บทที่ 2 จังหวะหนังรัก

2428 คำ
บทที่ 2 จังหวะหนังรัก หลังจากพูดคุยตกลงข้อเสนอเกี่ยวกับน้องรหัส ซึ่งไทป์จำได้ว่าเป็นเด็กสาวมัธยมที่พวกเขาเคยช่วยจากอันธพาล เมื่อเกือบสองปีก่อน และคงเป็นเด็กเก่าเจคอปที่แอบซุกไว้ ไม่ยอมบอกเขากับกวิน แต่ไม่อยากเซ้าซี้ให้มากความ เพราะตอนนี้เงินห้าหมื่น พร้อมพริตตี้ตัวท๊อปก็เกยอยู่บนหน้าตักเป็นที่เรียบร้อย “ขอบคุณพี่ไทป์ที่พามาเลี้ยงต้อนรับแบบจัดเต็ม ผมล่ะอย่างชอบเลย ฮ่า ๆ” เพชรมองพี่รหัสที่กำลังฟัดสาวสวยอย่างเอาเป็นเอาตาย ก่อนเอ่ยขอบคุณที่ไทป์พามาคลับสุดหรูแห่งนี้ มันเป็นความใฝ่ฝันของเขา ที่อยากทำเมื่อก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยปีแรก ตามประสาเด็กหนุ่มผู้อยากรู้อยากลอง “ตามสบายเลยไอ้น้อง เป็นสายรหัสพี่มีแต่เมากับปี้เท่านั้น พี่เอาหัวรับประกันว่าต่อจากนี้ชีวิตมึงจะมีแต่ความบันเทิง” ขณะพูดก็ลูบวนสะโพกผายของคนบนตักไปมา พร้อมกระดกเครื่องดื่มลงคออึกใหญ่ “ขอบคุณอีกครั้งครับ” เพชรก้มศีรษะให้พี่รหัส ก่อนหันมาสนใจสาวสวยข้างกายที่คลอเคลียไม่ห่าง สองหนุ่มนั่งดื่มและพูดคุยทำความรู้จักกันไปเรื่อย จนเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ก็มีเสียงเอะอะโวยวายเกิดขึ้น และค่ำคืนแห่งแสงสีเสียงได้จบลง เมื่อมีกลุ่มนักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาท ทำให้นักท่องราตรีต่างกรูออกนอกร้าน หนีเอาชีวิตรอดเพราะเหตุเริ่มกระจายเป็นวงกว้าง ต่างฝ่ายต่างมีอาวุธครบมือ ห้ำหั่นเข้าใส่กันอย่างชลมุน “ห่า! ตีกันเฉยเลย” ไทป์ยกร่างพริตตี้ออกจากตัก ลุกยืนเพื่อดูสถานการณ์ จากนั้นก็พยักพเยิดหน้าให้สาวสวยทั้งสองหลบไปด้านหลังคลับ เพราะเหตุทะเลาะเริ่มลุกลามใหญ่โต เสียงเพลงเงียบลง เหลือเพียงเสียงทะเลาะวิวาทขว้างปาข้าวของดังไปทั่วบริเวณ โครม! เพล้ง ! ผัวะ ! “เพชรกลับก่อนดีกว่า น่าว่าจะตีกันยาว” “แล้วพี่ไทป์ล่ะครับ” เพชรถามอย่างลังเล “พี่จะอยู่ดูสถานการณ์เผื่อมีคนรู้จัก คงเป็นนักศึกษามหาลัยเรามีเรื่องกับมหาลัยอื่น” “งั้นผมกลับก่อนก็ได้ ขอบคุณอีกครั้งที่พามาเลี้ยงนะครับ” “ไว้คราวหน้าจะพามาใหม่” เพชรเดินเลี่ยงออกไปด้านหลังตามคำแนะนำของไทป์ ส่วนคนที่ยืนเท้าสะเอวมองกลุ่มคนที่ซัดกันอย่างเมามันก็ได้แต่ส่ายหน้า จากนั้นเดินไปโซนของผู้บริหาร จัดการโทรแจ้งเจ้าหน้าที่มาระงับเหตุ คลับแห่งนี้เป็นของครอบครัว ซึ่งมีพี่ชายของไทป์เป็นผู้บริหาร แต่ช่วงนี้เขาต้องดูแลแทน เพราะทาวน์ไปต่างจังหวัดเพื่อดูที่ดินสำหรับเปิดคลับแห่งใหม่ ว่าด้วยเรื่องธุรกิจที่บ้าน ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจสีเทา ไม่ว่าจะเป็นคลับ อาบอบนวด แม้กระทั่งคาราโอเกะขนาดเล็กขนาดใหญ่ ก็ล้วนเป็นมรดกตกทอดจากพ่อมาสู่พี่ชาย ส่วนเขาถึงชอบเที่ยวชอบดื่ม และปี้หญิงเป็นชีวิตจิตใจ ไม่เคยคิดสานต่อสิ่งเหล่านี้แต่อย่างใด ที่เลือกเรียนเภสัชศาสตร์ เพราะอยากทำตามคำขอของแม่ ที่อยากให้เขาดำเนินชีวิตแบบขาวสะอาด และเมื่อแม่เสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุเมื่อห้าปีก่อน ไทป์ได้ตกลงกับพ่อและพี่ชายที่อายุห่างกันถึงหกปี ขอแยกออกมาใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง ซึ่งไม่มีใครขัดข้อง ซ้ำยังสนับสนุน เพื่อให้คำขอของแม่เป็นจริง ส่วนพ่อของเขา หลังจากแม่เสียชีวิตได้เพียงหนึ่งปี ท่านก็ไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ เพื่อหลบเลี่ยงบรรยากาศเดิม ๆ ที่เคยมีแม่อยู่ จะกลับมาเฉพาะวันสำคัญเท่านั้น ไทป์จึงมีอิสรเสรีในการใช้ชีวิตเต็มที่ เงินมีใช้ไม่ขาดมือ ส่วนใหญ่ก็มาจากมรดกของแม่ ที่ไม่รู้ว่าชาตินี้จะใช้หมดหรือเปล่า เรียกได้ว่าเกิดมาบนกองเงินกองทองโดยแท้จริง “น่ากลัวจัง ทำไงดีมีคนวิ่งมาทางนี้ด้วย ว๊าย!!” โครม! หญิงสาวที่กำลังล้างจานอย่างขมักเขม่น ต้องชะงักมือพึมพำกับตัวเอง และก็เบิกตากว้างตกใจสุดขีด เมื่อมีเก้าอี้ลอยมาตกอยู่ตรงหน้า ขณะเดียวกันชายรูปร่างสูงใหญ่มือเปื้อนเลือด ก็วิ่งตรงมายังบริเวณด้านหลังของคลับที่เธอยืนอยู่ “หลบไป!” ตุบ! “อื้อ เจ็บ” ร่างอรชนเซถลาเมื่อถูกชนเต็มแรง จากคนที่วิ่งหายไปกับความมืด อ้ายยกแขนที่มีรอยถลอกเก่าขึ้นดูแล้วนิ่วหน้ารู้สึกแสบ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร กลุ่มคนนับสิบก็วิ่งกรูเข้ามา “มันไปไหนแล้ววะ” “เห็นวิ่งมาทางนี้นี่นา” อ้ายก้มหน้าไม่กล้าขยับตัว เมื่อชายฉกรรจ์นับสิบพร้อมอาวุธครบมือ ยืนตะโกนโหวกเหวกเสียงดัง เมื่อหาคู่อริไม่เจอ ต้องหน้าซีดเหงื่อซึมตามขมับเมื่อหนึ่งในนั้นเดินตรงมาหาเธอ “เห็นนักศึกษามหาลัยซีวิ่งมาทางนี้ป่ะ” “เอ่อคือ มะ..ไม่เห็นค่ะ ไม่เห็น” อ้ายส่ายหน้าปฏิเสธทั้งที่ยังก้มหน้าไม่กล้ามองคู่สนทนาที่หรี่ตามองเธออย่างจับผิด “จะไม่เห็นได้ไงก็มันวิ่งมาทางนี้ แต่เอ๊ะ..นี่เธออยู่มหาลัยซีเหมือนกันนี่หว่า” ชายหนุ่มมองเครื่องแบบนักศึกษาของอ้ายผ่านผ้ากันเปื้อน และก็ต้องชักสีหน้า เมื่อเห็นเข็มกลัดประจำมหาวิทยาลัย จากนั้นก็ขยับเข้าใกล้หญิงสาวที่เริ่มตัวสั่นด้วยใบหน้าไม่พอใจ เพราะคิดเธอให้ความช่วยเหลือ นักศึกษาสถาบันเดียวกัน “บอกมาว่ามันไปทางไหน!” เสียงตะคอกทำให้อ้ายสะดุ้ง เงยหน้ามองนักศึกษาต่างมหาวิทยาลัยอย่างตื่นตระหนก “คือว่า คือ..” “บอกมาดิวะ อีแว่น!” “ปะ..ไปทาง..” ยังพูดไม่ทันจบประโยค หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ก็ตะโกนแทรกขึ้นมา “ลากคอมันมานี่ดิ” “มะ..ไม่นะ ปล่อย!” อ้ายสะบัดแขนสุดแรงให้หลุดจากการเกาะกุม แต่แรงผู้หญิงหรือจะสู้แรงผู้ชายที่ฉุดกระชากลากดึงร่างบาง ไปยังกลุ่มเพื่อนที่ยืนถืออาวุธครบมือ “อึก..อย่าทำอะไรหนูเลย หนูแค่มาทำงานพิเศษเท่านั้น” อ้ายบอกเสียงสั่น ขณะกำลังยืนประจันหน้ากับผู้ชายนับสิบ ที่มองมาด้วยสายตาเกรี้ยวกราด ไม่คิดว่าการมาทำงานพิเศษกับคนแถวบ้านครั้งแรกจะเจอดีเข้าให้ แบบนี้แม่ถึงห้าม แต่เพราะค่าจ้างสูงอ้ายจึงตกปากรับคำ โดยไม่ทันคิดให้ดีเสียก่อน คลับคือพื้นที่ล่อแหลมและอันตรายสำหรับผู้หญิง “เมื่อกี้บอกไม่เห็น มึงเป็นพวกเดียวกันใช่มั้ย” “ไม่ใช่นะคะ คือ..” อ้ายเสียงสั่นลนลานจนทำอะไรไม่ถูก เดชะบุญเหมือนสวรรค์มาโปรด เสียงตะโกนดังลั่นมาจากข้างในคลับ เปรียบเสมือนระฆังช่วยชีวิต “เชี่ย! ตำรวจมา!” “ตายห่า!” สิ้นเสียงพูด ทั้งหมดก็มองหน้ากัน จากนั้นก็วิ่งหนีหายไปคนละทิศละทาง เหลือเพียงหญิงสาวที่ยืนทำตาโตตกใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เพียงไม่นานอ้ายก็ตั้งสติ รีบถอดผ้ากันเปื้อนเดินเข้าไปในส่วนห้องแต่งตัวพนักงาน หยิบกระเป๋าสะพายและหนังสือมาถือ ก่อนเดินจ้ำอ้าวออกมาโดยไม่บอกใคร ต้องเอาตัวเองจากออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ..มันอันตรายเกินไปสำหรับผู้หญิงหน้าตาดีเช่นเธอ.. ตุบ! “โอ๊ะ! ว๊าย..!” หญิงสาวร้องสุดเสียงเมื่อจู่ ๆ ก็ชนเข้ากับอะไรบางอย่าง ทำให้เสียหลักล้มกระแทกพื้นเต็มแรง หนังสือและกระเป๋าในมือกระเด็นเกลื่อนกลาดไปตามพื้นลานจอดรถ และเมื่อเงยหน้าขึ้น ก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาของคนที่คร่อมร่างอยู่เต็มตา “ทำไมไม่หลบคนยิ่งรีบ ๆ” เขาพูดอย่างหัวเสียขณะสบตากับเธอ ร่างสูงใหญ่ยังคงคร่อมอยู่บนตัวของคนที่นั่งนิ่งไม่ไหวติง เพราะกำลังตกอยู่ในภวังค์และคิดว่ากำลังฝัน ..เป็นไปไม่ได้ ที่เธอจะเดินชนคนคนเดียวถึงสองครั้ง ในเวลาห่างกันไม่กี่ชั่วโมง นี่มันพรหมลิขิตชัด ๆ ใครว่าไม่ใช่อ้ายขอเถียง!.. “ขะ..ขอโทษค่ะ” “.........” ไทป์ไม่ตอบรับหรือแสดงท่าทีใดๆ รีบดีดตัวขึ้นตั้งท่าลุกยืน แต่อีกคนกลับถลาตาม ทำให้เขาต้องก้มมองจุดที่ทำให้แยกจากกันไม่ได้ จังหวะหนังรักอะไรอี๊กก! นาฬิกาข้อมือของเขา เกี่ยวกับกระดุมเสือเม็ดที่สองของเธอ และที่คิดว่าเป็นจังหวะหนังรักก็คือ ยัยแว่นหน้ามันเยิ้มคนนี้ เป็นคนที่เดินชนเขาเมื่อตอนเช้านั่นเอง โลกกลมไปไหม? “เอ่อคือ..มันติดกัน” “ใช่ไง..” “อ้ายแกะให้นะคะ” มืออันสั่นเทายกจับข้อมือใหญ่ ด้วยความประหม่า เพราะหลังมือของเขาเบียดชิดกับหน้าอกของเธอ ที่กระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหายใจ แต่ไม่ว่าจะพยายามแกะแค่ไหน ส่วนนั้นก็ไม่ยอมหลุด จนในที่สุดอ้ายก็เงยหน้าขอความช่วยเหลือจากคนหน้าบึ้ง ที่ก้มมองเธอในระยะใกล้ “มันไม่ออก ทำไงดี” “ก็แกะกระดุมเสื้อสิ! ชักช้า!” เจ้าของแววตาฉุนเฉียวพูดอย่างหงุดหงิด ก่อนใช้มืออีกข้างแกะกระดุมเสื้อนักศึกษาของอ้ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่อีกคนกลับทำตาโตตกใจสุดขีด เพราะหากกระดุมหลุด เขาคงเห็นเนินอกที่ล้นขอบบราเซียร์เกือบทั้งเต้า ซึ่งอ้ายคิดว่าทรวงอกขนาดใหญ่ของตัวเอง คือปมด้อยที่เธอไม่เคยชอบ และไม่อยากให้ใครเห็น “ไม่ได้นะ!” “อะไรของเธอวะ!” ไทป์ดึงมือออกเต็มแรง ทำให้อ้ายเซถลาเข้าหาอกกว้างด้วยแรงกระชากจากคนตัวโต ที่พยายามให้ตัวเองหลุดออกจากพันธนาการ “พี่อย่าดึงสิคะ เสื้ออ้ายจะขาด” “ไม่ดึงแล้วมันจะออกเหรอ..มานี่!” ชายหนุ่มใช้มืออีกข้าง จับไหล่ของอ้ายเอาไว้ ก่อนกระชากข้อมือที่ติดอยู่กับกระดุมสุดแรง ส่งผลให้เสื้อนักศึกษาส่วนหน้าฉีกขาดติดไปด้วย แคว่ก ! “ว๊าย! ทำไมทำแบบนี้!” “เฮ้ย!” ไม่ใช่แค่คนเสื้อขาดที่ตกใจ คนต้นเหตุก็ตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นเต็มตาอย่างไม่คาดคิด ชายหนุ่มยืนนิ่งจินตนาการไปไกล เพียงแค่เห็นเนินอกขาวเนียนโผล่พ้นบราเซียร์ลูกไม้สีขาว ..บัดซบมากครับ นมอย่างใหญ่!.. “บอกแล้วว่าเสื้อจะขาด ทำไมไม่ฟังบ้างคะ” อ้ายรีบยกมือกอดประคองหน้าอก รีบหันหลังให้คนที่ยืนอ้าปากค้างทันที ใบหน้าแดงลามไปถึงใบหู หัวใจเต้นกระหน่ำแทบระเบิด เมื่อก้มมองร่องอกอวบใหญ่ที่มือก็ปิดไม่มิด กวาดสายตามองไปรอบตัวอย่างหวาดระแวง ยังดีที่ตรงนี้มีแค่เขาและเธอ ไม่งั้นคงได้อับอายขายขี้หน้ามากกว่านี้ “อึก..” เสียงกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ดังขึ้น เมื่อคนหื่นกามระดับเทพเช่นไทป์ เจอของชอบเข้าอย่างจัง แม้เพียงเสี้ยววินาทีที่ได้เห็น ผู้เชี่ยวชาญด้านนมอย่างเขาก็คาดคะเนได้ว่ามันสวยแค่ไหน หน้าโคตรไม่ได้ แต่นมแม่ง!โคตรใช่ “จะกลับบ้านยังไง เสื้อขาดแบบนี้” เสียงบ่นของอีกคนทำให้ไทป์สะบัดศีรษะแล้วจิ๊ปาก มองแผ่นหลังบอบบางอย่างคิดหนัก จะถอดเสื้อคลุมตัวที่ใส่อยู่ให้ก็เสียดาย เพราะราคาหลายตังค์และมีคนซื้อให้ อีกอย่างหน้าตาของเจ้าหล่อน ก็ไม่เอื้อให้เขาอยากแสดงความเป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย ถ้าสวยกว่านี้หน่อยกูจะไม่ลังเล ให้ตายสิพับผ่า! “ขอยืมเสื้อพี่ใส่คลุมกลับบ้านก่อนได้มั้ยคะ” ในที่สุดอ้ายก็เอี้ยวตัวกลับมาขออย่างไม่มีทางเลือก ต้องรีบหาอะไรมาปิดหน้าอกจากสายตาผู้คน ที่เริ่มทยอยมายังลานจอดรถ หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าเคลียร์พื้นที่ “เฮ้อ..” ไทป์เหลือบตามองบนพ่นลมหายใจออกทางจมูก โดยที่คนยืนหันหลังไม่เห็นสีหน้าเบื่อหน่ายของเขา “อ้ายขอยืมหน่อยนะคะ เสื้อขาดแบบนี้คงกลับบ้านไม่ได้” “ครับ..พี่ก็กะว่าจะให้น้องยืมอยู่เหมือนกัน” เวรของกรรม กรรมของเวร อะไรของกูวะเนี่ย ไทป์บ่นในใจ ก่อนดึงเศษผ้าที่ติดอยู่กับนาฬิกาข้อมือออก จากนั้นก็ถอดเสื้อเดินตรงไปยังร่างที่ยืนหันหลังใช้ฝ่ามือปิดหน้าอก เขาค่อย ๆ คลุมเสื้อลงบนบ่าของเธออย่างเบามือ เอาวะ.. เล่นบทพระเอกให้มันสุด จะได้กลับบ้านนอนเสียที นมใหญ่ก็ช่างแม่งเถอะ กูไม่สนแล้วนาทีนี้ หน้าไม่สวยก็ถือว่าไม่ผ่าน เป็นอันจบ! “ขอบคุณค่ะ แล้วพี่จะให้อ้ายคืนวันไหนคะ” ที่ถามเพราะรู้ว่าเสื้อของเขาราคาหลายบาท “เอาที่สะดวก พี่ยังไงก็ได้” “ไว้อ้ายซักแล้วจะเอาไปคืนที่มหาลัยนะคะ” “อืม” ไทป์ตอบรับในลำคอ อาศัยจังหวะที่หญิงสาวก้มหน้าใส่เสื้อคลุมและติดกระดุมจนมิดลำคอ เดินหายไปยังรถยนต์คันหรูของตัวเอง โดยไม่บอกกล่าว “อ้าว..พี่ไทป์หายไปไหน” อ้ายหันซ้ายหันขวา แต่ไร้วี่แววรุ่นพี่หนุ่มเธอจึงหน้ามุ่ย แต่เมื่อได้กลิ่นหอมจากเสื้อของเขาก็ฉีกยิ้มกว้าง ไทป์ช่างเป็นคนมีน้ำใจ ถึงปากไม่ดีแต่เขาก็ยังเป็นคนที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง เมื่อเช้าก็ช่วยพยุงให้ลุกยืนตอนนี้ก็ให้ยืมเสื้อคลุม โอ๊ย..เป็นสุภาพบุรุษไม่ไหว แบบนี้จะไม่ให้หลงปลื้มได้อย่างไร ว่าแล้วคนมองโลกในแง่ดี ก็ก้มเก็บเศษเสื้อและของที่หล่นบนพื้นมาถือ มองรอบตัวเพื่อเช็กว่ามีอะไรหล่นอีกหรือเปล่า เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อย ก็เดินอย่างรวดเร็วไปรอรถประจำทาง ขณะเดียวกันก็สาบานกับตัวเอง จะไม่ทำงานพิเศษตอนกลางคืนอีกเด็ดขาด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม