พีรดาค่อยๆ ประคองปริญเดินมาที่ด้านหน้าอาคารชุดสูงหลายสิบชั้นอย่างทุลักทุเล โชคดีที่เหมือนว่าเขาเริ่มมีสติขึ้นมาเล็กน้อยทำให้ไม่ทิ้งตัวใส่เธอมากนัก
“ขอคีย์การ์ดด้วย”
จบประโยค คนเมาหนักฝืนอาการสะลึมสะลือ มือป่ายไปมาเล็กน้อยก่อนล้วงหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงสแลกส์อย่างไม่อิดออดใดๆ ทำให้เธอสามารถพาเขาเข้าไปในห้องได้สำเร็จ
พีรดาจัดการเปิดเข้าไปในห้องนอนของชายหนุ่ม พร้อมกับปล่อยเขาลงบนเตียงอย่างแรงจนตนเองเซล้มลงไปอยู่บนเตียงข้างเขา
“ว้าย!”
หญิงสาวหลุดอุทานพลางเบิกตาโตอย่างตื่นตระหนก ความรู้สึกแปลกประหลาดเกิดขึ้นในใจเมื่อต้องนอนเคียงข้างปริญ เธอจึงรีบดีดตัวลุกขึ้นจากเตียง แต่กลับช้ากว่าเขา!
“ปริญ!”
พีรดาร้องเอ็ดออกมาด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆ ปริญก็ดึงร่างบางเข้าไปกอดรัดแน่น จนเธอได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวของเขา
“พาย…ฉันคิดถึงเธอ”
เพียงแค่คำพูดสั้นๆ นั้นก็ทำให้พีรดาถึงกับหน้ามืด หูอื้อ ตาลาย ราวกับถูกกระแสไฟฟ้าชอร์ตเข้าอย่างจัง แต่ไม่ทันที่จะได้ตั้งสติอะไร ปริญก็จับเธอนอนหงาย ก่อนจะทาบทับร่างบางไว้ไม่ให้ไปไหน
พีรดาจ้องมองสายตาเรียกร้องและโหยหาที่เขามองมายังตนเอง และก็อยากจะบอกออกไปเช่นกันว่า เธอก็คิดถึงเขามาก มากจนอยากจะร้องไห้ออกมา
ทันใดนั้น เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาก็ประกบริมฝีปากประทับลงมาอย่างอ่อนโยน ในคราแรก พีรดารู้สึกตกใจ แต่หลังจากนั้นก็เลือกที่จะปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างไปตามอารมณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยรู้ดีว่าที่ปริญทำไปทั้งหมดเพราะกำลังอยู่ในอาการมึนเมา และเศร้าเรื่องคนรัก แต่เธอที่มีสติครบถ้วนทุกอย่างกลับไม่อยากห้ามปราม ทั้งยังปล่อยให้เขาได้เชยชมร่างกายสาวด้วยความเต็มใจ
เพราะนี่มันคือครั้งแรกของเธอ และหญิงสาวก็อยากจะมอบให้กับปริญ ผู้ชายที่ตนเองแอบรักมาเนิ่นนาน….
พีรดาสะบัดศีรษะให้ความคิดกลับมาที่ปัจจุบัน ตอนนี้เธออยู่ภายในคอนโดฯ ของตนเอง และชีวิตก็ต้องเดินหน้าต่อ สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็ให้เป็นอดีตไป หากยึดถือเอาไว้มากจะเป็นเหมือนโซ่ตรวนพันธนาการเอาไว้ พานให้ก้าวต่อไปข้างหน้าได้ยาก
คิดเช่นนั้น หญิงสาวก็เดินเข้าไปในห้องน้ำไปอยู่ที่หน้ากระจกเหนืออ่างล้างหน้า พร้อมกับมองร่องรอยจูบของชายหนุ่มบริเวณต้นคอของระหง มันประกาศชัดว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เขาและเธอมีความสุขกันมากแค่ไหน แม้ว่าตื่นขึ้นมาจะต้องพบเจอกับความจริงว่าทั้งคู่เป็นได้แค่เพื่อนกันเท่านั้น
“ฮึกๆ”
เมื่ออยู่เพียงลำพัง พีรดาก็ไม่สามารถสกัดกั้นน้ำตาได้อีกต่อไปจึงปล่อยให้มันไหลออกมาพร้อมเสียงสะอื้นไห้ เมื่อชั่วโมงก่อน หญิงสาวพยายามทำเป็นเข้มแข็งและตอบโต้ปริญไปให้เหมือนว่า ตนเองไม่คิดมากกับเรื่องอย่างว่า ทั้งที่ความจริงแล้ว เธอเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างหัวโบราณคนหนึ่ง แต่เพราะผู้ชายคนนั้นคือปริญ เลยทำให้เธอยอมมอบกายให้เขาได้อย่างง่ายดาย
“นายคงมองว่าฉันเป็นคนใจง่ายไปแล้วใช่ไหม”
เจ้าของร่างบางในกระจกเงาพูดออกมาด้วยความรู้สึกสับสน นาทีที่ปริญบอกว่าจะรับผิดชอบทุกอย่าง แต่หญิงสาวกลับไม่รู้สึกอยากได้รับการรับผิดชอบนั้น เพราะมันเป็นเหมือนการบีบบังคับให้เขามาคบกับเธอทั้งที่ไม่ได้รักกันแม้แต่น้อย ในขณะที่อีกฝ่ายเองก็ยังลืมคนรักเก่าไม่ได้ พีรดาจะไม่มีวันดึงใครสักคนมาอยู่ด้วยเพียงเพราะข้อผูกมัดเรื่องเซ็กซ์เด็ดขาด
ติ๊ดๆ ๆ ๆ
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นเรียกให้พีรดาต้องรีบปาดน้ำตาและหยิบมันขึ้นมาดู ชื่อที่คุ้นเคยปรากฏที่หน้าจอทำให้เจ้าตัวถึงกับลังเลว่าจะรับดีหรือไม่ ส่วนสาเหตุที่เธอไม่เคยคิดจะเปลี่ยนเบอร์มือถือ นั่นก็เพราะหวังว่า สักวัน ชื่อนี้จะโทร.เข้ามาอีกครั้ง และวันนั้นก็มาถึงแล้ว...
“ฮัลโหล”
พีรดาตัดสินใจรับสายปริญ เมื่อมาคิดดูแล้ว ตนเองก็ไม่ใช่พวกชอบหนีปัญหา และก็คาใจมาตลอดระยะเวลากว่าห้าปีที่ปริญหายไปจากชีวิตเธอเป็นเพราะอะไร ทำไมเขาถึงได้หนีห่างกันออกไปแบบนั้น
“พาย ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ ออกมาเจอกันหน่อย”
ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงราวออกคำสั่ง และแน่นอนว่าคนอย่างพีรดาก็ไม่ใช่คนที่ใช่จะมาสั่งได้ง่ายๆ
“มีเรื่องอะไรก็คุยผ่านโทรศัพท์นี่แหละ ฉันต้องออกไปพบว่าที่หุ้นส่วน” หญิงสาวพูดตามจริง เพราะเหตุผลที่เธอมากรุงเทพฯ ก็เพื่อทำงานเท่านั้น และพรุ่งนี้ก็จะบินกลับภูเก็ตแต่เช้า
“เธอมีนัดกี่โมง ฉันรอได้” ปริญยังค้นตื๊ออย่างไม่หยุดหย่อน
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่านายอย่ารอดีกว่า ฉันมากรุงเทพฯ นานๆ ทีก็อยากจะไปหาเพื่อนคนอื่นบ้าง”
พีรดาพูดโกหกออกไป ความจริงแล้ว เธอไม่ได้มีแพลนจะไปไหน แต่เมื่อมาคิดๆ ดูก็ไม่จำเป็นต้องเจอกับปริญอีก หากต้องการเคลียร์ใจกัน การพูดคุยผ่านโทรศัพท์ก็ไม่ได้แย่มากนัก
“อย่าโกหก ฉันรู้จักเธอดี พาย”
ปริญพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง และสิ่งที่พูดก็คือเรื่องจริง เพราะรู้ดีว่าพีรดาไม่ใช่พวกชอบเข้าสังคมสักเท่าไหร่นัก และที่สำคัญ เธอไม่ได้มีเพื่อนที่สนิทในกรุงเทพฯ เลยนอกจากเขาเพียงคนเดียว
“หึ! เอางี้ พูดธุระของนายมาละกัน” จนมุม เถียงไม่ออกจึงจำต้องถามออกไปตรงๆ ว่าเขาอยากพบเธอด้วยเหตุใด
“ฉันเห็นรอยเลือดบนที่นอน”
น้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่ความหมายในคำพูดของปริญ มันทำให้พีรดาคิดได้ทันทีว่า ตอนนี้ เขาคงรู้แล้วว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอยังบริสุทธิ์ และก็นอนกับเขาเป็นครั้งแรก