2 ปีต่อมา
“ไอ้ชิน”
“....”
“ไอ้ชิน!!”
“หนวกหูน่า ออกไปจากห้องฉัน”
“เฮ้ย! ไอ้เวรนี่! เมาเป็นหมาเลยนะให้ตายเถอะ!”
เจตต์ที่บุกเขามาถึงห้องนอนลากชินเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะเปิดน้ำรดหน้าชิน เขาสะดุ้งแล้วส่งเสียงโวยวายดังลั่น
“ไอ้เจตต์ ทำบ้าอะไรว่ะ!!”
“สร่างได้แล้ว มึงมีประชุมนะ”
“บอกดี ๆ ก็ได้ ไม่ใช่ลากกูมาแบบนี้ มึงนี้มัน....”
“เออ ๆ ค่อยบ่น ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว”
ชินสบถหยาบ ๆ ตามหลังเจตต์ออกมาด้วยแล้วหันไปอาบน้ำแต่งตัว เขาปวดหัวจะตายอยู่แล้วแต่ก็ต้องออกไปทำงานเหมือนกับทุกวัน
“น่าเบื่อจะตายอยู่แล้ว.....”
หลังจากวันที่นิตาเสียไปตอนนี้ก็ผ่านมาสองปีแล้ว เขาใช้ชีวิตแต่ล่ะวันอย่างเรื่อยเปื่อย เช้าออกไปทำงาน เย็นก็กลับมาดื่มเหล้าอยู่ที่บ้าน
ช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าเบื่อและไร้สีสัน ในแต่ล่ะวันผ่านไปอย่างยากลำบาก เขาไม่สนไม่แคร์อะไรอีกต่อไปแล้ว อย่างเดียวที่ต้องการคือดื่มเหล้าหนัก ๆ เพื่อให้ตัวเองหลับจะได้ฝันถึงเธอ
“ไอ้ชิน! เร็วหน่อยสิ!”
“เออ รู้แล้ว! จะเร่งอะไรนักหนา พวกหน้าเงินนั่นมันไม่หนีไปไหนหรอก”
ชินบ่นอุบอิบออกมาก่อนจะเดินออกไปหาเจตต์ วันนี้มีประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีเขาเลยต้องเข้าบริษัทอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ไอ้พวกนั้นต้องการอะไรอีกล่ะรอบนี้?” ชินถาม
“ปลดนายลงจากผู้บริหารไง”
เจตต์ตอบก่อนจะคว้ากุญแจรถมาถือไว้เอง ตั้งแต่นิตาเสียไปเจตต์ไม่ยอมให้เขาขับรถเลยเพราะมีครั้งหนึ่งที่เขาให้ชินขับ ตอนนั้นชินไม่มีสติและขับรถพุ่งชนเสาไฟฟ้าอย่างจังจนแขนหักแต่โชคยังดีที่รอดมาได้
“คิดว่าทำได้ก็ลงดู”
“ถึงต้องเข้าประชุมไง พวกมันเล่นหนักแน่รอบนี้”
“แล้วไง?”
“ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เองล่ะ ขึ้นรถ”
ชินเดินไปขึ้นรถอย่างว่าง่าย เขาเอนหลังพิงเบาะแล้วหลับตาลงเพราะอาการเมาค้าง เรื่องที่ผู้ถือหุ้นอยากถอดเขาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทไม่ได้ทำให้เขาหนักใจเท่าไหร่เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกและคงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายด้วย
“ขอนอนงีบหนึ่ง ถึงแล้วปลุกด้วยนะ”
“เออ”
ใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะมาถึงบริษัทเนื่องจากรถค่อนข้างติด บรรยากาศในที่ทำงานค่อนข้างอึมครึมเล็กน้อยเพราะการประชุมสำคัญในวันนี้
“มากันครบหรือยังครับ?”
“ค่ะ ท่านประธาน ทุกคนรออยู่ในห้องประชุมแล้วค่ะ”
“ดีครับ”
ร่างสูงเดินเข้าไปด้ายท่าทางที่มั่นคงเจตต์กับเลขาเองก็เดินตามเขาไปติด ๆ สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องมาที่เขาตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาในห้องประชุม
“เอาล่ะ เริ่มกันเลยไหมครับ?”
วาระประชุมเริ่มจากเรื่องเบา ๆ อย่างเรื่องการเติบโตของยอดขายก่อนจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ มีผู้ถือหุ้นหลายคนแสดงความประสงค์ว่าอยากให้เขาลาออกจากตำแหน่งประธาน
“ผมคุณว่าคุณไม่เหมาะกับตำแหน่งนั้น”
“ฉันเองก็ด้วยค่ะ เราอยากให้คุณลาออกแล้วให้คนที่พร้อมขึ้นบริหาร”
“แต่คุณชินไม่ได้ทำอะไรเสียหายเลยนะ ยอดขายของบริษัทก็โตขึ้นทุกเดือนพวกคุณจะยังอยากได้อะไรอีก”
ชินยกมือห้ามไม่ให้เกิดการโต้เถียงไปมากกว่านี้ ทุกคนในห้องต่างเงียบลงทั้งฝ่ายที่สนับสนุนและต่อต้านเขา
“ผมเข้าใจทุกคนนะครับแต่ก่อนอื่นอยากให้ทุกคนช่วยตอบคำถามก่อน”
เมื่อเห็นว่าทุกคนสงบลงแล้วชินก็ลุกยืนเต็มความสูงก่อนจะเริ่มถามคำถาม ใบหน้าเขาสงบนิ่งเรียบและไร้อารมณ์ใดจะสื่อออกมา
“ข้อแรก ผมเคยทำเรื่องเสื่อมเสียให้กับบริษัทหรือเปล่า?”
“.....ไม่ครับ”
“ข้อสอง ผมเคยทำอะไรที่ทำให้งานของบริษัทหยุดชะงักไหมครับ?”
“...ไม่ค่ะ...”
“งั้นข้อสุดท้าย มันเรื่องอะไรที่ผมต้องลาออก?”
“.....”
“ผมไม่เคยทำให้บริษัทเสียหายตลอดระยะเวลาที่ขึ้นนั่งตำแหน่งนี้เรื่องส่วนตัวของผมมันหนักหัวพวกคุณขนาดนั้นเลยหรือไง?”
“!!!”
“ครับ ผมรู้ว่าทำไมถึงอยากให้ผมลงจากตำแหน่งแต่ขอบอกเอาไว้เลยนะว่ามันจะไม่มีวันนั้นเด็ดขาด อย่าคิดว่าผมจะไม่รู้ว่าพวกคุณกำลังรวมหัวทำอะไรลับหลังผม”
“มันไม่ใช่แบบนั้นนะครับ”
“หุบปากไปก่อนครับ ผมยังพูดไม่จบ”
เขากระแทกเสียงหนัก ๆ พลางส่งสายตาดุดันให้กับอีกฝ่าย ไอ้พวกนี้อยากดันคนของตัวเองมารับตำแหน่งต่อเพื่อที่จะได้กินใต้โต๊ะง่าย ๆ ต่างหาก
“ที่พวกคุณยังนั่งเสนอหน้าที่นี่ได้มันก็เพราะว่าพ่อของผมขอเอาไว้แต่อย่าคิดว่าผมไม่กล้าไล่คุณออกนะครับ”
“คุณขู่พวกผมเหรอครับ?”
“ผมไม่ได้ขู่แต่เอาจริงต่างหาก ขอเอกสารที่เตรียมไว้ให้ผมด้วย แล้วก็ให้ทนายเข้ามาในห้องด้วยครับ”
ชินหันไปสั่งเลขาแล้วนั่งลงด้วยท่าทีสบาย ๆ ต่างจากคนอื่นในห้องที่พากันเหงื่อตก พวกเขาคิดว่าจะจัดการชินได้ง่าย ๆ เพราะหลังจากนิตาเสียเขาก็ดูจะไม่ใส่ใจรอบข้างมากขึ้น
“เปิดประชุมเรื่องนี้มาก็ดี ผมเบื่อจะใส่หน้ากากแล้ว”
ชินบ่นออกมาพร้อมกับยกกาแฟขึ้นจิบทีล่ะนิด ไม่นานเลขาก็กลับเขามาพร้อมเอกสารกองโตและทนายที่เดินมานั่งข้างเขา
“เอาให้พวกเขาดู”
“ค่ะ ท่านประธาน”
คนที่ต้องการปลดเขาออกจากตำแหน่งได้รับเอกสารคนล่ะฉบับ เมื่อพวกเขาเปิดมันอ่านต่างก็พากันหน้าซีดเผือดเพราะข้อมูลในนั้นคือหลักฐานการฉ้อโกงของพวกเขานั่นเอง
“จะทำอะไรก็ทำเนียน ๆ กันหน่อยนะครับ ที่เหลือก็คุยกับทนายผมแล้วกันนะ ผมขอตัวก่อน”
พูดจบประธานหนุ่มก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปทันทีพร้อมกับเจตต์ที่ตามไปติด ๆ หลายคนส่งเสียงเรียกชื่อเขาแต่ก็ไม่อาจทำให้เขาเปลี่ยนใจได้
“ไปแอบรวบรวมไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” เจตต์ถามด้วยน้ำเสียงทึ่ง ๆ เขาไม่รู้เรื่องนี้เลยเพราะชินปิดปากเงียบมาก
“ตั้งแต่พ่อตาย”
“ร้ายเหมือนกันนี่หว่าาา”
“พูดมาก พากูไปวัดได้แล้ว”
“เฮ้อออ สองปีแล้วนะ เวลาผ่านไปไวจริง ๆ”
เจตต์พูดก่อนขับรถมุ่งตรงไปที่วัดเดิม ชินมาที่นี่แทบทุกเดือนเพื่อมาทำความสะอาดอัฐิของนิตาและวันนี้ก็ครบรอบสองปีที่เธอจากไปด้วย
“พรุ่งนี้กูไม่อยู่นะ ไปทำธุระแถว ๆ ระยองแต่จะรีบกลับไว้จะส่งคนขับรถมาให้”
“อืม งีบก่อนล่ะ ง่วงชิบ”
ชินพูดจบก็หันหลังให้กับเพื่อนทันที เขาไม่ได้หลับแต่ไม่อยากคุยแล้วต่างหาก เจตต์เองก็ไม่เซ้าซี้และขับรถไปเงียบ ๆ จนมาถึงที่วัด
“งั้นกูรอที่รถนะ ตามสบายเลย”
ชินทำเสียงตอบรับในคอก่อนจะหยิบช่อดอกไม้ที่แวะซื้อมาติดมือไปด้วย เขาเดินไปอย่างไม่เร่งรีบจนมาหยุดที่หน้าอัฐิอันหนึ่ง มันดูสะอาดกว่าอันอื่น ๆ ที่อยู่รอบ ๆ เพราะเขามักแวะมาเสมอเวลาที่มีเรื่องหนักใจ
“คิดถึงจังเลยครับ นิตา วันนี้พี่จัดการคนในบริษัทไปเยอะเลยรู้ไหม....”
เขาวางดอกไม้ไว้ด้านหน้าแล้วทิ้งตัวลงนั่งก่อนจะเล่าทุกอย่างราวกับเธอกำลังนั่งฟังตัวเองอยู่ รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏบนใบหน้าเขาก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว
“พี่คิดถึงนิตานะ อยู่บนนั้นกับลูกสบายดีไหม....”
น้ำตาที่คิดว่าแห้งเหือดไปแล้วไหลลงมาอีกรอบ เขาพยายามฝืนยิ้มทั้งน้ำตา เวลาที่ผ่านไปแต่ล่ะวันไม่ได้ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว กลับกันแล้วเขายิ่งอยากตาย ๆ ไปซะเพื่อจะได้ไปเจอกับเธอ
เขาอยากจะขอโทษกับทุกสิ่งที่ได้ทำลงไป.....
อยากจะโอบกอดเธอเอาไว้แน่น ๆ
อยากแก้ไขในสิ่งที่พลาดพลั้งไปแล้ว อยากจะพูดคำที่ไม่เคยได้บอก
คำว่ารักที่เธอเคยต้องการแต่เขาไม่สามารถมอบมันให้เธอได้ในตอนนั้น ตอนนี้เขาอยากพูดมันต่อหน้าเธอสักครั้ง
“พี่ขอโทษนะนิตา พี่เสียใจ เสียใจจริง ๆ”
ถ้าใครที่มาเห็นสภาพเขาตอนนี้คงอดสมน้ำหน้าไม่ได้ คนที่เอาแต่โกรธเธอในวันนั้นมันไม่มีอีกแล้ว เหลือแค่ชายคนหนึ่งที่หัวใจแตกสลายไม่มีชิ้นดี
“ขอโทษที่รู้ตัวช้าไปจนไม่ได้บอก พี่รักนิตานะ รักมาก มากซะจนไม่รู้จะต้องทำยังไง ขอโทษที่เอาแต่พูดไม่ดีใส่ พี่ผิดไปแล้ว”
เสียงสะอื้นดังมาตามสายลมเบา ๆ บ่งบอกว่าเขาเสียใจมากแค่ไหน เจตต์ที่เดินมาเพื่อตามเขากลับบ้านถึงกับชะงักอยู่กับที่ เขารู้ดีว่าความเจ็บปวดของชินไม่เคยจางหายไปเลยแม้แต่นิดเดียว
ช่วงแรกที่นิตาเสียเขากลัวมากว่าชินจะคิดสั้นและฆ่าตัวตายแต่ก็ดีที่เขายังห่วงว่าจะไม่มีคนมาทำความสะอาดอัฐิให้กับภรรยาเลยเลือกที่จะอยู่ต่อ เหล้าเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ชินหลับตาลงได้ทุกค่ำคืน
“กูเคยเตือนมึงแล้ว....ถ้าตอนนั้นมึงฟังกูหรือฟังนิตาบ้างสักนิด มึงคงไม่ต้องมานั่งร้องไห้เหมือนคนบ้าอยู่แบบนี้หรอก ไอ้ชิน...”
อดีตที่ผ่านไปแล้วไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขได้แม้ว่าจะเสียใจมากแค่ไหนชินก็ต้องเดินหน้าต่อ เจตต์ได้แต่หวังว่าสักวันชินจะดีขึ้นจนก้าวผ่านความเจ็บปวดนี้ไปได้และตัวเขาเองก็ตั้งใจจะอยู่จนถึงเวลานั้น
“เฮ้อออ กูไม่รู้จะช่วยมึงยังไงแล้วเพื่อน ถ้าชุบชีวิตนิตาได้กูคงทำให้มึงไปแล้ว”