ตอนที่ 8 อิจฉาข้าละซิ

1251 คำ
ต้าหวางเสด็จมายังจวนของฉีหวางเย่ พระองค์ทรงทราบว่า ฉีหวางเย่ทรงไม่เสด็จมาประชุมเช้าเป็นเพลาสามวันแล้ว ทรงรับฎีกาของหวางเย่ว่าจะทรงลาออกจากราชการ ทำให้ต้าหวางทรงแปลกพระทัย เมื่อก่อนหน้านี้ต้าหวางทรงให้ฉีหวางเย่เป็นผู้สำเร็จราชการตลอดเวลาเกือบสิบปี เหตุใดหวางเย่จึงคิดอยากออกจากราชการ เพื่อสิ่งใดกัน ต้าหวางอยู่ตรงหน้าหวางเย่ ทรงลงหมาก หวางเย่ลงหมากตาม ต้าหวางทรงเสวยพระสุธารสชาที่หวางเย่จัดหา หย่งเยี่ยมหาขันทีทำการทดสอบพระสุธารสชาด้วยตัวเองก่อนที่ทรงเสวย เพราะเป็นกฎ เนื่องด้วยการลอบสังหารมีทุกยุคทุกสมัย ด้วยความรอบคอบต้องใช้เข็มเงินตรวจสอบ อีกทั้งต้องลองชิมทุกครั้ง “วันนี้ที่ข้ามาหาท่าน เนื่องด้วยฎีกาที่ส่งมาถึงข้าว่าท่านจะลาออกจากราชการ เสด็จอาขอให้ท่านทบทวนใหม่” ต้าหวางทรงตรัสด้วยสุรเสียงนุ่มนวล หวางเย่ทรงถอนหายใจแล้วทรงเอ่ยขึ้น “ทูลต้าหวาง ข้าคนนี้ก็ชรามากแล้ว ปีนี้ก็เข้าหกสิบแล้ว ถึงเวลาที่ข้าจะวางทุกอย่าง อีกทั้งตลอดสิบกว่าปีมานี้ต้าหวางทรงงานได้ดีทีเดียว เป็นที่เกรงกลัวต่อเหล่าขุนนาง และอีกทั้งแผ่บารมีไพศาลไปยังทั้งสองแคว้น จนทั้งสองแคว้นไม่กล้าที่จะยกทัพมาตีแคว้นเฉินของพระองค์” “แต่ข้ายังอยากให้ท่านเป็นเสาหลักให้บ้านเมือง” “พระราชอำนาจอยู่ที่ต้าหวาง ข้าไม่คิดก้าวก่ายเรื่องการปกครองของพระองค์อีกแล้ว ต้าหวางองค์ก่อนเคยกล่าวว่า อยากจะเห็นท่านเติบโตไปด้วยกัน อยากให้ท่านอยู่ถึงจุดสูงสุด ทว่าท่านอยู่ถึงสูงสุดแล้ว” “ข้ายังไม่ได้ตีแคว้นเหลียน ข้าจะอยู่จุดสูงสุดได้อย่างไร” “จุดสูงสุดที่กระหม่อมหมายถึง พระองค์เป็นที่ยำเกรงต่อใต้หล้า แต่พระองค์ต้องทรงพึงระวังจางเฉาไว้ให้จงหนัก ข้าตรวจสอบขุนนางทุกคนได้สนิทใจ แต่กับเขาข้าไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะเขาเป็นสหายของต้าหวางองค์ก่อน จึงไม่มีใครกล้าตรวจสอบเขา ถึงตรวจสอบก็ไม่มีข้อพิรุธแต่อย่างใด เป็นสิ่งที่กระหม่อมกังวลใจยิ่งนัก” “ข้าจะจำเอาไว้ ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะตรวจสอบลับๆ ด้วยตัวเอง ส่วนที่ท่านจะลาออกจากราชการจริง ถ้าท่านคิดดีแล้ว ข้าจะประทับฎีกาให้ท่านออกจากราชการ” "ขอบพระทัยต้าหวางพระเจ้าค่ะ" ต้าหวางทรงตรัสแล้วจึงลุกขึ้น อีกทั้งหวางเย่ลุกขึ้นตามจะไปส่ง ต้าหวางทรงยกพระหัตถ์ขึ้นเพื่อห้าม และทรงตรัส “ไม่ต้องส่งข้า เสด็จอา” ต้าหวางทรงกล่าวเช่นนั้นหย่งเยี่ยและจ้าวเสิ่นจึงตามเสด็จ หวางเย่มองต้าหวางที่เสด็จประทับม้า เมื่อเสด็จออกจนพ้นประตู หวางเย่ทรงกระอักพระโลหิตออกมาทันที หลังจากต้าหวางเสด็จไปหาฉีหวางเย่ หวางเย่ทรงสิ้นพระชนม์ในวันนั้น ต้าหวางทรงจัดพิธีศพอย่าสมพระเกียรติให้กับหวางเย่องค์เดียวที่ยังเหลืออยู่ ในขณะนี้ ทรงจัดการพิธีล่วงเพลาสามวันจึงแล้วเสร็จ ทรงไว้ทุกข์เหมือนครั้งที่ต้าหวางองค์ก่อนที่สิ้นพระชนม์ไปแล้ว เป็นเวลาถึงสี่สิบเก้าวัน เมื่อหลังไว้ทุกข์สิ้นสุดลง ขณะนั้นพระองค์ทรงคิดตรวจสอบขุนนางทุกคนไม่เว้นแม้แต่คนเดียว ทำให้เหล่าขุนนางเกรงกลัวมากขึ้น จนกระทั่ง “จ้าวเสิ่น ข้าจะไปนอกเมืองตรวจราชการ” “ฝ่าบาทจะเสด็จกี่วันพระเจ้าค่ะ” จ้าวเสิ่นทูลถาม “ไม่มีกำหนด ส่วนเรื่องในวังให้ต้าซือหนงหลี่เหมิ่งดูแลไปก่อน” (ต้าซือหนง แปลว่า เสนาบดี) “กระหม่อมจะเตรียมการเดี๋ยวนี้พระเจ้าค่ะ” “ข้าไปกับเจ้า เป็นราชการลับอย่างให้ใครรู้เป็นอันขาด” “พระเจ้าค่ะ” วันนี้อวี้เฟิ่งไม่ได้เข้าเฝ้าหนึ่งวันตามรับสั่งของต้าหวาง ส่วนพวกเพื่อนๆ ของนางต่างไปทำหน้าที่กันหมดเหลือนางเพียงคนเดียว อวี้เฟิ่งจึงไปเดินเล่นในอุทยานหลวง เพื่อแก้เบื่อ นางเจอกับคู่อริของนางที่เดินมา คือจื่อหลานกับผิงฮัว อวี้เฟิ่งไม่ยากมีปัญหาจึงเลี่ยงการปะทะ จึงเดินออก วันนี้ถือว่าโชคไม่เข้าข้าง จื่อหลานเดินเข้ามาหานาง แล้วกล่าวว่า “วันนี้ต้าหวางไม่โปรดเจ้าหรือ จึงไม่ได้เข้าเฝ้า” “จริงสิ ของเล่นที่เล่นนานๆ ต้าหวางคงเบื่อแล้วสินะ” ผิงฮัวกล่าวเช่นกัน อวี้เฟิ่งเผยยิ้มแล้วจึงกล่าว “อิจฉาข้าหรือ อิจฉาข้าละสิ ที่ต้าหวางไม่เคยเรียกพวกเจ้าสองคนสักที จริงด้วยข้ารู้มาว่า เจ้าอยู่โรงซักผ้า ไม่ต้องอิจฉาข้าหรอกนะ ทุกอย่างอยู่ที่การกระทำของเจ้า” “นี่เจ้า! ...” ผิงฮัวกล่าวด้วยความโมโหที่เถียงอวี้เฟิ่งไม่ออก อวี้เฟิ่งจึงเดินไปทางอื่น จื่อหลานจึงโยนหินที่อยู่บนพื้นโยนใส่อวี้เฟิ่ง แต่กลับกลายว่าโยนไปโดนหย่งเยี่ย หย่งเยี่ยรับหินลูกได้ทัน ก่อนที่จะโดนหัวของอวี้เฟิ่ง ผิงฮัวรู้ว่าคนที่รับหินแทนอวี้เฟิ่งเป็นใคร นางจึงคุกเข่ารอรับผิด จื่อหลานก็คุกเข่าเช่นกัน “เจ้ารู้หรือไม่การวิวาทหรือการทำร้ายกันในเขตพระราชฐาน มีโทษสถานใด” หย่งเยี่ยเอ่ยขึ้น อวี้เฟิ่งที่กำลังเดินจากไปแล้วจึงหันกลับมาดู เห็นก้อนหินลูกเท่ากำปั้น อวี้เฟิ่งรู้โดยทันทีว่านางสองคนจงใจทำร้ายนาง ผิงฮัวนั่งตัวสั่นกลัวโทษที่ตามมานั้นร้ายแรงถึงขั้นโบยต่อธารกำนัล นางร้องขอด้วยเสียงสั่นเครือว่า “กงกง อวี้เฟิ่งต่อว่าข้าก่อนเจ้าค่ะ” ผิงฮัวกล่าวเช่นนี้ จื่อหลานจึงเอ่ยสมทบ “จริงเจ้าค่ะ ข้าเห็นกับตา” อวี้เฟิ่งที่ยืนฟังอยู่รู้ว่าพวกนางกำลังใส่ร้ายนาง อวี้เฟิ่งจึงเดินมาทันที ก่อนอวี้เฟิ่งจะกล่าวอะไร “ข้าเดินมาเห็นพวกเจ้าสองคนหาเรื่องนางก่อน อีกทั้งยังคิดทำร้ายไป๋กูเหนียง ยังจะคิดโทษนางอีกหรือ” หย่งเยี่ยต่อว่านางทั้งสองอวี้เฟิ่งที่อยู่หลังมหาขันทีรู้สึกสะใจยิ่งนัก พวกนางมองอวี้เฟิ่งด้วยความหมั่นไส้ แต่ทำอะไรไม่ได้ หย่งเยี่ยจึงกล่าวต่ออีกว่า “นับจากวันนี้เป็นต้นไป เข้าไปอยู่ฝ่ายภูษาที่โรงซักล้าง ไม่มีคำสั่งจากข้าห้ามกลับมาอีกเข้าใจหรือไม่” หย่งเยี่ยกล่าวเช่นนี้พวกนางจึงรับคำสั่งอย่างไม่เต็มใจ “เจ้าค่ะ” จื่อหลานและผิงฮัวจึงลุกขึ้นย่อตัวทำความเคารพต่อกงกง พวกนางจึงจากไป หย่งเยี่ยหันมาหาอวี้เฟิ่งที่ยืนอยู่ จึงเอ่ยบอก “ไป๋กูเหนียง ตามข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวเข้าเฝ้า” หย่งเยี่ยกล่าวเช่นนี้ ทำให้อวี่เฟิ่งงงยิ่งนักทุกครั้งที่เข้าเฝ้าต้องใส่ชุดนี้ไม่ใช่หรือ นางจึงไขข้อคล่องใจจึงเอ่ยถาม “กงกง เหตุใดข้าต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ทุกครั้งที่เข้าเฝ้า ข้าแต่งชุดนี้ไม่ใช่หรือเจ้าคะ” อวี้เฟิ่งเอ่ยถาม ขณะที่ก้าวเดินตามมหาขันทีหย่งเยี่ย “เจ้าแต่งตัวเสร็จ เจ้าก็รู้เอง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม