“อื้ม แล้ว?”
หญิงสาวถามกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา เพราะไม่อยากให้ปริญต้องมารับผิดชอบเรื่องบ้าๆ นี้ เพียงเพราะยึดถือธรรมเนียมโบราณว่า ได้กันแล้วก็ต้องรับผิดชอบ
“ออกมาคุยกัน อย่ายืดเยื้อให้เสียเวลาน่าพาย เธอก็รู้ว่าฉันไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล”
ปริญพยายามข่มอารมณ์ให้ใจเย็นที่สุด แต่น้ำเสียงและคำบางคำก็หลุดไปตามความร้อนรุ่มในอก ซึ่งพีรดาที่รู้จักเขาดีกว่าใคร พอจะฟังออกว่าชายหนุ่มกำลังข่มอารมณ์ร้อนใจเอาไว้
“ได้ อันที่จริงมาคิดดูแล้ว ฉันเองก็มีเรื่องอยากจะถามนายเหมือนกัน งั้นเดี๋ยวเราออกไปเจอกันช่วงสายๆ เสร็จจากเจอว่าที่หุ้นส่วนแล้ว ฉันจะไปเจอที่ร้าน...”
พีรดาตอบตกลงรับนัด ในเมื่อเขาอยากจะเผชิญหน้ากันอีกครั้งก็ได้ แต่ครั้งนี้ เธอจะต้องได้คำตอบถึงสาเหตุทั้งหมดที่ทำให้ปริญใจจืดใจดำ และตีตัวออกห่างกันแบบนี้
“ได้ ฉันจะรอ” ปริญพูดก่อนจะวางสายไป
พีรดาได้แต่ลูบหน้าตนเองเพื่อเรียกสติ ไม่รู้เหมือนกันว่าตัดสินใจถูกหรือไม่ที่จะไปพบปริญ เพราะลึกๆ เหตุการณ์เมื่อคืนก็ยังติดอยู่ในความทรงจำอย่างชัดเจน ความวาบหวามและความต้องการที่เขาส่งมาในบทรักเร่าร้อน มันทำให้อดคิดไม่ได้ว่าชายหนุ่มก็แอบมีใจให้เธออยู่เหมือนกัน
“ไม่! อย่าคิดเข้าข้างตัวเอง ปริญไม่มีทางชอบเธอหรอก”
หญิงสาวสะบัดหน้าเรียกสติ พร้อมย้ำกับตัวเองซ้ำๆ ว่า เหตุการณ์เมื่อคืนก็เป็นเพียงความใคร่ของหนุ่มสาวเพียงชั่ววูบเท่านั้น แม้จะรู้สึกกับเขา แต่ก็ใช่ว่าเขาจะรู้สึกเหมือนกัน เผลอๆ ปริญอาจจะเห็นเธอเป็นตัวแทนของใครก็ได้
เมื่อคิดได้อย่างนั้น พีรดาจึงตัดสินใจอาบน้ำ แต่งตัว และลืมเรื่องทั้งหมดเพื่อตัวเองได้มีสมาธิเดินหน้าต่อ เพราะเป้าหมายของเธอคือการมาทำงาน แล้วกลับไปภูเก็ต ไม่ใช่ต้องเก็บเรื่องของอดีตเพื่อนรักมาคิดมากแบบนี้ แม้ว่าจะเป็นการเสียความบริสุทธิ์ให้กับผู้ชายที่ไม่ได้รักกันแม้แต่น้อย แต่ยังไง คุณค่าของเธอก็ยังมีอยู่ มันไม่ได้หมดไปเพียงแค่สูญเสียพรหมจรรย์...
ปริญมานั่งรอพีรดาอยู่ที่ร้านอาหารอิตาเลียนเจ้าดังที่เคยมาทานด้วยกันบ่อยๆ สมัยที่ยังเรียนอยู่ ร้านนี้เปรียบเสมือนคลังความทรงจำเก่าๆ ของทั้งคู่ การที่เลือกนัดหญิงสาวที่นี่ก็เพื่อหวังว่าการเจรจาของเขากับเธอจะง่ายขึ้น หากอีกฝ่ายยังมีเยื่อใยและนึกถึงความสัมพันธ์ดีๆ เมื่อครั้งเก่าก่อน
‘ยิ่งเคยเป็นเพื่อนแนบสนิทกันแล้ว’
“มานานแล้วเหรอ”
พีรดาเดินเข้ามาทักทายก่อนจะนั่งเก้าอี้ตรงกันข้าม หญิงสาวอยู่ในชุดเกาะอกสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงขายาวสีขาว ผมยาวกลางหลังบัดนี้ถูกดัดเป็นลอนรับกับรูปหน้ารีเรียวทรงไข่ ทำให้ลุคของเธอดูเปรี้ยวและเซ็กซี่ขึ้นไปอีก
“ก็ไม่นานมาก เธอกินอะไรมาหรือยัง” ปริญเผลอมองอดีตเพื่อนรักอย่างชื่นชมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้สึกตัวเมื่อเห็นว่าเธอจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว
“จริงๆ ก็กินมาแล้ว แต่พอนายเลือกมาที่นี่ ฉันก็เลยอยากกินพิซซ่าแซลมอนรมควันสักหน่อย”
พีรดาพูดออกไปตามตรง ถึงจะอยากเคลียร์ให้เรื่องต่างๆ จบไวๆ แต่การพูดคุยกันจะมีอาหารอยู่ด้วยก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย อีกอย่าง เธอก็ไม่ได้มาร้านนี้นานแล้วเลยคิดถึงรสชาติเดิมๆ ที่คุ้นเคย
“ฉันสั่งให้แล้ว รู้ว่าเธอคงอยากกิน” คนร่างสูงพูดอย่างรู้ใจ เพราะเมนูพิซซ่าแซลมอนรมควันถือเป็นเมนูโปรดที่พีรดาเลือกสั่งทุกครั้งที่มาร้านนี้ ซึ่งเขาจำได้ดี
“ขอบใจ เราจะคุยกันเลยไหม” หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นระหว่างที่รออาหาร เพื่อไม่ให้เสียเวลา หากพูดคุยตั้งแต่ตอนนี้ก็จะได้จบไวๆ
“ไม่คิดจะให้ฉันได้ถามหน่อยเหรอ ว่าเธอเป็นยังไงบ้าง เราไม่ได้เจอกันกี่ปีแล้วนะ” ปริญทำท่านึก อันที่จริงก็แทบไม่อยากจำว่านานแค่ไหนแล้วที่ไม่เจอกัน เพราะที่ผ่านมา เขาพยายามลืมพีรดามาตลอด จนในที่สุดก็รู้ว่าไม่เคยลืมเธอไปจากหัวใจได้เลย
“ไม่รู้ ฉันไม่เคยเสียเวลานับ ฉันสบายดี...ก็บริหารธุรกิจโรงแรมเล็กๆแทนคุณแม่”
พีรดาตอบออกไปตามตรง เพราะต้องเป็นคนดูแลธุรกิจโรงแรมที่ภูเก็ตแทนมารดาตั้งแต่ตอนเรียนจบ ส่วนบิดานั้นได้เสียไปตั้งแต่ตอนที่เธอเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาแล้ว ดังนั้น ธุรกิจโรงแรมที่ภูเก็ตจึงกลายเป็นผู้หญิงบริหารตั้งแต่นั้นมา และเธอก็เชื่อว่าด้วยศักยภาพของตนเองก็ไม่น้อยหน้าการบริหารงานของผู้ชายเลย
“แล้วโอเคไหม มีลูกค้าเข้าเยอะเลยสิ ติดทะเลด้วย” ปริญถามต่อในขณะที่อาหารก็มาเสิร์ฟพอดี
“ก็เรื่อยๆ มีช่วงโควิดที่ลูกค้าเงียบ แต่ตอนนี้ก็กลับมาเยอะอีกครั้ง ว่าแต่นายล่ะ บริหารธุรกิจหลายสาขาเลยสิ” คนตัวเล็กเอ่ยถามปริญกลับบ้าง
“อืม ก็เรื่อยๆ มีปวดหัวบ้าง แต่ก็ผ่านไปได้ พ่อกับแม่ปล่อยให้ฉันมีอำนาจในการจัดการทุกอย่าง เลยไม่ต้องปวดหัวมากเวลาต้องตัดสินใจทำอะไร”
CEO หนุ่มคิดอย่างนั้นจริงๆ การที่อำนาจเด็ดขาดอยู่ที่เขา มันทำให้ไม่ต้องลำบากใจในการตัดสินใจทำอะไร นอกจากเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ ถึงปรึกษาบิดาเพื่อให้ช่วยพิจารณาในฐานะที่ท่านมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน