ตอนที่ 7 เสี่ยวเฟิ่ง

1355 คำ
อวี้เฟิ่งกลับมายังเรือนไม้ลี่ฟาง เพื่อนๆ ของนางนั่งรอนางที่ตั่งในห้องโถง เม่ยเหนียงเปิดเรื่องถามก่อน (ลี่ฟาง แปลว่า กลิ่นหอมสวยงาม) “อวี้เฟิ่งเจ้าไปไหนมา ถึงมาเอาป่านนี้ รู้หรือไม่ว่าพวกข้าเป็นห่วงเจ้าแค่ไหน” เม่ยเหนียงพูดอยู่นั้น อวี้เฟิ่งนั่งลงตรงตั่งที่ว่าง แล้วจึงรินน้ำชาดื่มหมดแก้ว เหม่ยฮัวเอ่ยแผ่วเบา “อวี้เฟิ่งใจเย็นๆ ค่อยๆ กิน” เหม่ยฮัวเอ่ยบอก รินชาใส่แก้วให้อวี้เฟิ่ง “ข้าไปเข้าเฝ้าต้าหวางมา” อวี้เฟิ่งเอ่ยขึ้น “เจ้าไปเจอต้าหวางมา ต้าหวางทรงเอ่ยกล่าวเช่นไรบ้าง” หลินเซียวเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น เมื่อพวกนางอยากรู้ อวี้เฟิ่งจึงไล่เรียงลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเทียนลู่ให้พวกนางฟังจนจบครบถ้วนกระบวนความ ทำให้พวกนางตื่นเต้น และตื่นตกใจกับสิ่งที่อวี้เฟิ่งประสบมา “สิ่งที่เจ้าเอ่ยมานั้น ต้าหวางของพวกเราประสบกับการลอบสังหารทุกเมื่อ เช่นนี้แล้วพรุ่งนี้เจ้าต้องไปหาต้าหวาง ตั้งแต่ยามเหมา เจ้าไม่ไปไม่ได้หรือ” เหม่ยฮัวพูดด้วยความเป็นห่วงสวัสดิภาพของอวี้เฟิ่งจากใจจริง “นั้นสิ เจ้าเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว เจ้าจะไปเสี่ยงตายแบบนี้ไม่ได้ ข้าไม่ให้เจ้าไป” เม่ยเหนียงเอ่ยด้วยความเป็นห่วงอีกคน “เช่นนั้นเจ้าจะไปเองหรือ” อวี้เฟิ่งถามพวกนาง “ไม่ไป กลัวตาย ข้ารักษาชีวิตน้อยๆ ของข้าดีกว่า” เหม่ยฮัวเอ่ยขึ้น อีกทั้งยังส่ายหน้าเป็นหลักฐาน “อวี้เฟิ่งเจ้าเข้าไปในตำหนัก เจ้าต้องระวังตัวให้มากรู้ไหม” หลินเซียวเอ่ยกำชับ “รู้แล้ว ข้าจะระวังตัวให้ดีไม่ให้ใครมาทำร้ายได้ ข้าจะมาหาเจ้าครบทุกส่วน ข้ารับรอง” อวี้เฟิ่งดื่มชาจนหมดอีกครั้ง แล้วถอนหายใจยาวๆ เช้าวันรุ่งขึ้น อวี้เฟิ่งขอบตาดำขับ เพราะไม่ได้นอนทั้งคืน นางกลัวว่าตื่นไม่ทันยามเหมา นางจึงเดินไปอาบน้ำเย็นให้หายง่วงนอน จากนั้นจึงแต่งตัวไปเทียนลู่กง ย่างก้าวเข้าไปในตำหนักนางไม่เห็นเหล่าขันที จึงคิดว่านางคงมาเช้ากว่าผู้อื่นความจริงนางมาถึงที่นี่ยังไม่ถึงยามเหมาเสียด้วยซ้ำ จึงเป็นไปได้ว่าเหล่าขันทียังไม่มาทำงาน นางได้กลิ่นกำยานไม้จันทน์ขาวดับหมดไปแล้ว นางจึงมองกระถางกำยานสีทองกลางห้องโถง จุดไฟในกระถางวางไม้จันทน์ขาวลงไปทีละชิ้น จนครบแปดชิ้นตามที่มหาขันทีหย่งเยี่ยเคยสอนนางไว้ ครั้งตอนเข้าวัง แล้วจึงเดินมายังม่านขาว มองไปด้านในเป็นอ่างน้ำขนาดใหญ่ทำจากไม้จันทน์ขาว เห็นว่าตอนนี้ ต้าหวางคงอยู่ในห้องบรรทม อวี้เฟิ่งคิดได้เช่นนั้น จึงเดินเข้าผ่านม่านขาวเข้าไปในห้องทรงน้ำ อวี้เฟิ่งเห็นผ้าขาวพาดอยู่บนราวตาก นางจึงหยิบลงมาคิดว่าต้าหวางคงฉลองพระองค์มาก่อนหน้านี้แล้ว นางจึงหยิบไปไว้ในตะกร้า อวี้เฟิ่งเดินไปที่อ่างอีกครั้ง เห็นเสื้อผ้าที่วางทิ้งเป็นอาภรณ์สีขาว สาบเสื้อเป็นสีแดง นางคิดว่าคงเป็นของต้าหวางนางจึงหยิบขึ้นมา คิดในใจว่า ทำไมเป็นถึงต้าหวาง แต่หาความเรียบร้อยไม่มี จะตำหนิก็ไม่ได้ ทรงเป็นหวางจื่อตั้งแต่ทรงจุติ อีกทั้งมีคนรับใช้ คนอย่างเขามีหรือจะเรียบร้อย ขนาดนางเองมีสาวใช้ยังไม่ให้สาวใช้ทำ แต่ก็ช่างเถอะ (หวางจื่อ แปลว่า องค์ชาย) อวี้เฟิ่งคิดเช่นนี้จึงหมายเก็บอาภรณ์ของต้าหวาง แล้วจึงเอาไปเก็บ ทันใดนั้นสิ่งที่นางตกใจแทบสิ้นสติ จนร้องอุทานขึ้น อวี้เฟิ่งเห็นบุรุษโผล่พ้นน้ำขึ้นมา ทำให้นางตกใจนั้นคือ ต้าหวาง นางจึงถอยหนีไปตั้งหลัง ต้าหวางทรงลูบพระพักตร์มองนางด้วยความแปลกใจยิ่งนัก “เจ้ามาเร็วไป” ต้าหวางทรงตรัสเช่นนั้น อวี้เฟิ่งมองต้าหวาง ด้วยดวงตากลมโตด้วยสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ต้าหวางทรงขึ้นจากอ่างน้ำอย่างหน้าตาเฉย อวี้เฟิ่งมองต้าหวางไม่ได้ตั้งใจ จึงรีบหันหนีทั้งที่รู้ว่าพระองค์สวมอาภรณ์ขาวปิดเบื้องล่างอยู่ อวี้เฟิ่งได้ยินฝีเท้าของต้าหวางก้าวย่างพระดำเนินไปหยิบเสื้อผาวรูดลงจากราวจับ และเสียงสวมอาภรณ์จึงดังขึ้น และผ้าอีกชิ้นร่วงหล่นจากพื้น “เสี่ยวเฟิ่ง” อวี้เฟิ่งไม่เข้าใจว่าต้าหวางทรงเรียกใคร จึงไม่ได้หันไป ต้าหวางจึงทรงเรียกอีกครั้งหนึ่ง “เสี่ยวเฟิ่ง” อวี้เฟิ่งรู้แน่ชัดว่าเรียกนาง นางจึงหันไปหาต้าหวางที่ทรงสวมอาภรณ์เรียบร้อยแล้ว อวี้เฟิ่งจึงเอ่ยกับพระองค์ว่า “ต้าหวางทรงเรียกใครเพคะ ว่าเสี่ยวเฟิ่ง” อวี้เฟิ่งเอ่ยถามต้าหวางทรงใช้พระหัตถ์ดีดไปที่หน้าผากของนางเบาๆ แต่ทำให้นางเจ็บจนเอามือลูบบ่นเบาๆ บนหน้าผาก “เจ็บนะเพคะ” “ข้าเรียกเจ้าถึงสองครั้งเจ้ากลับไม่หันกลับมา นี่คือการลงโทษที่ไม่ฟังคำสั่งของข้า” “หม่อมฉันอวี้เฟิ่ง ไม่ใช่เสี่ยวเฟิ่งต้าหวางจำสับสนหรือเพคะ” “เจ้าเห็นใครในห้องนี้หรือไม่” ต้าหวางทรงดำริเช่นนี้ อวี้เฟิ่งจึงมองรอบห้องกลับไม่มีใครนอกจากต้าหวาง และตัวเองเท่านั้น นางจึงส่ายหัว “ไม่มีเพคะ” “เจ้าจัดเสื้อให้ข้า เสื้ออยู่ในหีบ” ต้าหวางทรงตรัสเช่นนั้นทรงดำเนินจากห้องสรงน้ำไปยังโต๊ะเสวย อวี้เฟิ่งเห็นเช่นนั้นจึงเดินไปที่หีบเสื้อผ้า นางเปิดหีบออกเป็นชุดสีขาวและสีแดงทั้งสิ้น นางคิดว่าเป็นชุดตัวนอกเป็นแน่ นางจึงวางบนราวแขวน แล้วจึงเดินไปหาต้าหวางที่โต๊ะทรงเสวย ต้าหวางทรงทอดพระเนตรนาง อีกทั้งทรงตรัสว่า “ชิมอาหารเหล่านี้ทั้งหมด” เมื่อต้าหวางทรงตรัสเช่นนี้ อวี้เฟิ่งจึงมองดูอาหารเหล่านี้มีมากมายหลากหลายมากนัก นางนับดูแล้วมีทั้งสิ้นสิบสี่จาน แต่ละจานจะเป็นปลาเปรี้ยวหวาน โจ๊กเป๋าฮื้อ ไก่ตุ๋นโสม อีกมากมายอวี้เฟิ่งมองดูรู้สึกว่าทำไมต้าหวางเสวยมากมายอะไรถึงเพียงนี้ “จะให้ข้ากินพรุ่งนี้หรือ” อวี้เฟิ่งหยิบชามลองชิมกับตะเกียบเงินขึ้นมา แล้วจึงเดินชิมอาหารแต่ละอย่าง อย่างละคำจนครบ แล้วจึงเอ่ยกับต้าหวางว่า “พระกระยาหารเหล่านี้ไม่มีพิษเพคะ” อวี้เฟิ่งทูลบอก แล้ววางจานกับตะเกียบลง “นั่งลง” ต้าหวางทรงตรัส ขณะอวี้เฟิ่งถอยห่าง “หม่อมฉันจะนั่งเทียบพระองค์ได้อย่างไร” “ครั้งก่อนเจ้ายังนั่งม้าของข้า แล้วทำไมตอนนี้ถึงนั่งเก้าอี้ข้างข้าไม่ได้” “ตอนนั้นหม่อมฉันไม่รู้” “ตอนนี้รู้แล้ว ก็นั่งลง” “ไม่ได้มันผิดกฎเพคะ” “เจ้าจะนั่งเอง หรือจะให้ข้ายืนกับเจ้า” ต้าหวางทรงยื่นคำขาด อวี้เฟิ่งจึงจำใจนั่งลง ต้าหวางจึงส่งจานของพระองค์ให้นาง อวี้เฟิ่งมองพระพักตร์ด้วยความงุนงง “กินแทนข้า” “ต้าหวาง” “ข้าจะเข้าท้องพระโรง” ต้าหวางทรงลุกขึ้นจากเก้าอี้ อวี้เฟิ่งมองมาทางต้าหวางแล้วเอ่ยถาม “ต้าหวางพระองค์จะไม่เสวยหรือเพคะ” “ข้ากินแล้ว” ต้าหวางทรงตรัสเช่นนั้นแล้วทรงเสด็จออกไป อวี้เฟิ่งมองอาหารเหล่านั้นด้วยความสงสารบวกกับความหิว “ในเมื่อพระองค์ไม่เสวย เช่นนั้นเสร็จโจรเช่นข้า” อวี้เฟิ่งจึงบรรจงกินอาหารแต่ละอย่างจนหมดด้วยความเสียดาย เหลือเพียงห้าจานสุดท้าย ที่นางกินไม่ไหว แต่นางลองชิมและกินแล้ว สู้อาหารที่นางทำไม่ได้เลยแต่อย่างเดียว นางคิดว่า ถ้าต้าหวางให้นางเหมือนพวกเพื่อนๆ ของนางก็จะดีไม่น้อย อย่าลืมเม้นท์และมอบหัวใจ เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม