ปริญพูดราวกับคนพร่ำเพ้อ ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์คงทำให้เขากลายเป็นคนพร่ำเพ้อหนักกว่าในฝันทุกคืนที่ผ่านมา และยิ่งได้เห็นน้ำหวานที่เอ่อล้นออกมาจากช่องทางรักของพีรดามันก็ยิ่งทำให้เลือดในกายหนุ่มเดือดขึ้นมากกว่าเดิม
CEO หนุ่มไม่สามารถทานทนกับความต้องการของตนเองได้อีกต่อไป เขาจัดการถอดเสื้อผ้าและกางเกงออกจากร่างกายตนเองอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าไม่ต่างจากหญิงสาว เผยแก่นกายใหญ่โตซึ่งกำลังแข็งเครียดเสียจนพีรดามองด้วยความตกตะลึง และนั่นก็ทำให้ปริญรู้สึกเอ็นดูคนตัวเล็กอีกครั้งก่อนจะทิ้งตัวลงไปทาบทับกายสาวด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่าทั้งคู่
“กลัวเหรอ? ไม่เอาน่า อย่ากลัวสิ...มันต้องการเธอนะพาย”
ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ปริญพูดอะไรที่ปกติจะไม่พูดออกไป และยิ่งสมองคอยเตือนเขาตลอดว่า นี่คือความฝัน มันก็ยิ่งทำให้กล้าพูด กล้าทำอะไรมากขึ้นกว่าเดิม
“ตะ แต่ว่า…เราเป็นเพื่อนกันนะ”
เสียงของพีรดาดูมีความตื่นเต้น ลังเล จนคนฟังต้องจูบปลอบประโลมอีกครั้ง จนเธอเริ่มโอนอ่อนและปล่อยให้เขาได้สัมผัสลูบไล้ทั่วร่างกายเพื่อปลุกเร้าไฟสวาทให้กลับมาอีกครั้ง
“เธออยากเป็นเพื่อน แต่ฉันอยากเป็นผัวเธอ ฉันขอนะพาย”
พูดประชิดริมฝีปากสาว และไม่ใช่ประโยคขอร้อง แต่มันเป็นประโยคบอกเล่าต่างหาก เพราะทันทีที่พูดจบ ร่างสูงก็หยัดกายลุกขึ้นพร้อมกับแยกเรียวขางามออกจากกันอีกครั้ง ตอนนี้ ความต้องการของเขา มันไม่สามารถรอได้อีกต่อไป
ปริญค่อยๆ นำส่วนที่ผงาดดีดดันต่อหน้าเธอไปบดเบียดเนินเนื้ออวบอูมของหญิงสาวช้าๆ เพื่อให้เธอเตรียมตัวรับความต้องการของเขา ความต้องการของเขามันพุ่งทะยานถึงขีดสุด และการไปแนบชิดกับเธอแบบนี้ก็ทำให้เขาแทบคลั่ง อยากจะดันแก่นกายของตนเองเข้าสู่ภายในกายสาวทันที
“อ๊า…ปริญ”
พีรดาร้องออกมา เป็นเสียงที่ปริญรับรู้ได้ว่าคนร่างเล็กเองก็อยู่ในความรู้สึกเสียวซ่านไม่ต่างกัน เมื่อเห็นว่าเธอพร้อมดีแล้ว เขาจึงตัดสินใจค่อยๆ ดันแก่นกายของตนเองเข้าไปด้านในกายเธอช้าๆ
“เจ็บ…อ๊ะ ฉันเจ็บ”
พีรดาแย้งด้วยน้ำเสียงกระเส่า แต่ดูเหมือนจะกลายเป็นเสียงที่เร่งเร้าอารมณ์ของคนร่างสูงได้เป็นอย่างดี ทว่า แม้ความต้องการจะทวีคูณมากแค่ไหน ปริญก็ไม่มีทางทำร้ายพีรดาให้ต้องเจ็บปวด ถึงมันจะเป็นในความฝันก็ตาม เขาเองก็ไม่อยากทำเรื่องแย่ๆ กับเธอแม้แต่เรื่องเดียว
“อดทนหน่อยนะพาย อา…”
ปริญตัดสินใจดันแก่นกายแกร่งเข้าไปจนสุดทาง และแน่นอนว่า แม้หญิงสาวใต้ร่างเองจะเจ็บมาก แต่เธอก็สามารถปรับตัวกับความเจ็บปวดนี้ได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อความเจ็บปวดหายไปก็เป็นความเสียวซ่านเข้ามาแทน
คนตัวสูงค่อยๆ โยกกายเข้าออกจากกายสาวเบาสลับหนักเพื่อให้เธอได้ปรับตัวกับร่างกายเขา ก่อนที่จะเพิ่มแรงถี่มากขึ้นเมื่อเห็นว่าพีรดาเองเริ่มปรับตัวได้และแอ่นกายรับสัมผัสอย่างร้อนแรงไม่แพ้กัน
“อ๊ะ…”
หญิงสาวร้องครางออกมาเสียงดัง สลับกับลมหายใจติดขัด บ่งบอกให้รู้ว่า ตอนนี้ เธอมีความสุขและกำลังเสียวซ่านกับการถูกเขาออกแรงกระแทกกระทั้นมากแค่ไหน เสียงร้องครวญครางจึงเป็นน้ำมันชั้นดีให้ไฟในกายหนุ่มลุกโชนและโหมร่างกระแทกกายใส่เธออย่างไม่ยั้งจนเวลานี้สมองของเธอขาวโพลน เหมือนกำลังล่องลอยอยู่ในดินแดนแห่งหนึ่งที่มีเพียงเธอและเขา
“พาย…ฉันไม่ไหวแล้ว” ปริญพูดออกมาด้วยความทรมานในขณะที่ส่วนล่างยังปรนเปรอเธอไม่หยุดหย่อน ความต้องการของเขาใกล้จะระเบิดออกมาเต็มที สะโพกสอบรัวเข้าหากายสาวตามแรงปรารถนา จนในที่สุด มันก็หลั่งล้นออกมา
“อา…”
ปริญรีบถอดถอนกายแกร่งออกมาพร้อมกับปลดปล่อยหยาดหยดแห่งรักของตนเองลงที่ผ้าปูที่นอน….
ความฝันในค่ำคืนนี้แตกต่างจากทุกคืนที่ผ่านมา ทั้งพีรดาที่ให้ความร่วมมืออย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงความรู้สึกวาบไหวจากการได้เห็นและได้สัมผัสเนื้อตัวของเธอ มันก็เหมือนจริงเสียจนปริญคิดว่านี่คือความจริงด้วยซ้ำ
แต่ฝันก็คือฝัน ฝันดี เพราะพีรดาคือ ‘เพื่อน’ และเปรียบเสมือนผู้หญิงต้องห้ามของปริญ ความสุขที่เกิดขึ้น เขาคงได้แต่ขโมยมันอยู่ในความฝันแทบทุกค่ำคืนแบบนี้เท่านั้น...
เช้าวันต่อมา ปริญขยับร่างพร้อมกับดึงหมอนข้างเข้ามากอดรัดแล้วซุกซนอยู่ระหว่างซอกหูกับซอกคอหอมจางๆ
“หอมพาย หิวพายอีกล้ว” เมื่อคืนนี้เขาฝันดี แต่ความรู้สึกไม่เหมือนกับว่าเขาได้กอดหมอนข้างเหมือนทุกเช้าที่ผ่านมา มันเหมือนกำลังกอดร่างกายของใครสักคน นั่นจึงทำให้ชายหนุ่มที่อยู่ในอาการสะลึมสะลือกลับมามีสติและลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจ
“พาย! พายเธอจริงๆ เหรอนี่”
ปริญเรียกชื่อ ‘เพื่อนรัก’ ด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบปล่อยร่างบางจากอ้อมกอดของตนเองอย่างรวดเร็ว เมื่อกวาดตามอง แล้วขยี้ตามองซ้ำก็พบว่า ตอนนี้ พีรดาอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า เขามองสำรวจตัวเองอย่างรวดเร็วว่าตอนนี้ก็อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าเช่นเดียวกัน ไม่เสียเวลาคิดนาน ชายหนุ่มก็รู้ได้ทันทีว่าเหตุการณ์เมื่อคืนมันไม่ใช่ความฝัน!
“จะเรียกเสียงดังทำไม ฉันตกใจนะ” พีรดามองหน้า ‘เพื่อนรัก’ ของตัวเองอย่างเอาเรื่องที่เขาปลุกเธอจนตื่นแต่เช้าแบบนี้
“นี่มันเรื่องอะไร เมื่อคืนนี้ เราสองคน…”
ปริญบิกตากว้าง ริมฝีปากอ้าค้างอย่างไม่เคยทำมาก่อน พยายามไล่เลียงเหตุการณ์ต่างๆ อีกครั้ง แต่ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้เขาเมาเสียจนเรียกได้ว่าภาพตัดและจำอะไรไม่ได้ เหตุการณ์สุดท้ายที่พอจะระลึกได้ก็คือตอนสั่งให้บาร์เทนเดอร์จัดเครื่องดื่มที่แรงที่สุดมาให้เท่านั้น
“เดี๋ยวนะ ประโยคนี้ ถ้าตามละครแล้ว ฉันต้องเป็นฝ่ายพูดไหม” พีรดาเอ่ยถามปริญด้วยสีหน้ากวนอารมณ์ให้ขุ่น ก่อนจะดึงผ้าห่มมาปิดกายตนเองเอาไว้