“เอาล่ะ วิ่งวิบากครั้งนี้นักกีฬาพร้อมไหม” ครูใบหม่อนประกาศในไมค์ เพื่อให้เหล่านักกีฬาเตรียมตัว โดยมีผู้ปกครองหนึ่งคน คู่กับนักเรียนหนึ่งคน
กล้ากวีกับภริตายืนอยู่ประจำจุดเริ่มต้นริมสุดขวามือ ส่วนกวินภพกับเชอร์รีลอยู่ริมสุดอีกฝั่งเช่นกัน การแข่งจะเป็นการวิ่งวิบาก โดยคนเป็นผู้ปกครองจะเริ่มก่อนที่วิ่งไปกินขนมกับไข่ต้ม เมื่อกินเสร็จแล้ว กล้ากวีจะเป็นคนเป่าหาเหรียญ แล้วก็วิ่งไปเหยียบลูกโป่งให้แตก ส่วนคนเป็นแม่จะจูงมือลูกเข้าเส้นชัยไปคว้าธงมาปัก
เมื่อตกลงกติกาแล้ว นักกีฬาทุกคนที่ลงแข่งประจำที่ แต่สายตากล้ากวีกลับมองไปยังอีกฝั่งที่เป็นพ่อของตัวเอง กำลังยิ้มให้กับเชอร์รีล หัวใจคนเป็นลูกอย่างเขาเจ็บปวดนัก
สีหน้าและสายตาของลูกชายทำให้ภริตาเจ็บปวดใจไม่แพ้กัน ทำไมกวินภพถึงทำแบบนี้กับพวกเรา เขาไม่เคยแคร์ความรู้สึกพวกเราแม่ลูก เธอหันไปมองบนสแตนด์เชียร์เห็นลูกสาวมองไปทางผู้เป็นพ่อเช่นเดียวกัน
‘ต่อให้ไม่แข่งก็แพ้สินะ’
ความรู้สึกแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มมันเป็นอย่างนี้นี่เอง
ปี๊ด!!!
เสียงนกหวีดให้สัญญาณออกตัว ทำให้ภริตามาใช้สมาธิจดจ่ออยู่กับการแข่งขัน เธอวิ่งไปกินไข่ต้มและขนมโดยมีลูกชายเชียร์อยู่ แต่เหมือนเธอจะอิ่มตั้งแต่เมื่อกี้จึงมองหน้าลูกอย่างเสียใจ ที่ไม่อาจจะกินเร็วกว่านี้ได้
“พี่กล้าสู้ ๆ แม่สู้ ๆ” เสียงเชียร์บนสแตนด์ที่มีเพียงเสียงเดียวที่เชียร์เราสองคน ทำให้เธอฮึบขึ้นอีกครั้ง แล้วกินจนหมด และแตะมือลูกชาย แต่ว่าเธอสะดุดขาตัวเองล้ม และนั่งอยู่กลางสนาม โดยช่วงนี้กำลังชุลมุน ไม่ทันได้มีใครเห็น แต่กล้ากวีกับแก้วกัลยาสังเกตเห็น
“แม่ฮะ...”/ “แม่ขา...”
ลูกสาวลูกชายสองเสียงประสานกันทั้งไม่สนใจการแข่ง วิ่งไปดูแม่ของตัวเอง
“อ่าวคุณแม่ผิงล้มลงไปแล้ว คุณครูช่วยปฐมพยาบาลให้ด้วยครับ” เสียงคุณครู่ใหญ่ประกาศทำให้กวินภพหันมอง แต่กลับไม่เห็นภรรยากับลูกทั้งสองคนแล้ว แต่เห็นอีกทีก็ตอนที่นั่งอยู่ข้างสนาม แต่ตัวเองกำลังแข่งขันกับเชอร์รีลอยู่ และถึงช่วงโค้งสุดท้ายพอดี
ภริตาแสยะยิ้มให้ตัวเอง ขนาดเธอเจ็บเขายังคงตั้งใจแข็งขันขนาดนี้ เธอยอมแล้วยอมแพ้ให้กับความพยายามของเขา
“น้องเชอร์รีลกับคุณพ่อเป็นผู้ได้รับชัยชนะครั้งนี้เชิญรับรางวัลด้านนี้ครับ” เสียงประกาศผ่านไมค์โครโฟนบอกสถานะของเขาและเด็กคนนั้นทำให้อีกคนสะอึก
‘คุณพ่องั้นเหรอ!’
ใช่สินะเขาพ่อลูกกัน พวกเราเป็นคนอื่น
เธอดึงลูกชายและลูกสาวเข้ามากอด แล้วก็เดินกะเผลกหลบไปด้านหลัง แล้วหันมายินดีกับชัยชนะของเขากับผู้หญิงคนนั้น เธอไม่สู้อะไรแล้ว เธอยอมแพ้ หรือพูดให้ถูกแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่งจริง ๆ
กวินภพตั้งใจปฏิเสธว่าไม่ใช่พ่อของเชอร์รีล เพียงแต่มาเซอร์ไพรส์ลูกเท่านั้น แต่กลับไม่เห็นสามคนแม่ลูกแม้แต่เงา
“ขอโทษครับ นี่ผมลงแข่งแทนแม่เขาที่ไม่สบายเฉย ๆ ลูกกับภรรยาผมอยู่ทางโน้น...ฮะอ่าวไม่เห็น ผมขอไปตามหาลูกกับเมียก่อนนะครับ” กวินภพวางไมค์ของคุณครูแล้ววิ่งตามหา เพราะไม่รู้ว่าสามคนนั้นหายไปไหน จึงหยิบโทรศัพท์ส่งข้อความ
เธอขึ้นนั่งบนรถได้ยินเสียงเตือนข้อความ จึงหยิบขึ้นมาดู
สามีที่รัก: อยู่ไหนผิงเราตามหาไม่เจอ
เธออ่านแต่ยังไม่ตอบ กำลังคิดหาคำตอบที่ดีที่สุดให้กับเขา
สามีที่รัก: แล้วลูกล่ะ...ดีใจไหมที่ผมมาเซอร์ไพรส์
เธออ่านแต่ยังไม่ตอบเช่นเดิม
กวินภพชักเริ่มหงุดหงิด ทำไมอ่านแล้วไม่ตอบ เขาชักเริ่มร้อนใจเล็กน้อย แต่ก็ข่มใจพิมพ์ต่อไปอีกครั้ง
สามีที่รัก: รับสายหน่อยพิมพ์ไม่ถนัดใช่ไหม
ภริตามองมือถือแล้วเห็นว่าครั้งนี้คงเป็นครั้งแรกสินะ ที่แชทระหว่างเธอกับสามีจะหนักซ้าย เพราะเธอเลิกตาม เลิกตื๊อ เลิกรอแล้ว มันรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก การไม่ต้องรอเขาให้ตอบจนกระวนกระวายใจ การไม่ต้องคาดหวังเรื่องของเขาอีกต่อไป ทำให้เธอเบาใจขนาดนี้เชียว เธอยิ้มให้ตัวเองกับลูกแล้วเอ่ยถามขึ้น
“มีอะไรอยากพูดกับพ่อครั้งสุดท้ายไหมเด็ก ๆ” เธอเห็นลูก ๆ ก้มหน้าแล้วก็เข้าใจทันที จึงโทรหาเขาเป็นครั้งสุดท้าย