หญิงสาวแทบอยากจะมุดพื้นห้องหนีไปให้ไกลสุดขอบโลกตอนนี้เลย แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ทันแล้วเมื่อเขาเดินผ่านเธอไปและไม่ได้มีท่าทีผิดสังเกตใดๆ ทั้งสิ้น แม้เขาจะสบตากับเธอครู่หนึ่ง
หรือว่า...เขาจะจำเธอไม่ได้?
สาธุ ขอให้เป็นอย่างนั้นทีเถอะ ไม่อย่างนั้นเธอคงจะต้องไปเขียนใบลาออกแทนการเลื่อนตำแหน่งอย่างแน่นอน
“ช้าง พูดอะไรกับทุกคนหน่อยสิจ๊ะ” ท่านประธานส่งยิ้มอ่อนโยนให้บุตรชายคนเดียวที่ท่านแสนจะภาคภูมิใจ
“ครับแม่”
คเชนทร์ หรือ ช้าง ส่งยิ้มบางให้มารดา ก่อนจะกวาดสายตามองทุกคนแล้วเอ่ยขึ้น
“สวัสดีทุกคนอย่างเป็นทางการครับ หลายท่านในที่นี้อาจจะเคยได้เห็นหรือรู้จักผมบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีหลายท่านที่ยังไม่เคยรู้จักและไม่เคยเจอกันมาก่อน ก็ถือว่าเรามาเริ่มรู้จักกันตั้งแต่วันนี้ไปนะครับ ผมชื่อคเชนทร์ จะเรียกว่าคุณช้างหรือท่านรองฯ ก็ได้ นับจากวันนี้ไปผมจะเข้ามาช่วยคุณแม่ดูแลงานที่บริษัทแบบเต็มตัว หลังจากที่ผมได้ไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ ที่บอสตันอยู่นานหลายปี คิดว่าความรู้ความสามารถของผมคงจะช่วยพัฒนาบริษัทของเราให้ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน และหลังจากนี้อาจจะมีนโยบายใหม่ๆ อีกหลายอย่างที่เพิ่มเติมเข้ามาซึ่งผมจะนำเสนอต่อที่ประชุมในภายหลัง ขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ ขยันและตั้งใจทำงานอย่างที่เคยทำมานะครับเพื่อบริษัทของเราทุกคน ขอบคุณครับ”
จบสุนทรพจน์ของรองประธานคนใหม่ เสียงปรบมือก็ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มการประชุมเกี่ยวกับการแบ่งหน้าที่และขอบเขตการรับผิดชอบของแต่ละคนซึ่งมีทั้งการเพิ่มและลดทอนอำนาจในการบริหารของบางคนลงไปบ้าง แต่ก็เพื่อความเหมาะสมในการบริหารงานซึ่งทุกคนก็ยอมรับได้และเข้าใจเป็นอย่างดี
หลังจบการประชุมในช่วงเช้า พลอยชนันท์กับทศพลก็เดินตามเจ้านายของพวกเขาไปที่ห้องทำงานของรองประธานบริษัท เพื่อรับทราบภาระงานของแต่ละคน ซึ่งตลอดเวลาที่คุยงานกัน คเชนทร์ก็ดูจะไม่ได้สนใจเธอเป็นพิเศษ ราวกับว่าเขาจำเธอไม่ได้จริงๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้พลอยชนันท์สบายใจที่จะทำงานร่วมกับเขามากขึ้น และคิดว่าเหตุผลที่เขาจำเธอไม่ได้ คงเป็นเพราะวันนี้เธอสวมแว่น แต่งหน้าเพียงเบาบาง ไม่ได้แต่งหน้าแบบจัดเต็มและสวมคอนแทคเลนส์เหมือนวันนั้น
อีกเรื่องที่สำคัญก็คือ...เขาไม่เคยรู้จักชื่อของเธอ
“เดี๋ยวทศไปจัดการตามที่ฉันบอกได้เลยนะ”
“ครับคุณช้าง” ทศพลก้มศีรษะให้เจ้านายเล็กน้อยก่อนจะก้าวออกไปอย่างรู้หน้าที่
“คุณพลอยเข้าใจหน้าที่ของตัวเองดีแล้วใช่มั้ยครับ” คเชนทร์หันมาถามเลขาฯ อีกคนหลังจากคุยงานเรียบร้อย
“ค่ะท่านรองฯ พลอยเข้าใจแล้วค่ะ”
“เรียกผมว่าคุณช้างเหมือนนายทศดีกว่าครับ คำว่าท่านรองฯ ให้คนที่ไม่สนิทกันเรียกน่าจะเหมาะสมกว่า” พลอยชนันท์นิ่งไปครู่หนึ่ง เพราะไม่แน่ใจว่าเขากับเธอไปสนิทกันตั้งแต่ตอนไหน แต่ในเมื่อเขาต้องการแบบนั้นเธอจะตอบอะไรได้อีกนอกจาก...
“ค่ะคุณช้าง”
“ดีครับ งั้นรบกวนชงกาแฟให้ผมสักแก้วนะ กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลและครีม”
“แต่นี่จะเที่ยงแล้วนะคะ”
“ทำไมครับ? คุณจะไปกินข้าวแล้วเลยชงกาแฟให้ผมไม่ได้เหรอ” คิ้วเข้มขมวดกันอย่างสงสัย
“เปล่าค่ะ แต่พลอยคิดว่าคุณช้างน่าจะไปกินมื้อเที่ยงก่อนดีมั้ยคะ แล้วตอนบ่ายพลอยจะชงกาแฟให้ค่ะ” เธอรีบแก้ไขความเข้าใจผิดนั้น
“อ้อ แล้วปกติคุณไปกินข้าวที่ไหนเหรอ”
“พลอยเหรอคะ?”
“ครับ ก็คุณนั่นแหละ”
“ปกติแล้วพลอยทำข้าวกล่องมากินที่บริษัทค่ะ เพราะขี้เกียจออกไปกินข้างนอก กินเสร็จก็จะได้ทำงานต่อได้เลยค่ะ”
“ขยันดีนะครับ งั้นพรุ่งนี้ทำมาเผื่อผมด้วยได้รึเปล่า ผมก็ไม่อยากออกไปกินข้างนอกเหมือนกัน กรุงเทพฯ นี่รถติดจนน่ารำคาญจริงๆ”
“ให้พลอย...ทำอาหารเที่ยงมาให้คุณช้างเหรอคะ?”
“ใช่ครับ ถือว่าผมผูกปิ่นโตคุณก็แล้วกันนะ จะให้จ่ายเดือนเท่าไหร่ก็ว่ามาได้เลย” เขามองสบตาเธอนิ่ง แววตาที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าเขาจำเธอได้ แต่ไม่นานมันก็เหลือเพียงความว่างเปล่า
บางที...เธอคงจะคิดมากไปเอง ผู้ชายที่เติบโตมาในต่างประเทศอย่างเขาคงจะมีวันไนต์สแตนด์กับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า เขาคงจะจดจำเธอไม่ได้อยู่แล้ว
ว่าแต่...ทำไมเธอต้องรู้สึกเศร้าแปลกๆ เมื่อคิดว่าเขาจำเธอไม่ได้ด้วยนะ
“ได้รึเปล่าครับ” เขาถามย้ำเมื่อเธอยังไม่ตอบเขาเสียที
“เอ่อ...ดะ...ได้ค่ะ แต่พลอยจะทำมาให้คุณช้างลองชิมดูก่อนนะคะ เผื่อรสชาติไม่ถูกปาก พลอยจะได้สั่งที่ร้านอาหารมาให้คุณแทน”
“ไม่ครับ ผมมั่นใจมากว่า...ผมจะต้องชอบรสชาติของคุณแน่นอน”
“คะ?”
“เอาเป็นว่าผมจะจ่ายให้คุณเดือนละหนึ่งหมื่นห้าพันบาทสำหรับค่าอาหารเที่ยงของสัปดาห์ละหกมื้อ เดือนนึงก็ตกประมาณยี่สิบสี่มื้อ เว้นแต่ผมจำเป็นต้องออกไปกินข้างนอกในบางวันตามนี้นะครับ”
“แค่ยี่สิบสี่มื้อ คุณจะจ่ายตั้งหมื่นห้า มันมากเกินไปนะคะ”
“ไม่มีอะไรที่มากเกินไปถ้าหากว่าผมยินดีที่จะจ่ายครับ อีกอย่างถ้าคุณอยากให้ผมลองชิมก่อน งั้นเที่ยงนี้ก็เข้ามากินด้วยกันในห้องนี้สิครับ ผมจะได้ชิมดูหน่อย แต่ถ้าคุณกลัวจะกินไม่อิ่มก็สั่งอาหารมาเพิ่มด้วยก็ได้”