Chapter 4
“ฮ่า ๆ”
“หัวเราะหาพ่องมึงเหรอไอ้พวกเชี่ย รีบมาพยุงกูสิวะ” ซีวิคที่เห็นเพื่อนทั้งกลุ่มเดินออกมาจากมุมมืดแล้วพากันหัวเราะอย่างสะใจ เขารู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากด่าเพื่อนกลบเกลื่อนความขายหน้าของตัวเอง
“แพทย์สนามไปช่วยคนไข้ของพวกมึงหน่อยสิวะ” เมื่อเห็นว่าซีวิคขอความช่วยเหลือ สกายก็หันไปบอกสายลมและธีโอ แต่เขากลับยืนกอดอกมองซีวิคด้วยสีหน้ากลั้นขำโดยไม่คิดที่จะเข้าไปช่วยซีวิคเลยสักนิด
“ไปบอกน้องพีอาร์ให้ถอนคำพูดท่าไหนวะไอ้เชี่ย ถึงได้มานั่งคุกเข่าขอขมาอยู่แบบนี้” ธีโอเข้าไปพยุงแขนข้างซ้ายของซีวิคพร้อมทั้งเอ่ยแซวเพื่อนสนิทอย่างขำขัน
“จูบไม่เป็นแล้วยังทำเป็นซ่า” สายลมเข้าไปหิ้วปีกแขนขวาของซีวิคให้ลุกขึ้นยืน
“จูบไม่เป็นพ่องมึงสิไอ้หมอ กูจะบอกอะไรให้นะ ยัยนั่นติดใจจูบกู ถึงขนาดขอร้องให้กูจูบเธออีก พอกูไม่จูบต่อ ยัยนั่นก็ยกเข่ากระแทกไข่หำกูเนี่ย”
“อย่ามาสร้างเรื่องไอ้ตอแหล พวกกูเห็นเต็มตาว่ามึงแพ้น็อกพีอาร์ราบคาบ” สายลมสวนกลับทันควันที่ซีวิคพูดจาเลอะเทอะไปเรื่อยเปื่อย นี่มันคงไม่รู้สินะว่าพวกเขาเดินตามออกมาจากห้องไพรเวตบาร์ซุ่มดูตั้งแต่มันดักรอพีอาร์เข้าห้องน้ำแล้ว
“แพ้น็อกเชี่ยอะไรล่ะ ยัยนั่นเล่นกูทีเผลอ คอยดูนะเดี๋ยวกูจะเอาคืนให้สาสม” ถึงเพื่อนจะรู้ความจริงแล้วก็ตาม แต่ซีวิคกลับไม่แคร์ เขายังคงแถต่อไปตามประสาคนชอบเอาชนะ
“เลิกหาเรื่องเจ็บหำเถอะไอ้เชี่ย เดี๋ยวก็โดนน้องพีอาร์ยกเข่ากระแทกไข่หำจนแตกหรอก” สกายเอ่ยแทรกขึ้นอย่างเอือมระอาที่ซีวิคไม่ยอมหยุดรังควานเด็กสาวคนนั้นเสียที ทั้งที่เด็กสาวคนนั้นไม่มีทีท่าจะเล่นด้วยเลยสักนิด
“ก็ลองมากระแทกหำกูอีกครั้งสิ เดี๋ยวกูจะกระแทกจิ๋มยัยนั่นบ้าง”
“หยุดคิดเรื่องชั่ว ๆ เลยไอ้สัด ผู้หญิงไม่เล่นด้วยอย่าไปทำเลวกับเธอไอ้ฉิบหาย” สายลมปรามซีวิคด้วยน้ำเสียงจริงจัง เมื่อรู้เท่าทันความคิดชั่ว ๆ ของซีวิค
“กูก็แค่อยากจะสั่งสอนยัยเด็กนั่นสักหน่อย”
“สั่งสอนตัวมึงเองก่อนเถอะ” ธาวินพูดแทรกขึ้นมาบ้าง
“ยัยนั่นมีดีอะไรวะพวกมึงถึงได้เข้าข้างกันนัก”
“น้องพีอาร์มีดีหรือไม่ดีกูไม่รู้ แต่สิ่งที่มึงควรทำคือตั้งสติ แล้วเลิกยุ่งกับน้องเขาซะ เพราะต่อให้มึงจะหล่ออย่างกับเทวดามาจุติ น้องเขาก็ไม่สนใจคนอย่างมึงหรอก” ธีโอทั้งด่าและเตือนสติซีวิคไปด้วย
“สนไม่สนเดี๋ยวพวกมึงก็รู้”
“หยุดเพ้อเจ้อ แล้วกลับบ้านกันเถอะ เมียกูไลน์ตามแล้ว” สายลมชวนเพื่อน ๆ ของเขากลับบ้านทันที เมื่อเห็นไลน์เมียเด้งเข้ามา
“เออ ๆ” ธาวิน สกายและธีโอตอบรับพร้อมกัน
“พวกมึงกลับบ้านกันก่อนเลย กูขออยู่ดื่มต่ออีกสักพัก”
“อยู่ดื่มต่อทำเชี่ยอะไรคนเดียววะ” สายลมเอ่ยถามพร้อมด่าไปในตัว
“คนมีเมียอย่างมึง อย่าเสือกกับคนโสดหรรมหอมอย่างกู”
“หรรมหอมมาก ๆ ระวังเอดส์จะแดกเข้าสักวัน”
“ไม่มีทาง จะกลับบ้านไปหาเมียก็รีบไสหัวไปสิ กูจะเข้าไปด้านในคลับละ” ว่าจบซีวิคก็ตบไหล่สายลม ก่อนที่จะเดินผิวปากเข้าคลับอย่างอารมณ์ดี
“ไอ้ซีมันคงไปตามตื๊อน้องพีอาร์คนนั้นแน่เลยว่ะ” ธีโอพูดไล่หลังซีวิค
“ช่างแม่งมันเถอะ พวกเราก็น่าจะรู้ดีว่าไอ้ซีมันชอบเอาชนะ ยิ่งเราไปห้ามมันเหมือนยิ่งไปยุมัน” ธาวินเอ่ยขึ้นเพราะพวกเขาต่างรู้จักนิสัยของกันและกันว่าแต่ละคนนิสัยเป็นอย่างไร
“เออ...ตามที่ไอ้วินพูดนั่นแหละ งั้นเรากลับบ้านกันเถอะ” สายลมพูดวกกลับมาเรื่องกลับบ้านอีกครั้ง
“ไอ้ห่านี่ก็งอแงจะกลับบ้านท่าเดียวเลยโว้ย มึงคิดถึงเมียมากขนาดนั้นเลยเหรอวะไอ้หมอ” สกายถามกึ่งประชดสายลม
“คิดถึงสิวะ”
“เออ...งั้นก็รีบกลับบ้าน เดี๋ยวจะลงแดงตายห่าซะก่อน” ว่าแล้วสกายก็ยกแขนพาดไหล่สายลมเดินออกจากคลับ โดยมีธาวินและธีโอเดินตามออกไปด้วย
เที่ยงคืน
@ห้องแต่งตัวพีอาร์
เมื่อถึงเวลาเลิกงานของพนักงานพาร์ตไทม์ เจ้าขาก็ถอดชุดเดรสออกจากตัวเปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดตัวใหญ่สีดำคู่กับกางเกงยีนขาสั้นสีขาว จากนั้นก็ถอดคอนแท็กต์เลนส์ออกจากดวงตาเก็บไว้ในตลับเก็บเลนส์ ก่อนจะหยิบแว่นสายตามาสวมใส่ หลังจากสำรวจการแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเจ้าขาก็เดินออกจากห้องไปยังประตูหลังคลับ เพื่อไปรอรถแท็กซี่ที่ป้ายรถเมล์
เจ้าขายืนรอรถแท็กซี่ประมาณสิบนาที แต่กลับไม่มีรถว่างสักคัน เธอก็เลยเดินไปนั่งที่เก้าอี้พักคอย
ในระหว่างที่นั่งรอรถอยู่นั้น หญิงสาวก็มองดูรถยนต์ที่แล่นผ่านไปผ่านมาอยู่บนท้องถนนในเมืองซิวิไลซ์ พลางคิดว่าหากเธอมีรถส่วนตัวสักคันชีวิตเธอคงจะสะดวกกว่านี้ แต่ตอนนี้ก็ได้แค่คิดเท่านั้น เพราะคงไม่มีปัญญาส่งค่างวดรถหรอก ลำพังแค่หาเงินใช้จ่ายในแต่ละเดือนระหว่างเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ เงินก็แทบจะไม่พอใช้อยู่แล้ว
ถึงแม้การมาเรียนที่กรุงเทพฯ ค่าครองชีพจะสูงเพียงใด แต่เจ้าขาก็ยังมุ่งมั่นที่จะเรียนต่อให้จบปริญญาตรี เพื่อเป็นใบเบิกทางเข้าทำงานบริษัทชั้นนำของประเทศ เพราะหวังว่าชีวิตที่ต้องเริ่มใหม่จากศูนย์ที่กรุงเทพฯ จะดีขึ้นในสักวัน
ย้อนกลับไปตอนที่เจ้าขาเรียนอยู่มัธยมศึกษาตอนปลายปีที่สี่ คุณแม่ของเธอตรอมใจตายอย่างน่าเศร้าเพราะพ่อขอหย่าไปอยู่กับภรรยาใหม่
หลังจากคุณแม่จากโลกนี้ไปเพียงหนึ่งสัปดาห์ เธอก็เพิ่งมาทราบว่ามรดกทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นบ้าน รถยนต์และประกันชีวิตของคุณแม่ได้ตกเป็นของน้าสาวอย่างอรพิน
ถึงแม้มรดกจะตกเป็นของน้าสาวทั้งหมด แต่เจ้าขาก็ไม่ได้ซีเรียสเลยสักนิด เพราะอย่างไรเสียน้าสาวก็เปรียบเสมือนแม่คนที่สองของเธอ แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป จนกระทั่งเจ้าขาเรียนจบมัธยมฯ ปลาย น้าสาวที่ครองตัวเป็นโสดมานมนานก็พาผู้ชายเข้ามาอยู่ในบ้าน
คราแรกก็อยู่บ้านหลังเดียวไม่มีปัญหาอะไร แต่มีอยู่วันหนึ่งน้าสาวออกไปทำธุระนอกบ้านตั้งแต่เช้า จนกระทั่งแฟนของน้าสาวเลิกงานกลับบ้านในช่วงเย็น น้าสาวก็ยังไม่กลับบ้าน ทำให้เย็นวันนั้นเจ้าขาและแฟนของน้าสาวอยู่บ้านแค่สองคน
ในขณะที่เจ้าขาใช้เพียงผ้าเช็ดตัวกระโจมอกจะเข้าไปอาบน้ำ จู่ ๆ ก็มีคนมาสะเดาะลูกบิดประตูห้องส่วนตัวของเธอ ซึ่งคนที่ทำแบบนั้นก็คือแฟนหนุ่มของน้าสาว
เจ้าขาที่เห็นท่าทีไม่ดีของแฟนของน้าสาว เจ้าขาก็คว้าขวดสเปรย์พริกไทยที่ซื้อไว้ตั้งแต่แฟนน้าสาวมาอยู่บ้านหลังเดียวกัน พ่นใส่หน้าแฟนน้าสาวจนฝ่ายนั้นร้องโอดโอยด้วยความเจ็บแสบอย่างทรมาน และด้วยความที่เจ้าขาเกลียดผู้ชายมักมากเข้าไส้ เธอจึงคว้าโคมไฟตีหัวแฟนน้าสาวจนสลบคาที่
ในตอนที่แฟนน้าสาวสลบเหมือดไปแล้ว น้าสาวก็กลับบ้านมาพอดี แต่แทนที่น้าสาวจะถามไถ่เรื่องราวทั้งหมดก่อน น้าสาวกลับโวยวายว่าเธอเป็นชู้กับแฟนของตนเพียงเพราะเห็นเจ้าขากระโจมอกด้วยผ้าเช็ดตัว
น้าสาวหึงจนคลุ้มคลั่งถึงขนาดคว้าไม้กวาดที่อยู่มุมห้องฟาดตามตัวเจ้าขาอย่างแรง และไล่เธอออกจากบ้านโดยที่เจ้าขาไม่มีเงินติดตัวสักบาท
เจ้าขาที่ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนก็เลยเดินทางไปบ้านพักครู ขอความช่วยเหลือจากครูชบาผู้เป็นครูประจำชั้นโรงเรียนมัธยมฯ ปลาย
ครูชบาที่เห็นเจ้าขามาหาตนดึก ๆ ดื่น ๆ ก็ตกใจไม่น้อย แต่พอเจ้าขาเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ครูชบาก็เลยให้เจ้าขานอนค้างที่บ้านพักครูหนึ่งคืน
พอวันรุ่งขึ้นครูชบาก็พาเจ้าขาเดินทางไปกรุงเทพฯ เมื่อเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ครูชบาก็พาเจ้าขาไปเช่าหอพักใกล้มหาวิทยาลัยที่เจ้าขาได้ทุนเรียนต่อ หลังจากจัดการเรื่องที่พักเสร็จสรรพ ครูชบาก็เซิร์ชหางานพาร์ตไทม์ให้เจ้าขาไปสมัครงาน เพื่อจะได้ทำงานในระหว่างเรียนที่กรุงเทพฯ
หลังจากเจ้าขาได้งานพาร์ตไทม์ที่คลับ ครูชบาก็อยู่เป็นเพื่อนเจ้าขาที่กรุงเทพฯ สามวัน เมื่อเห็นว่าเจ้าขาสามารถเอาตัวรอดในเมืองหลวงได้ ครูชบาก็ให้เงินเจ้าขาหนึ่งหมื่นบาทเอาไว้ตั้งตัว จากนั้นครูชบาก็เดินทางกลับต่างจังหวัดไปทำหน้าที่ของตน
การช่วยเหลือของครูชบาในครั้งนั้นทำให้เจ้าขาสำนึกในพระคุณครูชบาเป็นอย่างมาก เธอจึงสัญญากับตัวเองว่าหากสักวันเธอตั้งตัวได้ดิบได้ดี เธอจะกลับไปตอบแทนบุญคุณครูชบาอย่างแน่นอน
...
...