อวี้เฟิ่งก้าวเดินออกจากห้องของหย่งเยี่ยในชุดเหมือนพ่อบ้าน ชุดที่ใส่นั้นออกเป็นสีม่วงอ่อน อวี้เฟิ่งจึงมาหาหย่งเยี่ยที่ใส่ชุดสีน้ำตาลคล้ายกับนาง อวี้เฟิ่งจึงอดถามไม่ได้ว่าจะไปไหน
“กงกง ท่านยังไม่ได้บอกข้าเลยว่าจะพาข้าไปไหน”
“พาเจ้าไปเปิดหูเปิดตานอกวัง”
“แล้วต้าหวางทรงไม่ว่าท่านหรือ” อวี้เฟิ่งถามด้วยความแปลกใจนี้เป็นกฎไม่ให้ใครออกนอกวังโดยไม่ได้รับอนุญาต ยิ่งเป็นถึงมหาขันทีที่พานางหลบหนีออกไปนอกวังนางกลัวว่าจะมีความผิด และมีโทษหนัก
“ไม่เป็นไรน่า แค่อยากหาเพื่อนไปเที่ยวเดี๋ยวก็กลับ ไปเถอะเพลาไม่คอยท่า” หย่งเยี่ยจับแขนอวี้เฟิ่ง อวี้เฟิ่งจึงเดินตามแรงของหย่งเยี่ย
อวี้เฟิ่งรู้จากเหล่าขันทีใต้อาณัติของหย่งเยี่ย หรือหย่งกงกง ท่านเคร่งครัดกฎระเบียบอย่างมาก ขนาดพวกขันทีผู้น้อยทำผิดเพียงเล็กน้อยยังต่อว่าครึ่งวัน แต่เหล่าขันทีเหล่านั้นรักและเคารพหย่งเยี่ยเช่นอาจารย์ที่เคารพนับถือ อวี้เฟิ่งได้เข้าวังมายังได้รับการสั่งสอนจากหย่งเยี่ยมาไม่น้อย เช่นการวางตัวต่อหน้าพระพักตร์ของต้าหวาง อีกทั้งหย่งเยี่ยยังสอนการชงชา เป็นศาสน์อย่างหนึ่งที่นางชอบยิ่งนัก ต้าหวางทรงโปรดชากลิ่นดอกกุ้ย และขนมดอกท้อ หย่งเยี่ยสั่งสอนนางจนนางทำออกมาเป็นที่พึงใจของต้าหวาง แต่ว่าต้าหวางทรงไม่โปรดน้ำจัณฑ์ อวี้เฟิ่งจึงไม่เคยถวายสักครั้งเดียว
อวี้เฟิ่งก้าวเดินตามมหาขันทีหย่งเยี่ย อวี้เฟิ่งมองว่าทางนี้เป็นหลังวัง นางจึงก้าวผ่านประตูเห็นม้าสี่ตัวผูกไว้ จ้าวเสิ่นราชองครักษ์ให้หญ้าม้ากิน ต้าหวางทรงดำเนินออกจากซอกกำแพงวัง ทอดพระเนตรมาทางนาง ทำให้นางตกใจไม่น้อย หวังจะวิ่งกลับเข้าไปในวัง แต่ต้าหวางทรงจับมือของนางไว้
“เสี่ยวเฟิ่ง เจ้าจะไปไหน”
เมื่อต้าหวางทรงตรัสเช่นนั้น อวี้เฟิ่งเกิดอาการเกรงกลัว ประหนึ่งว่าเหมือนกับเด็กหนีเที่ยว เมื่อครั้งนางยังเล็กนางหนีเที่ยวทีไร เตี่ยจะจับนางตีก้นประจำ อวี้เฟิ่งคิดว่าถ้าหนีเที่ยวไปกับใต้เท้าหย่งเยี่ย เป็นการคิดผิดหรือไม่
“ต้าหวาง ท่านอย่าทรงลงอาญาหม่อมฉันเลยเพคะ หม่อมฉันจะไม่หนีเที่ยวอีกแล้ว” อวี้เฟิ่งสะบัดมือให้หลุดจากต้าหวาง แต่พระองค์จับมือไว้แน่น
“ขึ้นม้า” ต้าหวางทรงตรัสเช่นนี้ อวี้เฟิ่งคิดต่อ ต้าหวางต้องพานางไปโบยแน่ อวี้เฟิ่งจำได้ว่าเมื่อวันก่อนทำถ้วยชาหยกลายมังกรตกแตก ที่เป็นเครื่องบรรณาการจากเผ่ารุ่ยฮก นางคิดว่าต้าหวางต้องทรงรู้เรื่องนี้แน่แท้ จึงหาเรื่องทำโทษนาง อวี้เฟิ่งจึงรีบเอ่ยรับสารภาพความผิดก่อน โทษหนักจะได้เป็นเบา
“ต้าหวาง เมื่อวันวานหม่อมฉันทำถ้วยแก้วหยกแตกเพคะ ถ้าจะลงโทษ อวี้เฟิ่งให้พระองค์ตีมือเบาๆ นะเพคะ หม่อมฉันกลัวเจ็บ” อวี้เฟิ่งไม่พูดเปล่ายื่นมือ อีกทั้งกางมือสองข้างให้ต้าหวางทรงตี ต้าหวางทรงแย้มพระโอษฐ์ ดีดหน้าผากนางหนึ่งที อวี้เฟิ่งลูบหน้าตัวเองด้วยความเจ็บ
“ต้าหวางหม่อมฉันเจ็บนะเพคะ” อวี้เฟิ่งเอามือปิดหน้าผากตัวเอง แล้วจึงถอยห่างจากต้าหวาง ต้าหวางทรงแย้มพระโอษฐ์ อีกทั้งทรงตรัสต่อนาง
“ขึ้นม้า” ต้าหวางทรงดำรัส อีกทั้งทรงขึ้นม้า ราชองครักษ์และมหาขันทีหย่งเยี่ยจึงขึ้นม้าอีกคนละตัว อวี้เฟิ่งจึงขึ้นม้าอีกตัวที่ว่าง ทั้งสี่จึงเดินทางออกจากประตูหลังวัง
อวี้เฟิ่งควบม้าออกจากพระราชวังไม่นาน นางเห็นทุ่งหญ้าระหว่างทาง ชาวไร่ทำนาทำไร่ ไพร่ฟ้าอยู่ร่มเย็นเป็นสุข อาจเป็นเพราะบารมีของต้าหวางแคว้นเฉิน ต้าหวางดำริว่าเมื่อว่างเว้นจากราชการงานศึก ทรงให้ราษฎรที่อยากกลับบ้านเกิด ก็ทรงให้กลับไปทำไร่ ทำสวน ถ้าหากสมัครใจเข้ากองทัพ พระองค์ก็บำรุงพวกเขา และครอบครัวให้เป็นอย่างดี เพื่อได้รับใช้บ้านเมืองได้เต็มที่ ส่วนเรื่องส่งส่วยให้พระท้องพระคลัง พระองค์ทรงให้เก็บแค่แปลงละหนึ่งตำลึงเงิน เพื่อเอาเงินไปบำรุงกองทัพให้แข็งแกร่ง เนื่องด้วยทางชายแดนยังมีข้าศึกศัตรูยังคอยเข้ามารุกรานเสมอ
เมื่อม้าอยู่ที่หน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งดูไม่ค่อยใหญ่นัก แต่สามารถมีถึงสิบห้อง มหาขันทีหย่งเยี่ยเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยม ไม่ช้าเถ้าแก่จึงเดินออกมา พร้อมกับกุญแจและส่งให้หย่งเยี่ย เถ้าแก่จึงเดินจากไปไม่พูดไม่จาทำให้อวี้เฟิ่งสงสัยยิ่งนัก แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร
เพลาต่อมา เมื่อถึงยามเย็นสายัณห์มาเยือน อวี้เฟิ่งปรุงอาหารเสร็จ พอดีว่าด้านข้างเป็นทะเลสาบ ต้าหวางจึงเสด็จไปตกเบ็ด กับใต้เท้าทั้งสอง จึงได้ปลานัยมาสองตัว เป็นปลานัยตัวใหญ่เลยทีเดียว เป็นเพราะฝีพระหัตถ์ของต้าหวางล้วนๆ ส่วนใต้เท้าทั้งสองก็ได้ปลาตัวเล็กมาอีกหลายตัว อวี้เฟิ่งมองปลานัยตรงหน้า แล้วจึงคิดหาวัตถุดิบในครัว นางเห็นว่ามีของหลายอย่างที่คิดว่าทำได้ จึงคิดทำปลานึ่งบ๊วย ปลาเปรี้ยวหวาน และผัดผักสักสองอย่าง ถวายให้ต้าหวางและใต้เท้าทั้งสอง อวี้เฟิ่งทำเสร็จ หย่งเยี่ยคอยช่วยนางเป็นลูกมือ จึงยกอาหารทั้งสามอย่างออกมาถวายต้าหวาง ขณะที่พระองค์ทรงเสวยน้ำชาอยู่ที่ชานพักใหญ่ด้านนอก ต้าหวางทรงทอดพระเนตรอาหารที่อวี้เฟิ่งทำออกมาทั้งสี่อย่าง ทรงใช้ตะเกียบคีบเนื้อปลาแล้วทรงเสวย อวี้เฟิ่งมองด้วยใจจดจ่อว่าต้าหวางจะทรงดำรัสว่าเช่นไร
“ใครสอนเจ้าทำอาหารพวกนี้” เมื่อต้าหวางทรงตรัสถามเช่นนี้ อวี้เฟิ่งจึงเอ่ยบอกให้ต้าหวางสดับ อีกทั้งยังรินชาถวายต้าหวาง
“หม่อมฉันเรียนรู้จากสาวใช้ หม่อมฉันทำอาหารได้หลายอย่าง แต่ว่าเป็นความรู้เล็กน้อย ถ้าคิดดูแล้วอาหารของหม่อมฉัน ยังสู้อาหารชาววังนั้นมิได้” อวี้เฟิ่งเอ่ยกล่าว ทว่ากำลังเดินมาที่ด้านหลังเพื่อเอากาชาวางกลับสะดุดขาตนเอง แต่ต้าหวางทรงไวกว่านาง ทรงใช้พระหัตถ์คว้าบั้นเอวนางไว้ ก่อนที่นางจะล้มลงไป อวี้เฟิ่งสบพระพักตร์ที่งดงามราวกับว่านางฝันไป นางมองพระพักตร์อยู่เช่นนี้ โดยพิจารณาว่า พระพักตร์งดงามดุจเทพเซียนในภาพวาด อีกทั้งเกศานิล มืดสนิทยาวเงางดงาม นางคิดว่า จะมีบุรุษใดงดงามได้เท่านี้หรือไม่
“เจ้าจะกอดข้าอีกนานไหม”
ต้าหวางทรงดำรัสเช่นนี้อวี้เฟิ่งจึงเอ่ยถามอย่างไม่เกรงกลัวไปว่า
“ต้าหวางเองเป็นคนจับตัวหม่อมฉันไม่ยอมปล่อย”
อวี้เฟิ่งกล่าวเช่นนี้ ต้าหวางทรงปล่อยนางทันที ทำให้อวี้เฟิ่งล้มลงกับพื้น อีกทั้งก้นของนางลงกระแทกเต็มๆ อวี้เฟิ่งเห็นว่าสองใต้เท้าไม่อยู่นางจึงโล่งใจ อวี้เฟิ่งจะประคองตัวเองขึ้น ต้าหวางทรงส่งพระหัตถ์ให้ อวี้เฟิ่งเห็นพระหัตถ์ที่พระองค์ส่งมา อวี้เฟิ่งกัดฟันพูด
“ไม่ต้อง” อวี้เฟิ่งกล่าวจบ จึงลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง แล้วจึงเดินออกไป ต้าหวางทรงทอดเห็นเช่นนี้ ทรงแย้มพระโอษฐ์ขึ้นเล็กน้อย
อย่าลืมเม้นท์และมอบหัวใจ เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะ