‘หมอเสียใจด้วยครับ....ภรรยาและลูกของคุณเสียชีวิตแล้วครับ....’
คำพูดของหมอที่ทำการรักษาให้เธอเหมือนค้อนหนัก ๆ ที่กระหน่ำทุบเข้าหัวของชินอย่างจัง เขาแทบล้มทั้งยืนเมื่อได้ยินประโยคนั้น น้ำตาลูกผู้ชายไหลลงมาอาบสองแก้มช้า ๆ
“ไม่จริง....”
“คนไข้อาการสาหัสมากครับ ไหปลาร้าร้าว กระจกบาดเข้าเส้นเลือดตรงจุดสำคัญ อวัยวะหลายส่วนฉีกขาด หมอทำสุดความสามารถแล้วครับ”
“ไม่จริง! หมอโกหก!!”
ชินกระชากคอเสื้อหมอตรงหน้าขึ้นมา ถ้าไม่มีเจตต์ดึงเขาไว้ชินคงต่อยหน้าหมอไปแล้ว
“ไอ้ชิน! ใจเย็นก่อนดิว่ะ!”
“เย็นบ้าอะไร! หมอแม่งพูดบ้าอะไรก็ไม่รู้! นิตาต้องไม่เป็นอะไรดิว่ะ!!”
“มึงใจเย็นก่อนสิ!!!”
ระหว่างที่สองหนุ่มโต้เถียงกันไปมาบุรุษพยาบาลก็เข็นร่างไร้วิญญาณของนิตาออกมา ผ้าสีขาวที่คลุมร่างเล็กทำชินแทบขาดใจ
“ใบหน้าของคนไข้เสียโฉมไปจนจำเค้าเดิมไม่ได้....”
ชินไม่ฟังคำพูดของหมอ เขาเปิดผ้าออกเพื่อดูหน้าคนรักแต่เมื่อเห็นเขาก็ตะโกนออกมาด้วยความขาดสติ
“ไม่จริง!!!!”
ใบหน้าของเธอเสียหายจนจำเค้าโครงเดิมไม่ได้ สิ่งเดียวที่ระบุว่าเป็นนิตาคือแหวนแต่งงานที่เขาเลือกมาอย่างไม่ใส่ใจ เขาจับมือบางมาแนบหน้าแล้วร้องไห้โฮออกมาแบบไม่อายใคร
“นิตาฟื้นสิ! ฟื้นมาคุยกันก่อน!”
“ไอ้ชิน....”
“พี่ขอโทษ พี่ขอโทษจริง ๆ ให้โอกาสพี่แก้ตัวได้ไหม”
เจตต์ต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าจะดึงชินออกมาจากเตียงคนไข้ได้ เขาไม่มีสติหลงเหลืออยู่เลย ไม่เหลือเค้าคนเดิมที่ขี้เล่นและยิ้มอย่างสดใสอีกต่อไปแล้ว
“กูเสียใจด้วย น้องเขาไปสบายแล้ว ทำใจเถอะ”
“นิตาทิ้งกูไปแล้ว กูเสียทั้งลูก เสียทั้งเมีย....”
“กูเข้าใจมึงนะ....”
เขาไม่ได้แค่เสียเธอไปแต่ยังเสียลูกที่เกิดจากเขาและเธออีกด้วย ลูกที่เขาเพิ่งจะรู้ว่ามี....และยังไม่ได้แสดงความดีใจออกมาเลย
“กูจะทำยังไงต่อไปดี เจตต์กูไม่รู้จะทำอะไรเลย....”
เขาปล่อยให้น้ำตานองหน้าอยู่แบบนั้น ถ้านิตามาเห็นเขาในสภาพนี้คงสะใจไม่น้อย สมควรแล้วล่ะที่คนโง่อย่างเขาจะเจอแบบนี้
“กูจะจัดการเรื่องงานศพน้องให้เอง ไม่ต้องห่วงนะ”
เจตต์พยายามปลอบเพื่อนอย่างสุดความสามารถแต่เหมือนเสียงของเขาจะส่งไปไม่ถึง ชินยังคงโทษตัวเองอยู่แบบนั้นจนเขาต้องลากกลับไปสงบสติอารมณ์ที่บ้าน
พศิณที่ยืนมองอยู่ที่มุมหนึ่งถอนหายใจยาวออกมา เขาอุตส่าห์เตือนแล้วแท้ ๆ แต่ชินกลับโง่จนไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาเตือนเรื่องมันเลยเป็นแบบนี้
“นี่คือผลจากการกระทำของคุณเองนะครับ คุณชิน”
เขาพูดเบา ๆ กับตัวเองพลางมองแผ่นหลังของชินที่ห่างออกไปเรื่อย ๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป หลังจากนี้จะเป็นหน้าที่ของเขาที่จะทำเพื่อนิตา
»»»»««««
ตั้งแต่กลับมาจากโรงพยาบาลชินก็เอาแต่เก็บตัวในห้อง เขาไม่กิน ไม่ดื่มอะไรเลยแม้แต่คำเดียว แม่บ้านที่เข้ามาดูแลความเรียบร้อยเป็นห่วงเขามากเลยโทรไปบอกเจตต์
“ไอ้ชิน มึงต้องกินอะไรหน่อยนะ”
ชินกินไม่ได้นอนก็นอนไม่หลับ ทุกครั้งที่หลับตาลงคำพูดที่เคยไล่เธอไปตายก็ตามหลอกหลอนเขาราวกับเงา ความรู้สึกผิดกัดกินใจเขาจนไม่เหลือคราบคนเดิมแล้ว
เจตต์ไม่เคยเห็นเพื่อนของเขาเป็นแบบนี้มาก่อน ใบหน้าหล่อเหลาซูบผอมจนแก้มตอบ ขอบตาดำคล้ำเหมือนคนไม่ได้นอนมาสักเดือน เวลาแค่ไม่กี่วันชินเปลี่ยนไปจนแทบจำไม่ได้
“เจตต์??”
“ไปเถอะ วันนี้เผานิตาแล้วนะ....”
“.....”
ตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมาเจตต์จัดการเรื่องงานศพคนเดียวเพราะชินไม่ยอมรับว่านิตาจากไปแล้ว เขาไม่ออกนอกบ้าน ไม่รับโทรศัพท์และจมอยู่กับความเศร้าเพียงลำพัง
“อย่างน้อย ๆ ก็ไปส่งเธอกันเถอะ”
เจตต์หิ้วปีกชินขึ้นมาก่อนจะพาเข้าไปส่งถึงในห้องน้ำ แม้จะไม่อยากยอมรับความจริงแต่เขาก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ต่อให้ต้องเจ็บปวดแค่ไหนกันตามที
พอชินอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเจตต์ก็พาเพื่อนไปยังวัดที่จัดงานศพ มีคนมาร่วมงานไม่มากเท่าไหร่เพราะเจตต์ไม่ได้พูดเรื่องการตายของเธอออกไป
“พี่ชิน....”
เสียงใสที่เรียกชื่อเขาทำให้ชินเงยหน้าขึ้นก่อนที่จะสะบัดหน้าไปตามแรงตบของคนตรงหน้า
“พอแล้วเนเน่!”
เจตต์รีบเข้ามาดึงเนเน่ไว้ไม่ให้ทำอะไรไปมากกว่านี้ ดวงตาเธอแดงก่ำและมีน้ำตาคลอ เสียงหวานสั่นเครือเล็กน้อยตอนที่เปล่งเสียงออกมา
“พี่มันเลวทำร้ายแม้กระทั่งคนที่รักพี่ ทำไมพี่นิตาจะต้องมาตายเพราะพี่ด้วย!”
“....”
“เงียบทำบ้าอะไรล่ะ! พอใจหรือยัง! สะใจหรือยัง! พี่เป็นอิสระแล้วไง! พี่นิตาจะไม่มากวนใจพี่อีกแล้ว!”
“พอแล้วเนเน่!!!”
“ฮึก....คนแบบพี่สมควรอยู่คนเดียว! พี่มันไม่มีหัวใจ!!! ฮืออออ….”
เนเน่ทรุดตัวลงกับพื้นโดยมีเจตต์ช่วยประคองเอาไว้ เธอร้องไห้ออกอย่างไม่อายใครส่วนชินเองก็มีน้ำตาไม่ต่างกัน
“พี่ขอโทษ….”
“สายไปแล้วค่ะ พี่ชิน สายเกินไปแล้ว....เนเน่เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าพี่จะต้องเสียใจเพราะทิฐิบ้า ๆ ของพี่!”
เธอลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังเดินจากไปทันที ชินร้องไห้ออกมาเงียบ ๆ เขาไม่สามารถเถียงอะไรเธอได้เลยเพราะมันเป็นแบบนั้นจริง ๆ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะเขาคนเดียว
“ไปเถอะ ไปส่งนิตากัน ไอ้ชิน”
เขาเดินตามหลังเจตต์ไปเงียบ ๆ รูปถ่ายที่ประดับหน้าโลงศพเป็นรูปที่ถ่ายก่อนพ่อของเขาเสีย ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส ดวงตาคู่สวยเปล่งประกายแห่งความสุขออกมา
“นิตา....”
เขายืนนิ่งหน้ารูปถ่ายพลางยกมือขึ้นมาลูบด้วยความคิดถึง เขาเข้าใจแล้วว่าตอนนี้เขาเองก็รักเธอเหมือนกันแม้มันจะสายเกินไปแล้วก็ตาม
“คุณพศิณ....”
ชินหันไปตามเสียงที่เจตต์พูดก็เจอกับพศิณที่กำลังเดินเข้ามา เขาใส่สูทสีดำทั้งตัวใบหน้าดูหมองเศร้าไม่ต่างจากชิน
“ผมแค่มาส่งเธอในฐานะเจ้านายและเพื่อน หวังว่าคุณจะไม่ว่าอะไรนะครับ”
ไม่มีประโยชน์ที่จะทะเลาะกับพศิณอีกต่อไปแล้ว ทุกอย่างดูไร้ค่าเมื่อเธอจากไป โลกทั้งใบมืดครึ้มและดูเหมือนจะไร้ทางออกสำหรับเขา
ชินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วหลบให้พศิณเข้าไปเคารพศพ ทั้งสองไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกจนกระทั่งถึงเวลานำศพขึ้นเผา เพราะใบหน้าของเธอเสียหายเกินไปชินเลยไม่ต้องการให้เปิดโลงเพื่อดูหน้าเธอ
“พี่ขอโทษนะนิตา ถ้าชาติหน้ามีจริงขอโอกาสพี่แก้ตัวได้ไหมครับ”
เขากอดรูปเธอไว้แนบอกราวกับมันเป็นสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิต ตอนนี้เขาไม่เหลืออะไรแล้ว ทรัพย์สินนอกกายไร้ค่าเมื่อไม่มีเธออีกต่อไป
เมฆสีเทาหม่นบดบังท้องฟ้าไว้จนมืดทึบ เหมือนโลกทั้งใบจงใจปิดบังแสงสว่างในวันแสนเศร้านี้...สายฝนเริ่มตกลงมาอย่างเงียบงัน หยดละอองเย็นเฉียบตกกระทบพื้นดินชุ่มเฉอะแฉะ ราวกับเป็นน้ำตาของฟ้าที่หลั่งไหลให้กับความสูญเสียครั้งนี้
“....”
ชินยืนอยู่หน้าประตูเตาเผาศพ เสื้อผ้าชุ่มโชกจากสายฝน แต่เขาไม่ได้ขยับ ไม่มีร่ม ไม่มีการหลบหนีจากความเปียกปอนนั้น เพราะในใจของเขามันเปียกปอนและแหลกสลายยิ่งกว่าสิ่งใด
ดวงตาเขาเหม่อลอยแต่เต็มไปด้วยความปวดร้าว โลงศพของเธอค่อย ๆ ถูกเลื่อนเข้าไปในเตา แสงไฟสีส้มแดงตัดกับความหม่นของท้องฟ้า มันดูขัดแย้งกัน...แต่กลับลงตัวเหมือนใจของเขาที่เต็มไปด้วยไฟเผาผลาญและความเย็นชาในเวลาเดียวกัน
สายลมเย็นพัดโชยเอื่อย ๆ ไปทั่วบริเวณฌาปนสถาน กลิ่นควันไฟจากเตาเผาศพจาง ๆ คลุ้งอยู่ในอากาศราวกับกลิ่นของการจากลา... เสียงใบไม้เสียดสีกันเบา ๆ ราวกับคร่ำครวญแทนใครบางคน
เขายืนมองโลงศพไม้สีซีดที่กำลังถูกเลื่อนเข้าสู่เตาเผา ดวงตาจับจ้องไปยังโลงนั้นราวกับหวังว่านั่นไม่ใช่เธอ
"อย่าเพิ่งไป...ได้ไหม..."
เขาพึมพำเบา ๆ ราวกับเสียงกระซิบให้กับใครคนหนึ่งที่ไม่ได้ยินอีกต่อไปแล้ว ไฟในเตาเริ่มลุกโชนแสงสีส้มแดงสะท้อนในดวงตาเขา ดั่งเปลวเพลิงที่กำลังแผดเผาวิญญาณของเขาไปพร้อมกัน เสียงฟืนแตกดังเปรี๊ยะ ๆ คล้ายเสียงร้องไห้ของคนที่ไม่มีน้ำตาให้ไหลอีกแล้ว
“ขอโทษ พี่ขอโทษ....”
เขาทรุดตัวลงคุกเข่าตรงนั้น มือกุมหน้าอกแน่น หายใจหอบเหมือนจะขาดใจตายตามไปอีกคน ส่วนหนึ่งของเขาได้ตายไปพร้อมกับเธอแล้ว แม้ร่างกายจะยังหายใจแต่เขารู้ดี
ว่ามันจะไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิม
ไม่มีวัน....
ถ้าวันนั้นเขาไม่พูดแบบนั้นออกไปเธอจะยังอยู่หรือเปล่า ถ้าเพียงเขาใจเย็นลงอีกนิดอย่างน้อยก็คงไม่เสียเธอไปทั้ง ๆ แบบนี้.....
“ไอ้ชิน กลับกันเถอะ”
เจตต์เข้ามาช่วยพยุงชินให้เดินออกมาจากหน้าเมรุ ตั้งแต่ที่ก้าวขาเข้ามาในที่แห่งนี้น้ำตาเขายังไม่เหือดแห้งลงแม้แต่วินาทีเดียว สายตาคมมองเปลวควันที่ลอยขึ้นไปบนฟ้าด้วยความเจ็บปวดก่อนที่เขาจะเห็นบางอย่างที่คุ้นตา
ร่างของหญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไกล ๆ ช่างคล้ายกับเธอราวกับเป็นคนเดียวกัน ชินสะบัดแขนออกจากมือเจตต์แล้วออกวิ่งไปท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำเทลงมา
“นิตา!!”
ร่างบางหันหลังแล้วเดินจากไปเหมือนไม่ได้ยินเสียงเรียกของเขา เมื่อชินมาถึงตรงเนินเล็ก ๆ ที่คิดว่าเห็นเธอเขากลับเจอแค่พศิณที่ยืนอยู่
“พศิณ”
“เราคงไม่มีเรื่องให้ต้องเจอกันอีกแล้ว หลังจากนี้ขอให้คุณมีความสุขกับอิสระที่ได้รับไปนะครับ”
ในมือเขาถือดอกลิลลี่สีขาวช่อใหญ่ที่เป็นดอกไม้โปรดของนิตาเอาไว้ เขาเดินเข้ามาหาชินก่อนจะยื่นมันให้กับอีกฝ่ายแล้วเดินลงเนินไปขึ้นรถที่จอดรออยู่
“โธ่เว้ย! โธ่เว้ย! โธ่เว้ย! ฮืออออ!!!”
เขาทรุดตัวลงท่ามกลางสายฝนที่ไหลริน สองมือกำแน่นทุบพื้นดินซ้ำ ๆ จนโคลนกระเซ็นมาเปื้อนตามตัวและใบหน้า น้ำตาเขาไหลแข่งกับสายฝนราวกับจะตอกย้ำลงไปจนถึงก้นบึ้งของจิตใจ
ว่าเธอจากไป....แล้วตลอดกาล....