ติ่ง!
น้ำตาล : ถ้าไม่ไหวก็ถอยออกมา อย่าฝืน ฉันมองจากตรงนี้ยังดูออกว่าเฮียไคไม่ได้สนใจแกเลยแพร
แพรวา : ฉันถอยไม่ได้แล้วตาล
น้ำตาล : ทำไมอะ?
แพรวา : แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบแพ้ให้ใคร เพราะฉะนั้น ฉันจะต้องชนะหัวใจที่แข็งกระด้างของเฮียไคให้ได้!
น้ำตาล : แต่ฉันเล่าทุกอย่างให้ยัยเพอร์รู้แล้วนะว่าเฮียไคเป็นใคร แล้วเรื่องที่มันท้าแกเมื่อกี้ มันบอกว่าถอยออกมาก็ได้มันไม่เล่นแล้ว
แพรวา : บอกยัยเพอร์ไป ว่าไม่ต้องเป็นห่วงฉัน ถึงมันจะไม่เล่นแล้วแต่ฉันจะเล่น ยังไงฉันก็จะไม่ยอมแพ้เฮียไคแค่นี้หรอก ฉันจะจีบจนกว่าเฮียมันจะยอมเป็นแฟนฉันเว้ยตาล
น้ำตาล : แกมันดื้อแพ่งอะยัยแพร เฮ้อ เอาเถอะงั้นแล้วแต่แกละกัน แต่คืนนี้มันดึกแล้ว เฮียรบส่งข้อความว่าให้กลับได้แล้ว ไปกันเถอะ
แพรวา : กลับก่อนเลย เดี๋ยวฉันหาทางกลับเอง
น้ำตาล : ยัยแพร!!!
พอฉันตอบข้อความสุดท้ายของเพื่อนเสร็จก็แอบหันไปโบกมือให้เพื่อนพร้อมไล่ให้พวกมันสองคนกลับไปก่อน ซึ่งยัยน้ำตาลที่เห็นว่าฉันโบกมือไล่ให้พวกมันกลับไปก่อนก็เลยยืนแยกเขี้ยวใส่ฉันพร้อมทำปากด่าอะไรฉันสักอย่างนี่แหละก่อนจะยอมเดินหน้าตึงออกไปจากผับในที่สุด
ฉันที่เห็นว่าเพื่อนกลับไปแล้วก็เลยหันกลับมาทางเดิมอีกครั้ง แต่จังหวะที่หันกลับมานั้นสายตาของฉันดันปะทะเข้ากับสายตาของเฮียไคโรที่กำลังจ้องมองที่ฉันพอดี ทำเอาฉันสะดุ้งเกือบหัวใจวายเลยทีเดียว
ก็ดูสายตานิ่งๆ กับหน้านิ่งๆ นั่นที่กำลังจ้องฉันตอนนี้เอาเถอะ น่ากลัวชะมัด
"กำลังคิดจะทำอะไร ไล่เพื่อนให้กลับก่อนทำไม" เฮียไคเห็นได้ไงว่าฉันไล่เพื่อนให้กลับก่อน ไฟตรงนี้ก็ไม่ได้สว่างมากนะแถมฉันก็แอบโบกมือไล่ด้วย ไม่ได้ไล่อย่างโจ่งแจ้งสักหน่อย แต่เอาเถอะถ้าเขาเห็นแล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องซ่อนหรือแอบอะไร
บอกกันไปตรงๆ เลยละกัน
"ก็ได้ แพรบอกเฮียตรงๆ ก็ได้ แพรอยากกลับบ้านกับเฮียอะ"
"ก็บอกไปแล้วไง ว่ารถฉันไม่ใช่แท็กซี่ อยากกลับก็หาทางกลับเอาเอง"
พรึบ!
ว่าจบร่างสูงตรงหน้าฉันเขาก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงจากนั้นก็เดินผ่านหน้าฉันออกไปทันที ทำเอาฉันถึงกับนั่งอ้าปากพะงาบๆ ไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียวที่ถูกเมินได้เจ็บทรวงอกขนาดนี้ กว่าจะตั้งสติได้เฮียไคก็เดินหายวับลงบันไดไปแล้ว ฉันที่เห็นแบบนั้นก็เลยต้องรีบลุกขึ้นวิ่งตามเจ้าของร่างสูงหนึ่งร้อยแปดสิบแปดของเฮียไคทันที
ฝ่าฟันผู้คนที่ยืนเบียดเป็นปลากระป๋องตามทางเดินอย่างทุลักทุเลก็สามารถพาตัวเองออกมาจากผับจนได้ ก่อนจะเห็นร่างสูงแวบๆ ของเฮียไคกำลังเดินไปทางลานจอดรถวีไอพีซึ่งมีรถปอร์เช่คันสีดำดุดันจอดอยู่ตรงนั้นสามคัน แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นต้องมีรถของเจ้าของร่างสูงที่กำลังจะเดินถึงตัวรถจอดอยู่ด้วยแน่นอน ฉันที่เห็นแบบนั้นก็เลยต้องรีบวิ่งบนรองเท้าส้นสูงสองนิ้วไปยังรถที่ว่าอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เจ้าของรถจะได้ขึ้นไปนั่งแล้วขับออกไป
ฟึบ!
แฮ่กๆ เหนื่อย เหนื่อยมาก แต่ยังดีที่ฉันวิ่งมาถึงประตูรถของเฮียไคได้ทันท่วงทีได้สำเร็จ ทำให้เจ้าของรถที่กำลังเปิดประตูรถเตรียมจะเข้าไปนั่งถึงกับหยุดชะงักมองมาที่ฉันเลยทีเดียว
"ให้แพรกลับด้วยเถอะนะ...เฮีย" ร้องขอไปหายใจหอบไป ฉันจะบ้าตาย มันเหนื่อยมากหายใจแทบไม่ทันเลยอะ โอ๊ย!
"ก็บอกไปแล้ว ว่าให้หารถกลับไปเองไง ฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องหรือไง"
"แพรฟังรู้เรื่องค่ะ แต่แพรอิกนอ แพรไม่สนเพราะแพรจะกลับกับเฮีย" ตอบเสร็จฉันก็ไม่ยืนเฉยรอให้เฮียไคได้พูดแสกหน้าฉันกลับ ฉันรีบก้มลงถือวิสาสะเข้าไปนั่งในรถอย่างรวดเร็วพร้อมดึงเข็มขัดนิรภัยเซฟตัวเองอย่างเรียบร้อย รอเจ้าของรถที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเข้ามานั่งต่อ แต่เฮียไคโรเขาไม่ขึ้นรถค่ะ เขาเลือกที่จะย่อตัวลงแล้วพูดกับฉันที่นั่งอยู่ในรถว่า...
"รอบนี้ฉันจะไม่โยนเธอลงจากรถก็ได้ แต่ถ้ารอบหน้ามีแบบนี้อีก ฉันจะไม่เสียเวลาพูดละกัน" ขู่จบเท่านั้นแหละ เฮียแกก็ขึ้นมานั่งบนรถ สตาร์ทรถเสร็จก็ขับออกไปสู่ถนนใหญ่มุ่งหน้ากลับคอนโดแบบดุดันทันที
โดยที่ระหว่างทางเฮียแกไม่ปริปากพูดอะไรกับฉันสักคำ สายตาคมดุนั่นจ้องถนนตรงหน้าอย่างเดียว ส่วนหน้าหล่อๆ นั่นก็นิ่งเงียบจนฉันนึกว่าเป็นรูปปั้นกรีกโรมันกำลังขับรถซะอีก
เฮ้อ ~ งานหินชัดๆ ฉันแทบมองไม่เห็นหนทางที่จะทำให้ผู้ชายข้างๆ หันมาสนใจฉันได้เลยสักนิด เขานิ่งมาก นิ่งจนฉันคาดเดาอะไรไม่ได้เลย แล้วแบบนี้ฉันจะจีบยังไงวะเนี่ย!
"เฮีย...เฮียเคยมี..."
"ถ้าไม่อยากลงระหว่างทาง ก็นั่งเงียบๆ ไป"
อุ๊บ! ดุ ดุชิบเป๋งเลย นี่คนหรือพิทบูลว่ะเนี่ย ชวนคุยก็ไม่ได้หรือไงเล่า
พอโดนสั่งห้ามไม่ให้พูด ฉันก็ได้แต่นั่งเงียบไม่กล้าปริปากพูดออกไปแม้แต่คำเดียวไปเลย ได้แต่นั่งนิ่งมือประสานกันบนตักอย่างเงียบๆ กับบรรยากาศในรถที่เงียบสนิท เงียบชนิดที่ว่าแม้แต่จะหายใจเข้าออกฉันยังเกร็งอะคิดดูเอาละกัน
เฮ้อ อึดอัดชะมัด!
.
.
.
อาร์โนคอนโด
ปึก/ปึก
เสียงปิดประตูรถดังขึ้นพร้อมกัน หลังจากที่ฉันกับเจ้าของรถได้ลงจากรถที่จอดนิ่งสนิทบนชั้นจอดรถส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว ใช่ค่ะ ตอนนี้เราสองคนกลับมาถึงคอนโดเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้ก็กำลังจะขึ้นไปบนชั้นที่เราพักอาศัยกัน
ฉันยังไม่ได้บอกใช่ไหมว่าคอนโดที่ฉันกับเฮียไคโรอาศัยอยู่ตอนนี้เป็นคอนโดของแม่เฮียมาร์ติน พวกเราทั้งหมดที่เป็นลูกหลานของกลุ่มพ่อแม่ที่เป็นเพื่อนสนิทกันจึงได้รับสิทธิพิเศษให้อาศัยอยู่ที่นี่ได้ฟรีตลอดชีพไปเลย โดยที่ชั้นบนสุดคือชั้นของเฮียมาร์ตินกับพี่พราวฟ้า รองลงมาคือห้องของพี่ลูกพีชกับเฮียนักรบ ต่อมาก็เป็นชั้นของเฮียไคโรผู้เป็นญาติของเฮียมาร์ติน เขาเหมาชั้นนั้นไว้คนเดียว แถมชั้นนั้นเขารีโนเวททำใหม่ลิฟต์เปิดปุ๊บก็เข้าห้องตัวเองได้เลยด้วย
แต่มีข้อแม้ว่าต้องใช้การ์ดของเฮียไคโรคนเดียวเท่านั้นนะถึงจะจอดชั้นของเขาได้ เป็นไงล่ะหรูหราหมาเห่ามากเลยใช่ไหม ใช่ค่ะหรูหรามากและหรูหรากว่าห้องลูกเจ้าของคอนโดอีกด้วย ส่วนถัดมาก็เป็นห้องของพวกฉันสามคน คือน้ำตาล ฉัน แล้วก็พีพีน้องชายพี่ลูกพีช และชั้นอื่นๆ ถัดมาก็เป็นห้องของลูกค้าคนอื่นๆ ที่ซื้อไว้เพื่ออาศัยอยู่
"ถึงชั้นของเธอแล้ว ออกไปได้แล้ว" เฮียไคพยักพเยิดหน้าไปทางประตูลิฟต์ที่เปิดออก เมื่อถึงชั้นที่ฉันต้องลงแล้ว แต่...
"ไม่ออกค่ะ" ใช่แล้วค่ะ ฉันไม่ออก ฉันยืนนิ่งพร้อมกับตอบเสียงแข็งอย่างยืนหยัดชัดเจนว่าจะไม่ออกเด็ดขาด เพราะ...ฉันจะขึ้นไปบนห้องของเฮียไคโรด้วยไงล่ะ ก็ในเมื่อไม่รู้ว่าจะเข้าหาด้วยวิธีไหนได้สำเร็จ ฉันก็ต้องใช้วิธีนี้อีกวิธีนี่แหละ
"ถามหน่อยเถอะ เป็นอะไร จู่ๆ ก็พุ่งตัวเข้ามาหาฉัน ทั้งๆ ที่ผ่านมาเธอแทบจะไม่เฉียดกายเข้ามาใกล้ฉันเลยด้วยซ้ำ" เฮียไคโรพูดพร้อมกับค่อยๆ ขยับร่างกายเข้ามาใกล้ฉันอย่างช้าๆ ทำให้ฉันที่ยืนตรงมุมของลิฟต์ได้แต่ค่อยๆ กระเถิบหนีลงเรื่อยๆ เมื่อคนตัวสูงกว่าอย่างเฮียไคโรโน้มตัวลงมาหาเรื่อยๆ เช่นกัน
คือว่า...เขาไม่ได้จะสวบฉันลงท้องใช่ไหม
"พะแพรแค่อยากขึ้นไปชมห้องของเฮียอะ" ฉันตอบกลับไม่ค่อยเต็มเสียงนัก พยายามไม่มองหน้าบุคคลที่ยืนล้วงมือในกระเป๋ากางเกงจ้องหน้าฉันสีหน้านิ่ง
"โกหกตาแข็งแบบนี้ คิดว่าฉันจะเชื่อเธอหรือไง" เฮียไคโรว่าพร้อมจ้องตาจับพิรุธของฉันสุดๆ ก็พอรู้ว่าเป็นคนจับพิรุธคนเก่ง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาเก่งตอนนี้ก็ได้มั้ง ฉันขาสั่นหมดแล้วเนี่ย
"อะไรเล่า แพรแค่อยากชมห้องเฮียจริงๆ นะ" ฉันตอบกลับเสียงขึ้นจมูกแบบที่ไม่สบตาสุดๆ ง่ายๆ ก็คือตอบไม่มองตาเฮียไคนั่นแหละ
"ห้องของฉันเป็นพื้นที่ส่วนตัว ไม่ใช่สตูดิโอนิเทศกาลที่นึกอยากจะเข้าชมห้องตอนไหนก็ได้"
"แต่แพรว่า แพรเหมือนจะ..."
ฟุบ!
โอ้ย อกอีแป้นจะแตกนึกว่าจะไม่เข้ามารับร่างกายของฉันที่แกล้งทำเป็นลมแล้วซะอีก ใช่ค่ะ ตอนนี้ฉันแกล้งทำเป็นลมในลิฟต์ไปแล้ว เล่นโดนหรี่ตาจับผิดเก่งขนาดนั้น ฉันก็จนมุมนะสิ ก็เลยต้องใช้แผนนี้แทน และต่อให้เฮียไคโรจะตบแก้มเรียกชื่อของฉันเป็นพันครั้ง ฉันก็ขอสัญญากับตัวเองไว้ว่า ฉันจะไม่ลืมตาขึ้นเด็ดขาด จนกว่าฉันจะถูกอุ้มขึ้นไปบนห้องของเฮียไคโรเท่านั้น!
จับพิรุธฉันเก่งนักก็ต้องใช้ไม่เด็ดไม้ตายแบบนี้แหละ!