“ทำไมเหรอ”
“คุณรักษ์ทำอาหารเป็นด้วยเหรอคะ” เธอมองของตรงหน้าสลับกับใบหน้าของชายหนุ่มด้วยความฉงนปนสงสัยและนึกประหลาดใจอยู่ภายใน
“เรียกว่าระดับเชฟจะดีกว่า”
เขาตอบใบหน้านิ่ง ก่อนจะเดินผ่านหน้าเธอเพื่อไปหยิบผ้ากันเปื้อนที่ถูกพับไว้ในลิ้นชักอย่างเป็นระเบียบขึ้นมาสวมทางศีรษะแล้วผูกไว้รอบเอว ทุกอากัปกิริยาไม่อาจหลุดรอดสายตาของคนที่จับจ้องอยู่ได้เลย กระทั่งเสียงกระแอมดังขึ้นทำให้ดารินทร์ต้องดึงสายตากลับจากสิ่งที่น่าสนใจตรงหน้า เธอรู้สึกเก้อเขินไม่น้อยที่ถูกจับได้ว่ากำลังจ้องมองเขาอย่างเสียมารยาท
“ให้นิ้งช่วยไหมคะ”
“ทำไม ไม่เชื่อใจฉันเหรอ”
“ปะ... เปล่าค่ะ นิ้งแค่จะเป็นลูกมือคุณรักษ์”
“นั่งดูเฉยๆ ก็พอ”
เขาคลี่ยิ้มเล็กน้อย ดารินทร์ใจเต้นแรงเร็ว เธอไม่ได้ตาฝาดไป นี่เป็นรอยยิ้มในไม่กี่ครั้งที่เธอได้เห็น ทรรศภาคย์หันไปล้างผักและล้างเนื้ออย่างคล่องแคล่ว ดารินทร์หย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้บาร์ เฝ้ามองดูรูปร่างใหญ่สมส่วนอย่างไม่วางตา เขาดูดี เท่ สมาร์ทอย่างที่นิตยาสารบันเทิงเคยให้ฉายา ‘หล่อฆ่าไม่ตาย’ สามปีซ้อนจริงๆ อย่างน้อยเธอก็ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของชายหนุ่มที่เพอร์เฟกต์ที่สุด ดารินทร์ก้มมองมือตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วรู้สึกเสียดายวันเวลาที่ช่างเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว หากวันนี้คือวันแรกที่ได้แต่งงานกับเขา เธอจะมีเวลาในการเก็บเกี่ยวภาพประติมากรรมตรงหน้าได้อีกเจ็ดร้อยสามสิบวัน
“นิ้งไม่เคยรู้เลยว่าคุณรักษ์ทำอาหารเป็นด้วย”
“เมื่อก่อนตอนฉันไปเรียนที่ฝรั่งเศส แรกๆ ไปอยู่ก็ไม่ค่อยรู้จักร้านอาหารไทย อีกอย่างร้านมีน้อยมาก ฉันเลยต้องทำเอง เพราะอาหารที่นั่นไม่ค่อยถูกปาก” ถึงว่าสิเขาดูคล่องแคล่วเหมือนคนเข้าครัวอยู่บ่อยๆ ทั้งที่เธอไม่เคยเห็น
“รู้สึกเป็นเกียรติมากเลยค่ะ ที่ได้ทานอาหารฝีมือคุณรักษ์” เขาแค่หันมาสบตากับเธอเล็กน้อย แล้วหันกลับไปสนใจกับของที่อยู่บนเตาต่อ
“เก็บของเสร็จหรือยัง” คำถามออกมาจากเรียกปากสีเข้ม ทำเอาหัวใจของดารินทร์กระตุกแรง
“เสร็จแล้วค่ะ พรุ่งนี้เช้านิ้งจะไปจากที่นี่ค่ะ”
เขาพยักหน้ารับรู้ และไม่คิดจะหันหน้ามาสบตากับเธอ ซึ่งมันก็เป็นผลดีเพราะตอนนี้ดารินทร์รู้สึกกระบอกตาร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีที่ตอบคำถาม ดวงตากลมโตคลอเคล้าไปด้วยหยาดน้ำตาอุ่นๆ หญิงสาวรีบเกลี่ยเช็ดออกไปทันที ก่อนที่มันจะไหลลงมาตอกย้ำความอ่อนแอที่มีอยู่ ดารินทร์มองแผ่นหลังแข็งแรงนั้นด้วยความน้อยใจ ก้อนแข็งๆ แล่นขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ ตีบตันจนพูดอะไรไม่ออก
แม้จะดูเย็นชาไปที่ถามออกไปตรงๆ ทรรศภาคย์ไม่ได้หันกลับมามองคนที่นิ่งเงียบ เพราะรู้ว่าเธอคงเข้าใจผิด แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะแก้ตัวหรืออธิบายเพิ่มว่าที่ถามนั้น ก็แค่จะบอกว่าหากไม่เสร็จก็ไม่ต้องรีบร้อน ทว่าเมื่อคิดได้ว่ายิ่งดารินทร์ออกห่างจากตัวเขาเร็วเท่าไหร่ ยิ่งจะพบเจอความสุขมากกว่า เขาก็ไม่ควรรั้งเธอไว้
“น่าทานจังเลยค่ะ”
หญิงสาวรับหน้าที่จัดโต๊ะอาหาร เธอยืนมองมื้อดินเนอร์ด้วยแววตาชื่นชม ทรรศภาคย์คือผู้ชายที่สมบูรณ์แบบจริงๆ
“น่าทานก็ทานเยอะๆ เหมือนเธอจะซูบผอมไปหรือเปล่า”
ไม่ใช่เขาไม่ได้สังเกต หลังจากบิดาของหญิงสาวเสียชีวิต เธอก็ดูจะซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ก็ได้แต่หวังว่าเธอจะกลับมาสดใส และเป็นดารินทร์... หญิงสาวที่ไม่ต้องแบกรับเอาปัญหาของคนอื่นมาไว้บนบ่า
“อร่อยมากเลยค่ะ”
เธอตัดชิ้นเนื้อไก่แต่พอคำจิ้มด้วยซอสบาร์บีคิวและตามด้วยสลัดผัก น่าแปลกที่เขากลับไม่รู้สึกหิวสักนิด ชายหนุ่มเลือกที่จะทำสเต็กไก่ให้เธอ เพราะรู้มาว่าดารินทร์ชอบสเต็กไก่มาก และทำสเต็กปลาให้ตัวเอง เขาได้แต่เขี่ยชิ้นปลาในจานไปมา โดยมองหญิงสาวตรงหน้าทานอย่างเอร็ดอร่อยแทน
“คุณรักษ์ไม่ทานเหรอคะ” เห็นในจานของเขาไม่พร่องสักนิด คิ้วเรียวสวยพาดผ่านดวงตากลมโตถึงกับเลิกขึ้นสูง
“ดูเธอกินน่าอร่อยจนฉันรู้สึกอิ่มตามไปด้วย”
“ก็อร่อยจริงๆ นี่คะ” หญิงสาวฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะตักอีกชิ้นเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
“เรื่องเมื่อคืน... ฉันขอโทษนะ”
มือบางที่กำลังง่วนอยู่กับจานสลัดผักถึงกับหยุดชะงัก เธอกระพริบตาไล่ความอ่อนแอของตัวเอง นึกถึงเรื่องเมื่อคืนทีไรเป็นต้องหาน้ำแข็งประคบดวงตาทุกที ทั้งน้อยใจทั้งเสียใจประดังประเดเข้ามาวุ่นวายกับความรู้สึกของเธอจนไม่อาจจัดการกับมันได้
“ไม่เป็นไรค่ะ นิ้งเข้าใจ”
แม้จะฝืนยิ้มให้เขา แต่น้ำเสียงสั่นเกินจะควบคุม ดวงตาคมไล่สำรวจใบหน้าเกลี้ยงเกลาอย่างพิจารณา ดารินทร์เป็นผู้หญิงที่มีใบหน้ารูปไข่ คิ้วเรียวที่พาดผ่านเหนือดวงตากลมโตช่างเหมาะเจาะลงตัว ไหนจะจมูกโด่งเป็นสันรับกับกลีบปากอิ่มสีระเรื่อ ที่ขยันยิ้มไม่ว่าจะต้องเผชิญกับเรื่องร้ายเพียงใดก็ตาม เขาเห็นน้ำตาของเธอเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ก็คือวันที่รู้ว่าได้สูญเสียผู้ให้กำเนิดไป จากนั้นแม้จะต้องเผชิญกับคำพูดที่เปรียบเสมือนอาวุธร้าย ไม่ว่าจะจากมารดาของเขาหรือมารดาเลี้ยงของเธอ ดารินทร์ก็จะแค่ยิ้มรับมันไว้เท่านั้น หลังๆ มานี้นอกจากสายตาของเขาแล้ว ก็ยังมีธีธัชคอยรายงานเป็นระลอก ทำให้เขาได้รู้การเคลื่อนไหวของเธอมากขึ้น