“ขอบคุณสำหรับที่พักนะครับ บ้านคุณสวยมากคุณพศิณ”
“ครับ ด้วยความยินดี”
แม้ว่าระหว่างชินกับนิตาจะเคลียร์ใจกันเรียบร้อยแล้วแต่ระหว่างพศิณกับชินก็ยังคงมีท่าทีกระอักกระอ่วนต่อกัน พวกเขาพยายามพูดคุยกันให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ถึงจะยากก็ตามที
“นิรินอยากให้คุมลุงอุ้ม ฮึก”
“ไม่ร้องนะคะคนเก่ง คุณลุงไปรถอีกคันไงคะ”
“ไม่ให้ไปค่ะ คุมลุง คุมลุง~~~”
นิรินดิ้นดุ๊กดิ๊ก ๆ จะลงให้ได้จนนิตาต้องยอมย่อตัวลงแล้วปล่อยให้เธอเป็นอิสระ เธอวิ่งผ่านทุกคนไปหาพศิณแล้วเกาะขาเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“คุมลุง หนูจะไปด้วยนะ!”
“นิรินคะ เด็กดีต้องเชื่อฟังคุณแม่รู้ไหม?”
พศิณพยายามพูดให้เด็กหญิงตัวน้อยเข้าใจแต่เหมือนว่าจะไม่ได้ผล นิรินเริ่มงอแงหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนพศิณใจอ่อนต้องอุ้มเธอไว้แนบอก
“นิรินมาหาแม่นะคะ”
“ไม่อาว หนูจะไปกับคุมลุง”
เธอซุกหน้าเขากับซอกคอของพศิณ ทั้งสองมองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำยังไงต่อ เวลานิรินงอแงแม้แต่เธอก็เอาไม่อยู่
“งั้นนิตาไปรถคันเดียวกับลูกเถอะ พี่จะนั่งไปกับพรีมเอง”
ชินเสนอขึ้นมาเพราะไม่อยากให้ทุกคนลำบากใจ นิรินยังไม่คุ้นเคยกับเขาซึ่งก็พอจะเข้าใจได้
“จะดีเหรอคะ?”
“ไม่มีปัญหาครับ” ชินตอบ
“งั้นก็เอาตามนั้นค่ะ”
วันนี้เธอกับชินจะไปจัดการเรื่องเอกสารกันที่กรุงเทพและตั้งใจจะพานิรินไปด้วยเพื่อให้พ่อลูกได้ใกล้ชิดกันแต่เรื่องดันกลายเป็นแบบนี้ไปซะงั้น
“ไปกันเถอะครับ เดี๋ยวสายกว่านี้รถจะติด”
แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพ โดยที่ นิตาไปกับพศิณและนิริน ส่วนชินก็ไปกับพรีม เขาไม่ลืมทิ้งข้อความบอกเจตต์เกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นด้วย
“งั้นเดี๋ยวไปเจอกันที่นู่นเลยนะครับ พรีมขับรถดี ๆ ล่ะ”
“รู้แล้วน่าพี่ ไปนะ”
ทุกคนต่างพากันแยกย้ายเดินทางและจะไปเจอกันที่จุดหมาย พศิณรับหน้าที่ดูแลนิรินให้ระหว่างที่นิตาไปจัดการเรื่องต่าง ๆ กับชิน
“เฮ้ออ หนีไปได้ตั้งสองปี พี่นะพี่ ใจอ่อนง่ายจริง ๆ”
เนเน่ที่แวะมาเล่นกับหลานอดบ่นออกมาไม่ได้ เธอรู้เรื่องทั้งหมดตั้งแต่แรกแล้วแต่ก็ไม่ได้ขัดอะไรนิตาเพราะถือว่านั่นเป็นเรื่องของพี่สาวเธอ
“เอาน่า เขากลับมาหากันรอบนี้ดูจะดีกว่ารอบที่แล้วนะ พี่เชื่อว่านิตาจะมีความสุข”
“แล้วพี่ล่ะ พี่ศิณ”
“....”
“เนเน่รู้นะว่าพี่ชอบพี่นิตา จะปล่อยไว้แบบนี้จริง ๆ เหรอ พี่จะไม่เสียใจทีหลังใช่ไหม?”
คราวนี้เป็นพศิณที่เงียบไปบ้าง ไม่แปลกหรอกที่เนเน่จะรู้เรื่องนี้ เธอช่างสังเกตกว่าที่เขาคิดไว้มาก
“เรื่องของพี่กับนิตาคงเป็นไปไม่ได้หรอก นิตารักคุณชินมาตลอดไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้”
“พี่แน่ใจเหรอ?”
“....ไม่คุยแล้วดีกว่า นิรินไปกินเค้กกันไหมครับ?”
พศิณเลี่ยงคำถามของเนเน่ด้วยการหันไปคุยกับหลานสาวตัวน้อยที่กำลังเล่นตุ๊กตาตัวโปรดก่อนจะอุ้มเธอเดินไปอีกห้อง
“เฮ้ออ นี่ก็อีกคน ไม่คุยกันแล้วก็เข้าใจผิดกันไปใหญ่โต น่าเบื่อกันจริง ๆ”
»»»»««««
ภายในห้องประชุมเล็กของที่ว่าการอำเภอ อากาศเงียบสงบอบอวลด้วยกลิ่นกระดาษและน้ำหมึก เสียงพัดลมเพดานหมุนช้า ๆ
“เรื่องนิรินต้องขอโทษด้วยนะคะพี่ชิน”
นิตาเอ่ยเสียงเรียบแผ่วแต่แฝงด้วยความรู้สึกผิดที่ฝังลึก ชินพยักหน้าเบา ๆ ก่อนวางปากกาลงหลังเซ็นชื่อลงบนแบบฟอร์มรับรองบุตร
“พี่เข้าใจครับ ค่อยเป็นค่อยไปก็ได้”
ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความเข้าใจที่ผ่านกาลเวลาและความผิดหวังมานับไม่ถ้วน เขาไม่เคยเจอเธอตลอดสองปีก็ไม่แปลกที่ลูกจะไม่อยากเข้าหา
“นิรินไม่ผิดหรอก...ลูกแค่ต้องการเวลา”
ถัดจากนั้น เจ้าหน้าที่อำเภอผลักเอกสารชุดใหม่มาให้ เป็นชุดใบหย่าที่เธอกับชินตกลงกันไว้ว่าจะจัดการให้จบในวันนี้ เธอไม่อยากยื้อเวลาไปอีกแม้แต่นิดเดียวเพราะได้ตัดสินใจลงไปแล้ว
เมื่อเธอเซ็นเสร็จและส่งคืนให้เจ้าหน้าที่ เธอก็หันไปสบตาชินอีกครั้ง แม้จะสัมผัสได้ถึงความเสียใจจากดวงตาของเขาแต่นี่คือสิ่งที่เธอเป็นคนเลือกและเขาก็ไม่อาจเปลี่ยนใจเธอได้
“เราคงไม่ได้รักกันแบบนั้นอีกแล้ว...” เธอพูดตรงไปตรงมาอย่างไม่หลบสายตา พยายามทำให้เขารู้สึกแย่ให้น้อยที่สุด
“แต่เรายังเป็นพี่น้องกันได้เสมอ...แล้วก็เป็นพ่อแม่ที่ดีให้กับนิรินด้วย”
ชินพยักหน้าอีกครั้งสีหน้ายังคงสงบนิ่ง แค่เธอให้โอกาสเขาได้ดูแลลูกมันก็มากพอแล้ว เขาไม่หวังอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว
“พี่ก็คิดเหมือนกัน เราทำดีที่สุดแล้วและต่อจากนี้...เราก็จะยังทำดีที่สุดเพื่อนิริน”
“เพื่อลูกของเรา”
“ใช่....เพื่อลูกของเรา”
ในห้องเงียบ ๆ ที่มีเพียงเสียงนาฬิกาเดินช้า ๆ เสียงหัวใจของทั้งสองก็ผ่อนจังหวะลงเช่นกัน ไม่มีคำสัญญา ไม่มีการย้อนกลับไปหาความรู้สึกเดิมแต่ทุกอย่างเต็มไปด้วยความจริงใจ
แม้สถานะสามีภรรยาจะสิ้นสุดลงไปแล้วแต่พวกเขาก็ตั้งใจว่าจะทำหน้าที่พ่อและแม่ให้ดีที่สุด อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็ยังคงเป็นพี่น้องกันได้
“งั้นพี่ไปก่อนนะ ต้องไปเคลียร์งานอีกเยอะเลย”
“ค่ะ ไว้นิตาจะพาลูกไปหานะคะ”
“ครับ”
นิตาเดินกลับไปขึ้นรถที่พศิณให้เอามาด้วยเพื่อไปหาลูกสาวของเธอส่วนชินก็ไปกับพรีมที่จอดรถรออยู่นานสองนาน
“ไปกันเถอะครับ งานน่าจะรออีกเพียบเลย”
“คุณชินใช้งานเลขาได้คุ้มมากค่ะ มีค่าโอทีไหมคะ?”
จากที่เมื่อกี้กำลังเศร้าเพราะเพิ่งจนทะเบียนหย่ามาชินถึงกับหลุดขำออกมา นอกจากจะไม่บ่นที่ต้องพาเขาไปไหนมาไหนแล้วยังกล้าขอโบนัสอีก
“ผมจะให้ค่าเสียเวลาแยกต่างหากครับ รับรองว่าคุ้มแน่ ๆ”
“โอ๊ะ! งั้นยินดีเลยค่ะเจ้านาย ไปไหนต่อดีคะ แวะกินข้าวก่อนไหม?”
“ฮ่า ๆ พรีมคุณนี่ตลกชะมัดเลย ผมชักชอบแล้วสิ!”
“คุณก็พูดไปเรื่อย สรุปจะหาอะไรกินก่อนไหมคะ?”
“งั้นก็ได้ครับ อยากกินอะไรพาไปเลย ผมเลี้ยงเอง”
“พูดแล้วนะคะ กลับคำไม่ได้นะ”
พรีมทำเสียงจริงจังพลางจ้องตาเขาอย่างคาดคั้นและพอชินพยักหน้าเธอก็ฉีกยิ้มกว้างออกมา
“งั้นไปกันเลยค่ะ ฉันมีของที่อยากกินเยอะเลย!”
รถหรูเคลื่อนตัวออกจากที่ว่าการอำเภอแล้วมุ่งตรงไปยังร้านอาหารที่เธออยากทาน ในเมื่อมีคนอาสาเป็นคนเลี้ยงเรื่องอะไรเธอจะยอมปล่อยผ่าน
“ที่นี่เหรอครับ?”
“ใช่ค่ะ อยากลองกินดูสักครั้ง เข้าไปกันเถอะ”
ชินก้มมองฝ่ามือเล็ก ๆ ที่เอื้อมมาจับมือเขาด้วยความรู้สึกแปลก ๆ เธอคงลืมตัวเลยเผลอทำแบบนี้ลงไปแต่ที่น่าแปลกคือเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีเลยแม้แต่นิดเดียวกลับกันมันดันอบอุ่นอย่างน่าประหลาด
ผู้หญิงคนนี้เป็นคนยังไงกันแน่? บางทีเธอก็ดูเหมือนจะโต กว่าอายุจริง ๆ แต่บางครั้งก็ชอบทำเหมือนตัวเองเป็นเด็ก ๆ ซะงั้นและบางครั้งก็ดูเคร่งขรึมจนน่าตกใจ
เป็นคนที่มีอะไรให้แปลกใจตลอดเลย....
ชินคิดในใจแล้วยอมให้เธอจูงมือไปจนถึงโต๊ะอาหาร ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบ ๆ ร้านด้วยความตื่นเต้นเหมือนคนเพิ่งมาครั้งแรก
“เพิ่งเคยมาเหรอครับ?”
พรีมพยักหน้าเล็กน้อยแล้วรับเมนูจะพนักงานเสริฟมาดู ถึงจะบอกว่าอยากลองกินแต่เอาเข้าจริงเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอาหารฝรั่งเศสเลย
“เอ่อ.....”
“เดี๋ยวผมสั่งให้ดีกว่า ไม่แพ้อะไรใช่ไหม?”
“อ้อ ค่ะ....”
เมื่อเห็นท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ของเธอชินเลยอาสาเป็นคนสั่งอาหารให้ เขาสั่งมาหลายอย่างและมันก็ดูน่ากินมาก ๆ
“น่าอร่อยมากเลยค่ะ”
“ถ้างั้นก็กินเยอะ ๆ ครับ มื้อนี้ผมเลี้ยงเต็มที่เลย”
“งั้นไม่เกรงใจแล้วนะคะ”
ทั้งสองเริ่มลงมือทานอาหารไปด้วยกันแต่คนที่กินแบบจริงจังก็มีแค่พรีมเท่านั้น ส่วนชินก็สั่งไวน์มาดื่มไปพลาง ๆ เขาแอบมองท่าทางมีความสุขของคนตรงหน้าแล้วแอบยิ้มเล็ก ๆ ออกมา
ไม่อยากจะเชื่อว่าจะยังมีคนที่มีความสุขเพียงเพราะได้กินของอร่อย ๆ แค่มื้อเดียวแบบนี้ เงินเดือนที่เขาจ่ายให้เธอก็ไม่น้อย เธอเอามันไปทำอะไรหมดกันแน่
“จะว่าไป เงินเดือนที่ผมให้พอใช้ไหมครับ?”
“คะ? อ้อ ก็พอนะคะ”
“งั้นเหรอครับ....”
พรีมก้มหน้าก้มตากินของหวานต่อโดยไม่ยอมเงยหน้ามองเขาแม้แต่นิดเดียว ดูเหมือนว่าคำถามของเขาคงไปสะกิดอะไรบางอย่างของเธอเข้าอย่างจัง
ประธานหนุ่มเลยตัดสินใจไม่ถามต่อ เขาสั่งของหวานมาเพิ่มให้เธอแล้วเริ่มลงมือทานส่วนของตัวเองบ้าง บรรยากาศในโต๊ะกลับมาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะแห่งความสุขอีกครั้ง
“คิก คิก อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ”
“ชอบก็ดีแล้วครับ ไว้ผมจะพามาอีกถ้ามีโอกาส”
“รอบเดียวก็คุ้มเกินคุ้มแล้วค่ะ เรากลับไปทำงานกันเลยดีไหมคะ?”
“นั่นสินะครับ ไปกันเถอะ”