เสียงรอสายไม่นานก็มีเสียงของเขาดังขึ้น
“ผิงอยู่ไหน” เสียงกระหืดกระหอบบอกให้คนปลายสายรู้ว่าเขากำลังวิ่งอยู่ เธอจึงตอบเขาไปแต่ไม่ได้บอกว่าอยู่ไหน
“ยินดีด้วยนะคะ คุณชนะแล้ว”
กวินภพฟังคำยินดีที่รู้สึกแปลก ๆ มันเหมือนไม่ได้ยินดีและเริ่มรู้สึกมีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีชอบกล
“ก็แค่ลงเล่นขำ ๆ ลูกอยู่ไหนล่ะ” เขายังถามหน้าชื่นตาบาน ไม่รู้เลยว่าตอนนี้กำลังถูกทิ้งให้อยู่ลำพัง
เธอไม่ตอบคำถามแต่เลือกจะพูดให้ถูกว่าลูกของเขาอยู่ไหน
“ไม่ใช่เชอร์รีลเหรอลูกคุณ พี่กล้ากับน้องแก้วลูกของฉัน ยินดีด้วยนะคะ ฉันกับลูกหลีกทางให้ พร้อมเมื่อไหร่แล้วฉันจะติดต่อไปเรื่องหย่าให้มันจบ”
“ผิง...พูดอะไรรู้ตัวไหม...อยู่ไหนจะไปหา”
เสียงสัญญาณโทรศัพท์ตัดสายไป พร้อมกับมือถือเครื่องของลูกชายลูกสาวก็ปิดไปเช่นกัน เธอหยิบเครื่องมือสื่อสารอันใหม่ขึ้น แล้วโทรหาใครบางคนก่อนออกรถไป
กวินภพร้อนใจที่ภรรยาพูดอย่างนั้น เขาขึ้นรถแล้วขับกลับบ้านทันที วันนี้เขาว่างแล้วถึงปีใหม่ เพราะเร่งสะสางงานจะได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวในช่วงวันหยุดปีใหม่ แต่ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย
ร่างของคนเป็นสามีวิ่งเข้าบ้าน แต่ไม่เห็นกระทั่งรถของภรรยา เขายิ่งร้อนใจเพราะติดต่อไม่ได้ ร่างกายกำยำวิ่งขึ้นไปบนบ้าน เปิดตู้เสื้อผ้าของตัวเอง พบเพียงเสื้อผ้าของเขาเท่านั้นที่เหลืออยู่ เสื้อผ้าของภรรยาหายไปจนหมด ความกลัวบางสิ่งเริ่มผุดขึ้น
เขาวิ่งไปที่ห้องลูกที่เหลือเพียงห้องเปล่า ของเล่นเสื้อผ้าโต๊ะเขียนหนังสือ เครื่องเรียนต่าง ๆ ไม่เหลือเลยสักชิ้น
“ผิง! พี่กล้า น้องแก้ว” เสียงครางอย่างรู้สึกหมดหวังนี่ลูกกับเมียหนีเขาไปแล้วเหรอ
เขาพยายามติดต่อ แต่ไม่สามารถติดต่อทั้งสามคนได้เลย รู้สึกเหมือนใจจะขาดชอบกล เขาไม่เคยกลัวขนาดนี้มาก่อนเลย ปกติกลับมาเมื่อไหร่ก็เจอลูกกับเมีย แต่วันนี้กลับมาไม่มีทั้งสามคนอยู่แล้ว เขาจะอยู่ได้ยังไง
สองมือเขายีหัวจนยุ่ง พยายามคิดว่าตัวเองผิดพลาดตรงไหน ถึงทำให้ทั้งสามคนไม่อยู่ด้วย ฉับพลันคิดถึงเดชดนัยเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขากับผิง และไม่รอช้าที่จะติดต่อหามัน
เดชดนัยประชุมอยู่จึงไม่รับสาย แต่กวินภพก็ยังโทรมาอยู่ไม่หยุด เขาจึงต้องพักเบรกประชุมสักครู่ แล้วออกไปโทรหามัน
“ว่าไงมีอะไรกูประชุมอยู่” เดชดนัยอยากรู้ว่ามีอะไรนักหนา ปกติไม่ค่อยจะโทรหา แต่วันนี้แปลกที่โทรมา เขาก็ต้องเตรียมรับมือกับช่วงอุบัติเหตุปีใหม่เหมือนกัน จึงต้องประชุมเรื่องหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน
“ผิงอยู่กับมึงไหม” เสียงร้อนใจเปล่งออกมา ทำให้คนปลายสายรู้ว่าผิงคงไปจากมันวันนี้แล้วสินะ
“เมียมึงนะครับ มึงไม่รู้แล้วใครจะรู้” เขายังกวนตีนมันและไม่มีทางบอกเด็ดขาดว่าผิงกับลูกไปอยู่ที่ไหน
“ดนัยขอร้อง...กูขาดเขาไม่ได้”
“ไม่รู้โว้ยยย...”
“มึงจะไม่รู้ได้ยังไงมึงเป็นเพื่อนสนิทผิงนะ ผิงมีอะไรก็ต้องเล่าให้มึงฟังสิ”
เดชดนัยสาบานได้ว่าหากอยู่ใกล้เขาจะให้มันกินกำปั้นสักหมัดสองหมัด พูดมาได้ว่าเพื่อนสนิทต้องเล่าให้ฟังมันควรต้องรับรู้ปัญหาของผิงก่อนไหม ก่อนที่จะมาถามเพื่อนอย่างเขา
“แต่มึงเป็นผัวผิงนะครับเผื่อลืม กูแค่เพื่อน หรือที่จริงมึงไม่คิดว่าเขาเป็นเมียตั้งนานแล้ว”เขาตั้งใจพูดกระแทกกระทั้นใส่มัน ให้รู้ว่ามันควรจะรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับเมียตัวเอง ไม่ใช่รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับเมียคนอื่น
“มึงอย่ากวนตีนกูร้อนใจ พี่กล้ากับน้องแก้วอีกไปกันหมดเลยแล้วไปอยู่ไหน อยู่กันยังไงกูเป็นห่วงนะ”
“แล้วมึงทำอะไรอีกล่ะวันนี้” เขาดูไลน์ผู้ปกครองวันนี้ที่แอบเมาท์กันเรื่องคุณพ่อของเชอร์รีล แล้วเขาก็แปลกใจจึงกดเข้าไป พอเห็นว่ามันกล้าเป็นผู้ปกครองให้กับลูกของกิ่งเท่านั้นแหละ เขาก็อยากต่อยหน้ามัน
“กูก็ไปเซอร์ไพรส์เมียกับลูกไง ไปแข่งกับลูกกิ่งกูอุตส่าห์ทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อจะได้หยุดอยู่กับลูก แต่นี่อะไรหอบผ้าหอบผ่อนหนีไปกันหมด” เสียงตัดพ้ออย่างไม่รู้สึกผิดอะไร ไม่เข้าใจทำไมเมียกับลูกต้องหนีไป
เดชดนัยเข้าใจแล้วว่ามันเกินจะเยียวยา เพราะมันไม่เคยรู้ความผิดของตนเองเลย
“กูสาบานได้ หากกูรู้ว่าผิงอยู่ไหนกูก็จะไม่บอกมึง พ่อเหี้ย ๆ แบบมึงไม่ควรเป็นพ่อคน” เดชดนัยด่าเสร็จแล้วก็วางสายไป ทิ้งให้คนปลายสายมึนงงว่าตัวเองผิดอะไร