย” เด็กหญิงบอกกับแมวตัวโปรดแล้วส่งเสียงร้องเพลงโปรดอย่างอารมณ์ดี
หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว ลูกแมวเหมียว ลูกแมวเหมียว
หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว ขนมันดูคล้ายสำลี
หนูมาลีไปเที่ยวที่ใด เที่ยวทีใด เที่ยวที่ใด
หนูมาลีไปเที่ยวที่ใด ลูกแมวตามไปทันที
(เครดิต เนื้อร้อง เพลงหนูมาลีมีลูกแมวเหมียว)
กลิ่นหอมที่โชยออกมาจากในห้องครัวสีขาวแบบบิลด์อินท์ทั้งชุดทำให้เก็บของได้มากกว่าปกติอีกทั้งยังสะอาดตาน่ามอง ผู้เป็นแม่ยืนหันหน้าเข้าหาเตาอบมีผ้ากันเปื้อนลายดอกลิลลี่คาดอยู่รอบเอวทำให้ให้ดูสดใสขึ้น ร่างเล็กแต่ค่อนไปทางกลมของเจ้าแมวมาเรียกระโดดอกจากอกของผู้เป็นเจ้าของ ค่อยๆแอบปีนขึ้นไปบนโต๊ะที่มีถาดโดนัทแบบอบร้อนใหม่ๆ นำออกจากเตามาหมาดๆ ไม่เกินห้านาทีวางอยู่
พิลาสินีพึมพำเบาๆ “ตื่นแล้วสินะ เสียงมาก่อนตัวอีก”
เพราะต้องการให้ลูกสาวมีชื่อแบบไทยๆ ตอนที่เด็กหญิงคลอดออกมา เธอจึงตั้งชื่อให้ว่ามาลี วอร์วิค เมื่อโตขึ้นมาแม่หนูชอบเล่นกับแมว เมื่อเห็นตุ๊กตาแมวก็มักจะชี้มือเพื่อขอให้พาไปดู เพราะต้องการให้ลูกสาวพูดภาษาไทยได้ เพลงที่จดจำง่ายจึงถูกนำมาฝึกให้หนูน้อยขับร้องและเพลงที่ผู้เป็นแม่นึกถึงเป็นอันดับแรกก็เป็นเพลงนี้ที่เธอฝึกให้หนูน้อยหัดร้องจนเวลานี้มาลีร้องได้จนคล่อง แต่สักพักเสียงเจื้อยแจ้วนั้นก็เงียบลงจนผู้เป็นแม่คิดว่าเด็กหญิงตัวน้อยคงจะไปล้างหน้าแปรงฟันทำกิจวัตรประจำวัน
“สูตรนี้ลดน้ำตาลไปหนึ่งร้อยกรัมจะจืดไปไหม”
ด้วยน้ำหนักของลูกสาวทำให้คุณแม่ยังสาวเลือกจะทำโดนัทสูตรอบแทนการทอด ทว่าเสียงร้องกรี๊ดเบาๆ อันคุ้นเคยที่ดังมาจากด้านหลังทำให้พิลาสินีละมือจากถาดขนมแล้วหันกลับไปมอง ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างอย่างคาดไม่ถึงเพราะลูกสาวตัวน้อยที่หยุดร้องเพลงไปแล้วกำลังแลบลิ้นเล็กๆสีชมพู เลียไปบนโดนัทอบร้อนบนถาดซึ่งเธอรู้ดีว่าขนมยังร้อนอยู่
“ร้อนๆ มามี้ขาโดนัทกัดปากมาลีค่ะ”
“ลิ้นพองแน่!” ใบหน้าสวยฉายแววกังวลปราดเข้าไปดูลูกสาวทันที พิลาสินีทิ้งทุกอย่างเอาไว้เบื้องหลัง ผู้เป็นแม่นึกไม่ออกว่าควรจะดุหรือควรจะหัวเราะแม่หนูจอมตะกละ แต่ความเป็นแม่ไม่มีเวลาสนใจอะไรมากไปกว่าการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
“มาลีคะมามี้เพิ่งเอาโดนัทถาดนี้ออกจากเตาอบ หนูเอาลิ้นไปเลียโดนัทแบบนี้ไม่ได้นะคะ ลิ้นพองหมดแล้วแน่ๆเลยไหนขอแม่ดูหน่อย”
แม่หนูตาใสแจ๋วแลบลิ้นสีชมพูเล็กๆ ออกมาทันที ปลายลิ้นเล็กพองขึ้นมาแบบที่พิลาสินีคาดไว้ไม่ผิด
“ลิ้นพองจริงๆ ด้วย” ผู้เป็นแม่จัดการรักษาแผลพองในปากด้วยวิธีโฮมเมดโดยใช้สิ่งของรอบตัวด้วยการบอกให้มาลีหายใจทางปากเพราะจะทำให้ความเจ็บแสบทุเลาลง จากนั้นคว้าก้อนน้ำแข็งในตู้เย็นหุ้มห่อด้วยผ้าสะอาดนำมาประคบเย็นก่อนจะยื่นน้ำอุ่นให้แม่หนูน้อยกลั้วปาก
“เป็นยังไงบ้างคะหายแสบที่ปลายลิ้นหรือยัง” น้ำเสียงอ่อนโยนนั้นเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
ดวงตาใสแจ๋วมองผู้เป็นแม่แล้วพยักหน้า แต่มือป้อมๆ ที่เคลื่อนไปหยิบโดนัทในถาดทำให้พิลาสินีส่ายหน้าระอาแกมเอ็นดู ดวงตาคู่สวยเข้มขึ้นพลางรับรู้ได้ว่าลูกสาวคงไม่เป็นอะไรมากเพราะยังคิดจะหยิบขนมมากินต่อ
“หยุดก่อน วางขนมลงเลยค่ะ มาลีแปรงฟันหรือยังคะ”
หนูน้อยตอบกลับเสียงแจ๋ว “ยังเลยค่ะมามี้” พร้อมส่ายศีรษะระรัว “แต่หิวแล้ว”
ดวงตาคู่งามฉายแววปรามสองมือน้อยที่จะหยิบขนม “ถ้าอย่างนั้นยังให้กินไม่ได้ค่ะ”
เด็กน้อยอ้าปากค้างมองโดนัทวงกลมที่รู้เลยว่าต้องอร่อยแน่อย่างเสียดาย ก่อนจะปล่อยมันลงบนถาดแล้วชักมือกลับมา สีหน้าและดวงตาเว้าวอนที่ส่งมานั้นมาพร้อมกับความเจ้าเล่ห์ที่ขับให้ดวงตาใสแจ๋วแวววาวขึ้นมา มาลีเกาะแขนมารดาพร้อมรอยยิ้มออดอ้อนเผื่อโชคดีมามี้ของเธออาจจะยอมใจอ่อนลงบ้าง
“ชิ้นเดียวเองนะคะมามี้ ขอร้อง นะคะ ขอร้อง ขอร้อง พลีสสส”
พิลาสินีมองแม่หนูตัวแสบ สีหน้าของผู้เป็นแม่เป็นคำตอบชัดเจนว่าไม่ได้ เธอจำเป็นที่ต้องทำใจแข็งเพราะไม่เช่นนั้นลูกสาวจะขาดวินัย ซึ่งเด็กที่ขาดวินัยจะเป็นปัญหาที่แก้ยากในภายหลัง
“ไม่ได้ค่ะยังไงก็ไม่ได้ ถ้ามาลีไม่ไปแปรงฟันก่อน ก็ไม่มีสิทธิ์หยิบโดนัทในถาดนี้กินเข้าใจไหมคะ”
มาลี วอร์วิค พยักหน้าเบาๆ ดวงตากลมโตเศร้าสร้อย เด็กหญิงตัวน้อยยอมจำนนคว้าแมวตัวโปรดหันหลังเดินคอตกเพื่อไปแปรงฟัน พิลาสินีบีบยาสีฟันเอาไว้ให้แล้วแต่ไม่คิดจะช่วยแปรงเพราะอีกไม่นานแม่หนูจะต้องเข้าเตรียมอนุบาลแล้วจำเป็นต้องฝึกให้ช่วยเหลือตัวเองมากที่สุด
พรอวิเดนซ์ รัฐโรดไอแลนด์
อีกฟากหนึ่งคฤหาสน์หรูกินเนื้อที่กว่าร้อยเอเคอร์มีกำแพงสูงกั้นเป็นแนวยาวล้อมรอบไปด้วยพันธุ์ไม้หายากและกุหลาบหลากหลายสายพันธุ์ตั้งอยู่ภายในเมืองพรอวิเดนซ์ ภายใต้การครอบครองของตระกูลเครก คฤหาสน์หรูหลังงามเป็นมรดกตกทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นจนเป็นที่รู้จักของคนทั้งเมืองเพราะขึ้นชื่อเรื่องความสวยงาม หรูหรา
ตระกูลเครกมีสองพี่น้องหนุ่มหล่อเป็นผู้กุมบังเ**ยนธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ และเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทชั้นนำด้านพลังงานธรรมชาติ พวกเขากระจายความเสี่ยงด้วยการทำธุรกิจหลายด้านไม่เว้นแม่ธุรกิจด้านอาหารแต่น่าแปลกที่ตระกูลเครกกลับประสบความสำเร็จในธุรกิจทุกด้านที่หยิบจับขึ้นมาเรียกได้ว่าหยิบจับอะไรเป็นเงินทองไปเสียหมด คงจะมีด้านความรักเท่านั้นที่ไทเลอร์ เครก ทายาทคนโตของตระกูลเครกยังไม่ประสบความสำเร็จ