ท่ามกลางความเงียบงันในสุสาน โหราจารย์เฒ่าวัยใกล้เข้าโลง ขีดอักขระทำนายลงบนกระดาษแผ่นใหญ่
ชายชรารับใช้ราชวงศ์เล่อด้วยความภักดีมาหลายชั่วอายุคน ได้รับความไว้วางใจในการทำนายทายทักที่เรียกได้ว่าแม่นยิ่งกว่าแม่นราวกับตาเห็น
"ทูลท่านอ๋อง เวลาฝังศพเลยฤกษ์งามยามดี บัดนี้ยามห้ายมิควรฝังศพ หากฝังศพในยามนี้วิญญาณอาจได้รับเคราะห์กรรมซ้ำอีก พลังชี่มิอาจรวบรวมได้ง่าย การกำเนิดใหม่ต้องยืดออกไปอีก"
"เจ้าตรวจชะตาของนางได้ความว่าอย่างไร"
"เมื่อมนุษย์สิ้นชะตาหมดอายุขัย กระหม่อมไม่สามารถทำนายชะตาได้อีกต่อไป หน้าที่ดูแลดวงวิญญาณเป็นของเทพแห่งปรภพ"
"อย่างนั้นรึ ต้องทำการฝังศพให้แล้วเสร็จเมื่อใด"
"พรุ่งนี้ก่อนยามเซิน หลังฟ้าสางแล้วค่อยฝังศพต่อ พลังจากดวงอาทิตย์จะเกื้อหนุนพลังชี่ของดวงวิญญาณพ่ะย่ะค่ะ" โหราจารย์เอ่ยแนะนำตามความเชื่อ ไม่ได้คาดหวังว่าชินหวางอ๋องจะทำตามคำแนะนำ
"ตามนั้น พรุ่งนี้ค่อยดำเนินการฝังศพต่อ" ชินหวางอ๋องจ้องมองโลงศพ
"พ่ะย่ะค่ะ"
"ทุกคนแยกย้ายกันไปได้ งานฝังศพพรุ่งนี้มีเพียงข้ากับองค์รักษ์มาส่งศพนางก็พอแล้ว ไม่ต้องลำบากให้สมาชิกราชวงศ์ผู้อื่นต้องมารอบสอง ขอบคุณพวกท่านมาก" ชินหวางอ๋องหันไปกล่าวขอบคุณบรรดาเชื้อพระวงศ์ เหล่าบุรุษและสตรีในอาภรณ์ไว้ทุกข์อย่างชนชั้นสูงต่างแยกย้ายกันกลับตำหนักของตน
เสียงครหา เสียงซุบซิบ กระซิบแผ่วเบาเมื่อกลุ่มสมาชิกราชวงศ์จับกลุ่มคุยกันระหว่างเดินทางกลับ ไม่มีผู้ใดทราบความจริงว่าการตายของนางมาจากสาเหตุใด รู้เพียงว่านางทำผิดร้ายแรง เป็นต้นเหตุการปลงพระชนม์องค์ฮ่องเต้รัชกาลก่อน หากดูจากเหตุผลความผิดนี้ สุราพิษที่นางได้รับจากท่านอ๋อง ถือว่าเป็นการตายสบายอย่างที่สุด
ชินหวางอ๋องเล่ออี้มองตามหลังเหล่าเชื้อพระวงศ์ด้วยสายตาเรียบเฉยเช่นเคย แต่แววตาพยัคฆ์กลับวูบไหวรุนแรงเมื่อจ้องมองโลงศพที่ยังไม่ได้ฝังให้แล้วเสร็จ เขาทำได้เพียงข่มอารมณ์ซ่อนไว้ในซอกหลืบเร้นของหัวใจ ยิ่งทำเป็นเฉยชา ยิ่งอ่อนไหว ยิ่งแสร้งทำเป็นแข็งแกร่งยิ่งอ่อนแอ
เหตุใดเขาจึงต้องเป็นผู้แบกรับความอัปยศนี้
บุรุษผู้โชคร้าย ผู้ต้องทุกข์ทน ผู้ถูกหักหลังอย่างเลือดเย็น
'เหตุใดต้องเป็นเขา'
สายลมหนาวพัดเอื่อยริน ความเจ็บร้าวกรีดถึงผิวกายลึกลงไปถึงกระดูกลามไปถึงหัวใจ สายลมเย็นยะเยือกพัดมาคราวนี้พร้อมความโดดเดี่ยว อำนาจเหนือผู้ใดในใต้หล้า จุดสูงสุดที่เหยียบยืนบนศพนับพันหมื่น มันคือความสุขอย่างนั้นหรือ
โลงศพยังตั้งอยู่ในสุสาน ชินหวางอ๋องหันกายเดินออกไปอย่างเงียบเชียบ
"เฝ้าโลงศพนี้ให้ดี ก่อนยามเหม่าข้าจะมาฝังศพนางให้แล้วเสร็จ" ท่านอ๋องหันไปสั่งการองครักษ์
"พ่ะย่ะค่ะ" องครักษ์เกราะทองราวสามสิบนายหันมารับพระบัญชา
ท่านอ๋องขึ้นม้า ร่างสูงใหญ่หันมามองสุสาน มองบรรยากาศอันเงียบสงบ สุสานสร้างจากหินหยกสีชมพู หยกชั่วฟ้าดินสลาย เป็นสัญลักษณ์แทนใจสำหรับนาง ท่านอ๋องนิ่งงัน กวาดสายตามองสุสานงดงามวิจิตรตระการตา สุสานอันเป็นที่ฝังร่างของชายาเอกหวินชิง ฝังร่างนางไว้รอเขาเมื่อเขาสิ้นชีพ เขาจะมาอยู่ร่วมกับนางที่นี่ไม่แยกจากกันอีก
ร่างกำยำในชุดไว้ทุกข์ควบม้าอย่างรวดเร็วกลับตำหนักพันพยัคฆ์ แม้นางจากไปแล้ว นางนอนนิ่งไร้ชีวิตอยู่ในโลงศพ
หน้าที่สามีต่อหญิงคนหนึ่งได้จบลงอย่างถาวร
แต่หน้าที่สำคัญกว่ามิอาจหยุดยั้ง
'หน้าที่พ่อ'
ม้าควบเข้ามายังลานหน้าตำหนัก บ่าวไพร่สาวใช้รวมถึงนางกำนัลออกมายืนรอต้อนรับ หญิงสาวอายุเกือบสามสิบปีสองคนยืนก้มหน้าคล้ายมีความผิด ชินหวางอ๋องปรายตามองทั้งสอง เขารับรู้ได้ถึงความผิดปกติ ทั้งสองรีบเดินเข้ามาหาท่านอ๋องอย่างร้อนใจ
"มีเรื่องอันใด"
"ท่านอ๋องน้อยไม่ดื่มนมเพคะ ป่านนี้ยังไม่ยอมนอน แม้พวกหม่อมฉันจะเพียรกล่อมด้วยทุกวิธีการ ท่านอ๋องน้อยร้องไห้ไม่ยอมหยุดสองชั่วยามแล้ว"
"บุตรชายข้าเล่า"
"อยู่เรือนพยัคฆ์คำรามเพคะ"
ท่านอ๋องสาวเท้าเดินอย่างรีบเร่งไปหาบุตรชาย อ๋องน้อยเล่ออันฉางอายุเพียงขวบครึ่งเท่านั้น ยังไม่ประสาหาความ เสียงร้องไห้จ้าของเด็กน้อยดังออกมานอกเรือนนอนทั้งสะอึกสะอื้นปนกับเสียงอ้อแอ้
ชินหวางอ๋องเห็นบุตรชายนั่งร้องไห้อยู่ในเตียงสำหรับเด็ก นางกำนัลและแม่นมอีกผู้หนึ่งกำลังปลอบโยน ทั้งอุ้มโอ๋ปลอบขวัญอย่างไรก็ไม่อาจทำให้เด็กชายหยุดร้องไห้ ท่านอ๋องเดินเข้าไปหาบุตร อุ้มก้อนแป้งน้อยไว้ในอ้อมแขน เมื่อเห็นพระบิดามาหาโอบอุ้มเข้าอ้อมกอด มือน้อยกำชายเสื้อพระบิดา ซุกหน้าเข้าหาอกท่านอ๋องจนพวงแก้มนุ่มเบียดแผงอกอย่างแนบแน่น
เด็กชายสะอื้นไห้ มืออวบป้อมกำสาบเสื้อพระบิดาไม่ยอมปล่อย เงียบเสียงร้องไห้จ้าแทบขาดใจมีเพียงเสียงสะอื้นแผ่วเบาในลำคอ ก้อนแป้งขาวนุ่มคู้กายอยู่ในวงแขนแกร่ง ท่านอ๋องมองบุตรชายในอ้อมกอด ความรู้สึกหลากหลายถาโถมประเดประดังเข้ามา
"แม่"
เสียงแผ่วเบาหลุดออกจากปากเด็กชาย ขนตายาวหนาบนเปลือกตาเด็กน้อยกำลังหลุบต่ำลง อ๋องน้อยกำลังหลับในอ้อมกอดพระบิดา หลังจากร้องไห้เกือบสองชั่วยามจึงหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
เพียงคำเดียวจากปากบุตรชาย คำเดียวคำนี้เสียดแทงทะลุหัวใจของผู้เป็นพ่อ ความเจ็บปวดยิ่งร้าวรานทั่วอกด้านซ้ายราวกับมีมือปริศนาบีบดวงใจให้แหลกไปทั้งดวง
ท่านอ๋องโบกมือให้นางกำนัลออกไปรอด้านนอกให้หมด
เขากล่อมบุตรชายนอนในอ้อมแขน
มือหนึ่งกอดบุตรโอบอุ้มกล่อมนอน
มือหนึ่งยกขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้าตน