จะเรียกว่าเขาหัวดื้อหรือไม่ยอมแพ้ดีล่ะ แววตาเขาสื่อถึงความจริงจังและไม่หวั่นไหว ทุกคำที่เขาพูดล้วนออกมาจากใจจริง
“ฉัน....”
น่าแปลกที่นิตาเองก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดมากขนาดนั้นอาจเพราะพศิณไม่ได้กดดันหรือทำอะไรที่มันเกินขอบเขตไปมากกว่านี้ เธอแค่ไม่อยากให้คนดี ๆ อย่างเขาเสียเวลาไปกับเธอเท่านั้นเอง
“ฉันไม่อยากให้คุณเสียเวลากับฉัน”
“ผมยินดีที่จะรอครับ”
เขายังยืนยันคำเดิมด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและไร้ความลังเลแต่ถึงจะอย่างนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีเกินไปกว่านั้น นิตาลอบถอนหายใจเบา ๆ แล้วตัดสินใจบอกไปตรง ๆ
“คุณพศิณคะ ฉันรักสามีของฉันมากแม้เขาจะไม่รักฉันก็ตามที เขาเป็นรักแรกและคงเป็นรักสุดท้ายด้วย ฉันเป็นเพื่อนกับคุณได้ค่ะแต่ถ้ามากกว่านั้นคงไม่มีวันเป็นไปได้”
“.....”
ในตอนนั้นนิตาเห็นประกายความเสียใจในดวงตาอ่อนโยนคู่นั้นก่อนมันจะจางหายไป พร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่นที่ส่งมาให้เธอและคำพูดต่อไปของเขาที่ทำนิตารู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีจะเป็นเพื่อนคุณได้แค่นั้นก็ดีพอแล้ว”
“คุณพศิณ”
“ผมแค่ไม่อยากเห็นคุณตอนเศร้า ถ้าคุณไม่มีใครให้ระบายก็คุยกับผมได้ตลอด ผมจะอยู่ในที่ของตัวเองจะไม่ก้าวก่ายและวุ่นวายกับคุณเกินกว่าหน้าที่เพื่อน สัญญาเลยครับ”
นิ้วก้อยเรียวสวยชูมาตรงหน้าเธอพร้อมกับน้ำเสียงที่อ่อนโยน นิตาที่รู้สึกว่าตัวเองได้ทำร้ายคนดี ๆ เข้าให้แล้วไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไงต่อไปดี
“ไม่เป็นไรครับ อย่าคิดมากนะ”
เธอลังเลอยู่นานมากกว่าจะยอมยกนิ้วก้อยมาเกี่ยวกับเขา พศิณยิ้มรับด้วยความดีใจพร้อมกับพาเธอเดินชมสวนดอกไม้ไปเรื่อย ๆ
แม้เขาจะบอกว่าชอบเธอแต่พศิณกลับไม่ได้ทำอะไรให้นิตารู้สึกอึดอัดหรือเกินเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขาเป็นเหมือนเพื่อนที่พูดคุยได้ทุกเรื่องจริง ๆ
“ขอบคุณมากนคะที่พามาชมดอกไม้ ที่นี่สวยจริง ๆ ค่ะ”
“ไว้รอบหน้าค่อยมาใหม่ก็ได้ครับ แต่วันนี้ผมว่าเรากลับกันก่อนดีกว่า”
“ค่ะ”
หลังจากนั้นพศิณก็พาเธอมาส่งและขอตัวกลับก่อนเพราะเห็นว่ามีธุระต่อ นิตายืนมองท้ายรถของเขาจากไปด้วยความคิดหลายอย่างที่ตีกันในหัวแล้วหันหลังกลับเข้าบ้านไป
มือบางหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ามากดดูแต่ก็พบว่ามันยังไม่มีแจ้งเตือนเหมือนเดิม หน้าจอว่างเปล่าเหมือนความรู้สึกในใจของเธอไม่มีผิด
“คาดหวังอะไรอยู่กันนะ ตัวเราน่ะ”
เธอจัดการพิมพ์ข้อความไปหาชินก่อนจะกดล็อคหน้าเอาไว้พลางสูดหายใจเข้าลึก ๆ เธอตัดสินใจได้แล้วว่าควรจะทำยังไงกับความสัมพันธ์ที่กำลังจะจบนี้ดี
“นิตาเหนื่อยแล้วค่ะพี่ชิน เหนื่อยจนไม่อยากทำอะไรอีกต่อไปแล้ว”
»»»»««««
ชินที่ตอนนี้กำลังอยู่ในงานเลี้ยงหลังการสัมมนาก็กำลังพูดคุยกับนักธุรกิจคนอื่นอย่างออกรสออกชาติ เขาหัวเราะออกมาเต็มเสียงดูราวกับมีความสุขมาก
“ผมได้ข่าวว่าคุณชินแต่งงานแล้วไม่ใช่เหรอครับ ผมไม่เห็นภรรยาคุณเลย”
มือหนาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะวางแก้งน้ำสีอำพันลงบนโต๊ะ ชินตอบด้วยเสียงราบเรียบและไร้อารมณ์ใดจะสื่อออกมา
“เธอยุ่งครับเลยไม่ได้มาด้วย”
“เสียดายนะครับ ตอนผมไปเจรจาธุรกิจสมัยคุณชีวินยังอยู่เธอทำงานเก่งมาก”
“นั่นสิครับ ผมได้ข่าวว่าเธอออกจากตำแหน่งในบริษัทคุณแล้วด้วยไม่ใช่เหรอครับคุณชิน?”
“ครับ”
อยู่ดี ๆ บทสนทนาบนโต๊ะก็กลายเป็นหัวข้อของนิตาไปซะงั้น ชินพยายามทำสีหน้าให้ปกติแล้วเออออไปกับคนในโต๊ะและหลังจากผ่านไหสักพักเขาก็ขอตัวกลับที่พักก่อน
“ผมขอกลับไปพักก่อนนะครับ”
“งั้นไว้เจอกันงานหน้านะครับ คุณชิน”
“ครับ”
ร่างสูงเดินออกจากงานแล้วกลับขึ้นห้องพักที่เลขาจองไว้ให้ โทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อลั่นเล็กน้อยก่อนจะเงียบไปเหมือนเดิม ชินหยิบมันออกมาดูอย่างไม่ใส่ใจแล้วชะงักนิ่งไปชั่วครู่กับสิ่งที่นิตาส่งมา
‘วันนี้เป็นวันครบรอบที่พ่อกับแม่นิตาเสีย นิตาเลยอยากถามว่าพี่จะไปด้วยกันไหมแต่ดูแล้วพี่คงยุ่งกับ ‘ธุระ’ ของตัวเองอยู่สินะคะ นิตาจะไม่รบกวนพี่แล้วค่ะ ขอโทษที่ทำให้รำคาญนะคะ’
เขาลืมไปสนิทเลยว่ามันนี้ครบรอบวันเสียชีวิตของพ่อและแม่ของนิตา ชินไม่ได้บอกเธอว่ามาสัมมนาที่ต่างจังหวัด ไม่สิต้องบอกว่าเขาไม่ได้บอกอะไรเธอเลยต่างหาก
แถมตอนที่เธอทักมาเขาก็ตอบไปว่ารำคาญซะงั้น....
“เวรเอ้ยย”
เขาสบถออกมาด้วยความหัวเสียแต่จะมารู้สึกแย่เอาป่านนี้ก็คงไม่ทัน ตอนนี้ดึกมากแล้วและนิตาก็คงนอนไปแล้วด้วย
“ไว้กลับไปค่อยขอโทษดีไหมนะ.....”
ชินได้แต่คิดแบบนั้นโดยไม่รู้เลยว่าโอกาสของเขากำลังจะหมดลง เขาเข้านอนตามปกติแม้จะรู้สึกผิดเล็กน้อยก็ตามที
ด้านนิตาเองก็เข้านอนและตื่นเช้ามาใช้ชีวิตตามปกติ เธอไม่ได้ส่งข้อความหรือโทรไปหาชินอีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่กลับออกจากบ้านไปทำงานตามปกติ
“สวัสดีครับคุณนิตา”
“สวัสดีค่ะ คุณพศิณ”
เธอยิ้มให้กับประธานหนุ่มแล้วก้มหน้าทำงานต่อพอสาย ๆ เธอก็ขอเข้าพบเขาเป็นการส่วนตัว
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เชิญครับ”
“คุณพศิณค่ะ”
“อ้าว คุณนิตาว่ายังไงครับ?”
“คือเที่ยงนี้ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณค่ะ พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”
พศิณวางปากกาในมือลงพลางทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้าตกลง
“ได้สิครับ งั้นเราไปกันเลยไหม?”
เขาพูดแล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะกระชับสูทให้เข้าที่ นิตาก็ไม่ได้ขัดอะไร เธอกลับมาที่โต๊ะแล้วหยิบกระเป๋าคู่ใจไปด้วย
“มื้อนี้ฉันขอเลี้ยงนะคะ”
“ยินดีครับ”
ทั้งสองมุ่งหน้าตรงไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่งที่นิตาได้จัดการจองเอาไว้ บรรยากาศในร้านออกไปทางสไตล์ยุโรปและอาหารก็เป็นอาหารอิตาเลี่ยนด้วย
“ผมเพิ่งรู้ว่าคุณชอบอาหารอิตาเลี่ยน”
พศิณพูดขึ้นมาขณะนั่งรออาการด้วยกัน คำพูดของเขาทำให้นิตาเผยรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก
“ฉันค่อนข้างชอบค่ะแค่ก็ไม่ได้กินบ่อย นาน ๆ จะได้กินที”
“งั้นเหรอครับ”
พศิณหาเรื่องต่าง ๆ มาชวนเธอคุยไปเรื่อยทำให้บรรยากาศในโต๊ะไม่อึดอัดเลยแม้แต่นิดเดียว จนกระทั่งอาหารในจานเริ่มหมดลงนิตาก็เข้าเรื่องที่คิดไว้ทันที
“ฉันมีเรื่องอย่างให้คุณช่วยค่ะ”
“เชิญว่ามาได้เลยครับ”
“-----------”
นิตาพูดสิ่งที่คิดออกมาช้า ๆ และไม่เร่งรีบ ใบหน้าของพศิณฉายแววแปลกใจมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่นิตาก็ยังคงไม่หยุดพูด
“คุณอยากทำแบบนั้นจริง ๆ เหรอครับ?”
“ค่ะ ฉันคิดมาดีแล้ว แต่คงไม่ใช่เร็ว ๆ นี้”
“....”
เขามองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตาทึ่ง ๆ เธออาจไม่ได้ดูเข้มแข็งมากเท่าที่คิดแต่เธอก็ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น สิ่งที่เธออยากให้เขาช่วยให้ตายก็คงไม่มีใครสงสัยแน่ ๆ
“งั้นผมจะช่วยคุณทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ครับ”
“ขอบคุณมากนะคะ คุณพศิณ ถ้าเรื่องนี้สำเร็จฉันจะไม่รบกวนคุณอีก”
“ไม่หรอกครับ ไม่ได้รบกวนอะไรเลย”
ทั้งสองนั่งคุยกันอีกพักใหญ่ก่อนจะพากันกลับไปทำงาน ต่างคนต่างไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ร้านอาหารอีกเลย นิตาเองก็รู้สึกสบายใจมากขึ้นที่ได้ปรึกษากับพศิณ
“เลิกงานได้แล้วครับทุกคน”
น้ำเสียงทุ้มที่เต็มไปด้วยความขี้เล่นเอ่ยขึ้นพร้อมกับเสียงโห่ร้องดีใจของพนักงานในออฟฟิศแม้แต่นิตาเองก็ยังอดยิ้มตามไม่ได้
“วันนี้วันศุกร์นะครับ กลับไปหาครอบครัวกันได้แล้ว”
“ค่ะ/ครับ คุณพศิณ”
“ขอให้เป็นวันหยุดที่ดีนะครับ เจอกันวันจันทร์”
พนักงานต่างทยอยพากลับเดินทางกลับบ้านนิตาเองก็เช่นกัน เธอขับรถออกจากบริษัทด้วยใบหน้าที่นิ่งเรียบ โทรศัพท์มือถือยังคงนิ่งและไร้ข้อความตอบกลับจากคนที่ได้ชื่อว่าสามี แต่แล้วเธอก็ได้คำตอบว่าทำไม
เพราะเมื่อเปิดประตูบ้านเข้ามาร่างสูงโปร่งก็นั่งรออยู่ก่อนแล้ว สายตาคมหันมองตามเสียงและเจอเขากับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่สวย มันดูนิ่งเรียบและไร้ความรู้สึกกว่าครั้งล่าสุดที่เขาได้เห็นมาก มันทำให้เขาอดกลัวลึก ๆ ในใจไม่ได้ กลัวอะไรบางอย่างที่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจ.....
“.....”
“.....”
นิตายืนจ้องหน้าชินที่กำลังนั่งรออย่างไม่เชื่อสายตาว่าเขาจะกำลังรอตัวเองอยู่ ชินเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับเธอดี ต่างฝ่ายต่างเงียบจนในห้องมีแต่ความอึดอัด
“กลับมาแล้วเหรอ”
“ค่ะ”
เขากระแอมเล็กน้อยแล้วหันหน้าหนีไปอีกทางราวกับไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี ถ้อยคำที่อยากพูดออกมาถูกทิฐิของตัวเองกดเอาไว้จนพูดไม่ออก
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวนะคะ นิตาเหนื่อย”
เธอพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าเขายังคงทำตัวนิ่ง ๆ แล้วหันหลังเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น ชินได้แต่มองตามแผ่นหลังของคนที่ได้ชื่อว่าภรรยาไป นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เขามองเธอแบบเต็มตา
แม้นิตาจะยังเหมือนเดิมแต่เขาก็รับรู้ได้ถึงความซูบผอมที่อยู่ใต้เสื้อผ้า แขนเล็ก ๆ นั่นถ้าเขาจับแรงเกินไปมันอาจหักคามือเลยก็ได้
“เธอผอมขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน....”