14 ความหวังที่เลือนราง

1796 คำ
2 ปีต่อมา “ไอ้ชิน” “....” “ไอ้ชิน!!” “หนวกหูน่า ออกไปจากห้องฉัน” “เฮ้ย! ไอ้เวรนี่! เมาเป็นหมาเลยนะให้ตายเถอะ!” เจตต์ที่บุกเขามาถึงห้องนอนลากชินเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะเปิดน้ำรดหน้าชิน เขาสะดุ้งแล้วส่งเสียงโวยวายดังลั่น “ไอ้เจตต์ ทำบ้าอะไรว่ะ!!” “สร่างได้แล้ว มึงมีประชุมนะ” “บอกดี ๆ ก็ได้ ไม่ใช่ลากกูมาแบบนี้ มึงนี้มัน....” “เออ ๆ ค่อยบ่น ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว” ชินสบถหยาบ ๆ ตามหลังเจตต์ออกมาด้วยแล้วหันไปอาบน้ำแต่งตัว เขาปวดหัวจะตายอยู่แล้วแต่ก็ต้องออกไปทำงานเหมือนกับทุกวัน “น่าเบื่อจะตายอยู่แล้ว.....” หลังจากวันที่นิตาเสียไปตอนนี้ก็ผ่านมาสองปีแล้ว เขาใช้ชีวิตแต่ล่ะวันอย่างเรื่อยเปื่อย เช้าออกไปทำงาน เย็นก็กลับมาดื่มเหล้าอยู่ที่บ้าน ช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าเบื่อและไร้สีสัน ในแต่ล่ะวันผ่านไปอย่างยากลำบาก เขาไม่สนไม่แคร์อะไรอีกต่อไปแล้ว อย่างเดียวที่ต้องการคือดื่มเหล้าหนัก ๆ เพื่อให้ตัวเองหลับจะได้ฝันถึงเธอ “ไอ้ชิน! เร็วหน่อยสิ!” “เออ รู้แล้ว! จะเร่งอะไรนักหนา พวกหน้าเงินนั่นมันไม่หนีไปไหนหรอก” ชินบ่นอุบอิบออกมาก่อนจะเดินออกไปหาเจตต์ วันนี้มีประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีเขาเลยต้องเข้าบริษัทอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ไอ้พวกนั้นต้องการอะไรอีกล่ะรอบนี้?” ชินถาม “ปลดนายลงจากผู้บริหารไง” เจตต์ตอบก่อนจะคว้ากุญแจรถมาถือไว้เอง ตั้งแต่นิตาเสียไปเจตต์ไม่ยอมให้เขาขับรถเลยเพราะมีครั้งหนึ่งที่เขาให้ชินขับ ตอนนั้นชินไม่มีสติและขับรถพุ่งชนเสาไฟฟ้าอย่างจังจนแขนหักแต่โชคยังดีที่รอดมาได้ “คิดว่าทำได้ก็ลงดู” “ถึงต้องเข้าประชุมไง พวกมันเล่นหนักแน่รอบนี้” “แล้วไง?” “ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เองล่ะ ขึ้นรถ” ชินเดินไปขึ้นรถอย่างว่าง่าย เขาเอนหลังพิงเบาะแล้วหลับตาลงเพราะอาการเมาค้าง เรื่องที่ผู้ถือหุ้นอยากถอดเขาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทไม่ได้ทำให้เขาหนักใจเท่าไหร่เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกและคงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายด้วย “ขอนอนงีบหนึ่ง ถึงแล้วปลุกด้วยนะ” “เออ” ใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะมาถึงบริษัทเนื่องจากรถค่อนข้างติด บรรยากาศในที่ทำงานค่อนข้างอึมครึมเล็กน้อยเพราะการประชุมสำคัญในวันนี้ “มากันครบหรือยังครับ?” “ค่ะ ท่านประธาน ทุกคนรออยู่ในห้องประชุมแล้วค่ะ” “ดีครับ” ร่างสูงเดินเข้าไปด้ายท่าทางที่มั่นคงเจตต์กับเลขาเองก็เดินตามเขาไปติด ๆ สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องมาที่เขาตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาในห้องประชุม “เอาล่ะ เริ่มกันเลยไหมครับ?” วาระประชุมเริ่มจากเรื่องเบา ๆ อย่างเรื่องการเติบโตของยอดขายก่อนจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ มีผู้ถือหุ้นหลายคนแสดงความประสงค์ว่าอยากให้เขาลาออกจากตำแหน่งประธาน “ผมคุณว่าคุณไม่เหมาะกับตำแหน่งนั้น” “ฉันเองก็ด้วยค่ะ เราอยากให้คุณลาออกแล้วให้คนที่พร้อมขึ้นบริหาร” “แต่คุณชินไม่ได้ทำอะไรเสียหายเลยนะ ยอดขายของบริษัทก็โตขึ้นทุกเดือนพวกคุณจะยังอยากได้อะไรอีก” ชินยกมือห้ามไม่ให้เกิดการโต้เถียงไปมากกว่านี้ ทุกคนในห้องต่างเงียบลงทั้งฝ่ายที่สนับสนุนและต่อต้านเขา “ผมเข้าใจทุกคนนะครับแต่ก่อนอื่นอยากให้ทุกคนช่วยตอบคำถามก่อน” เมื่อเห็นว่าทุกคนสงบลงแล้วชินก็ลุกยืนเต็มความสูงก่อนจะเริ่มถามคำถาม ใบหน้าเขาสงบนิ่งเรียบและไร้อารมณ์ใดจะสื่อออกมา “ข้อแรก ผมเคยทำเรื่องเสื่อมเสียให้กับบริษัทหรือเปล่า?” “.....ไม่ครับ” “ข้อสอง ผมเคยทำอะไรที่ทำให้งานของบริษัทหยุดชะงักไหมครับ?” “...ไม่ค่ะ...” “งั้นข้อสุดท้าย มันเรื่องอะไรที่ผมต้องลาออก?” “.....” “ผมไม่เคยทำให้บริษัทเสียหายตลอดระยะเวลาที่ขึ้นนั่งตำแหน่งนี้เรื่องส่วนตัวของผมมันหนักหัวพวกคุณขนาดนั้นเลยหรือไง?” “!!!” “ครับ ผมรู้ว่าทำไมถึงอยากให้ผมลงจากตำแหน่งแต่ขอบอกเอาไว้เลยนะว่ามันจะไม่มีวันนั้นเด็ดขาด อย่าคิดว่าผมจะไม่รู้ว่าพวกคุณกำลังรวมหัวทำอะไรลับหลังผม” “มันไม่ใช่แบบนั้นนะครับ” “หุบปากไปก่อนครับ ผมยังพูดไม่จบ” เขากระแทกเสียงหนัก ๆ พลางส่งสายตาดุดันให้กับอีกฝ่าย ไอ้พวกนี้อยากดันคนของตัวเองมารับตำแหน่งต่อเพื่อที่จะได้กินใต้โต๊ะง่าย ๆ ต่างหาก “ที่พวกคุณยังนั่งเสนอหน้าที่นี่ได้มันก็เพราะว่าพ่อของผมขอเอาไว้แต่อย่าคิดว่าผมไม่กล้าไล่คุณออกนะครับ” “คุณขู่พวกผมเหรอครับ?” “ผมไม่ได้ขู่แต่เอาจริงต่างหาก ขอเอกสารที่เตรียมไว้ให้ผมด้วย แล้วก็ให้ทนายเข้ามาในห้องด้วยครับ” ชินหันไปสั่งเลขาแล้วนั่งลงด้วยท่าทีสบาย ๆ ต่างจากคนอื่นในห้องที่พากันเหงื่อตก พวกเขาคิดว่าจะจัดการชินได้ง่าย ๆ เพราะหลังจากนิตาเสียเขาก็ดูจะไม่ใส่ใจรอบข้างมากขึ้น “เปิดประชุมเรื่องนี้มาก็ดี ผมเบื่อจะใส่หน้ากากแล้ว” ชินบ่นออกมาพร้อมกับยกกาแฟขึ้นจิบทีล่ะนิด ไม่นานเลขาก็กลับเขามาพร้อมเอกสารกองโตและทนายที่เดินมานั่งข้างเขา “เอาให้พวกเขาดู” “ค่ะ ท่านประธาน” คนที่ต้องการปลดเขาออกจากตำแหน่งได้รับเอกสารคนล่ะฉบับ เมื่อพวกเขาเปิดมันอ่านต่างก็พากันหน้าซีดเผือดเพราะข้อมูลในนั้นคือหลักฐานการฉ้อโกงของพวกเขานั่นเอง “จะทำอะไรก็ทำเนียน ๆ กันหน่อยนะครับ ที่เหลือก็คุยกับทนายผมแล้วกันนะ ผมขอตัวก่อน” พูดจบประธานหนุ่มก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปทันทีพร้อมกับเจตต์ที่ตามไปติด ๆ หลายคนส่งเสียงเรียกชื่อเขาแต่ก็ไม่อาจทำให้เขาเปลี่ยนใจได้ “ไปแอบรวบรวมไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” เจตต์ถามด้วยน้ำเสียงทึ่ง ๆ เขาไม่รู้เรื่องนี้เลยเพราะชินปิดปากเงียบมาก “ตั้งแต่พ่อตาย” “ร้ายเหมือนกันนี่หว่าาา” “พูดมาก พากูไปวัดได้แล้ว” “เฮ้อออ สองปีแล้วนะ เวลาผ่านไปไวจริง ๆ” เจตต์พูดก่อนขับรถมุ่งตรงไปที่วัดเดิม ชินมาที่นี่แทบทุกเดือนเพื่อมาทำความสะอาดอัฐิของนิตาและวันนี้ก็ครบรอบสองปีที่เธอจากไปด้วย “พรุ่งนี้กูไม่อยู่นะ ไปทำธุระแถว ๆ ระยองแต่จะรีบกลับไว้จะส่งคนขับรถมาให้” “อืม งีบก่อนล่ะ ง่วงชิบ” ชินพูดจบก็หันหลังให้กับเพื่อนทันที เขาไม่ได้หลับแต่ไม่อยากคุยแล้วต่างหาก เจตต์เองก็ไม่เซ้าซี้และขับรถไปเงียบ ๆ จนมาถึงที่วัด “งั้นกูรอที่รถนะ ตามสบายเลย” ชินทำเสียงตอบรับในคอก่อนจะหยิบช่อดอกไม้ที่แวะซื้อมาติดมือไปด้วย เขาเดินไปอย่างไม่เร่งรีบจนมาหยุดที่หน้าอัฐิอันหนึ่ง มันดูสะอาดกว่าอันอื่น ๆ ที่อยู่รอบ ๆ เพราะเขามักแวะมาเสมอเวลาที่มีเรื่องหนักใจ “คิดถึงจังเลยครับ นิตา วันนี้พี่จัดการคนในบริษัทไปเยอะเลยรู้ไหม....” เขาวางดอกไม้ไว้ด้านหน้าแล้วทิ้งตัวลงนั่งก่อนจะเล่าทุกอย่างราวกับเธอกำลังนั่งฟังตัวเองอยู่ รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏบนใบหน้าเขาก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว “พี่คิดถึงนิตานะ อยู่บนนั้นกับลูกสบายดีไหม....” น้ำตาที่คิดว่าแห้งเหือดไปแล้วไหลลงมาอีกรอบ เขาพยายามฝืนยิ้มทั้งน้ำตา เวลาที่ผ่านไปแต่ล่ะวันไม่ได้ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว กลับกันแล้วเขายิ่งอยากตาย ๆ ไปซะเพื่อจะได้ไปเจอกับเธอ เขาอยากจะขอโทษกับทุกสิ่งที่ได้ทำลงไป..... อยากจะโอบกอดเธอเอาไว้แน่น ๆ อยากแก้ไขในสิ่งที่พลาดพลั้งไปแล้ว อยากจะพูดคำที่ไม่เคยได้บอก คำว่ารักที่เธอเคยต้องการแต่เขาไม่สามารถมอบมันให้เธอได้ในตอนนั้น ตอนนี้เขาอยากพูดมันต่อหน้าเธอสักครั้ง “พี่ขอโทษนะนิตา พี่เสียใจ เสียใจจริง ๆ” ถ้าใครที่มาเห็นสภาพเขาตอนนี้คงอดสมน้ำหน้าไม่ได้ คนที่เอาแต่โกรธเธอในวันนั้นมันไม่มีอีกแล้ว เหลือแค่ชายคนหนึ่งที่หัวใจแตกสลายไม่มีชิ้นดี “ขอโทษที่รู้ตัวช้าไปจนไม่ได้บอก พี่รักนิตานะ รักมาก มากซะจนไม่รู้จะต้องทำยังไง ขอโทษที่เอาแต่พูดไม่ดีใส่ พี่ผิดไปแล้ว” เสียงสะอื้นดังมาตามสายลมเบา ๆ บ่งบอกว่าเขาเสียใจมากแค่ไหน เจตต์ที่เดินมาเพื่อตามเขากลับบ้านถึงกับชะงักอยู่กับที่ เขารู้ดีว่าความเจ็บปวดของชินไม่เคยจางหายไปเลยแม้แต่นิดเดียว ช่วงแรกที่นิตาเสียเขากลัวมากว่าชินจะคิดสั้นและฆ่าตัวตายแต่ก็ดีที่เขายังห่วงว่าจะไม่มีคนมาทำความสะอาดอัฐิให้กับภรรยาเลยเลือกที่จะอยู่ต่อ เหล้าเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ชินหลับตาลงได้ทุกค่ำคืน “กูเคยเตือนมึงแล้ว....ถ้าตอนนั้นมึงฟังกูหรือฟังนิตาบ้างสักนิด มึงคงไม่ต้องมานั่งร้องไห้เหมือนคนบ้าอยู่แบบนี้หรอก ไอ้ชิน...” อดีตที่ผ่านไปแล้วไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขได้แม้ว่าจะเสียใจมากแค่ไหนชินก็ต้องเดินหน้าต่อ เจตต์ได้แต่หวังว่าสักวันชินจะดีขึ้นจนก้าวผ่านความเจ็บปวดนี้ไปได้และตัวเขาเองก็ตั้งใจจะอยู่จนถึงเวลานั้น “เฮ้อออ กูไม่รู้จะช่วยมึงยังไงแล้วเพื่อน ถ้าชุบชีวิตนิตาได้กูคงทำให้มึงไปแล้ว”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม