ตอนที่ 10 เผ่าปี้อวี้

940 คำ
“กระหม่อมให้เหล่าองครักษ์หน่วยหลงหลิน ตามสืบเผ่าปี้อวี้ อยู่ตรงหลังเขาสองลูกถัดไปจากหมู่บ้านแห่งนี้เป็นที่อยู่ของเผ่าปี้อวี้ หัวหน้าเผ่าชื่อตงหลี จะออกปล้นสะดมคนผู้มีฐานะ และกองคาราวานที่ผ่านมาละแวกแถวนี้อยู่เนืองๆ” องครักษ์จ้าวเสิ่นเป็นผู้รายงานต่อต้าหวางที่ทรงประทับที่ตั่ง ในพระหัตถ์ถือถ้วยชาด้วยพระอาการสงบนิ่ง แล้วทรงวางถ้วยชาลง แล้วทรงดำรัส “เห็นทีข้าต้องไปเจอตงหลีสักครั้ง” ต้าหวางทรงดำรัส ไม่ช้าทหารนายหนึ่งก้าวเดินเข้ามาด้วยอาการรีบร้อน แล้วจึงรีบรายงาน “ทูลต้าหวางไป๋กูเหนียงหายไปพระเจ้าค่ะ” เมื่อทหารรายงานใต้เท้าทั้งสองต่างตกใจไม่น้อย แต่ต้าหวางยังคงเสวยชาอย่างไม่ร้อนรน แล้วจึงเอ่ยตรัส “นางหายไปตอนไหน” “ทูลต้าหวาง เมื่อครู่กระหม่อมเห็นไป๋กูเหนียงกำลังทำอาหารอยู่ พอกระหม่อมเดินจากไปได้สักพัก ไป๋กูเหนียงหายไป อีกทั้งถ้วยชามยังตกอยู่บนพื้นหลายใบ” เมื่อทหารรายงานจบ ต้าหวางทรงไม่ตรัสสิ่งใด ทรงดำเนินไปที่ครัว พบว่าถ้วยจานแตกกระจายจริงๆ อย่าที่องครักษ์เอ่ยทูลบอกพระองค์ “ตามหาบริเวณแล้วหรือ” “พระเจ้าค่ะ” เมื่อทหารกล่าวจบ ทรงดำเนินมาหามหาขันทีหย่งเยี่ย “หย่งเยี่ยให้ทหารปิดล้อมที่นี่ไว้ ข้าจะพบหัวหน้าเผ่าปี่อวี้” ต้าหวางทรงตรัสเรียบเฉย หย่งเยี่ยและจ้าวเสิ่น เหมือนครั้งสั่งการรบบุกตีแคว้นเหลียนไม่มีผิด เผ่าปี้อวี้ โดยมีหัวหน้านำโดยตงหลี อีกทั้งตงหลีผู้นี้เป็นหัวหน้ากองโจร จนกระทั่งตั้งตัวเองเป็นข่าน สร้างเมืองหลวงขึ้นคือ เมืองลั่วเถา เป็นทั้งเมืองท่าติดกับทะเล สามารถติดกับทะเล ทว่าผู้คนยังเรียกที่นี่ว่าเผ่าปี้อวี้เหมือนเดิม เพราะข่านชอบออกปล้นสะดมเมืองอื่น เพื่อมาเก็บในพระคลังของตนเอง โจรอย่างไรก็เป็นโจรอยู่วันยังค่ำ ต้าหวางแคว้นเฉินหลายพระองค์หาโอกาสมาบุกตีหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จสักครั้ง เพราะข่านที่นี่เข้มแข็งยิ่ง อีกทั้งกองโจรของเขายังมาเป็นทหารอีกด้วยขึงไม่สามารถต่อกรได้ อวี้เฟิ่งนอนหลับใหลหนึ่งวันเต็ม นางจึงลืมตาช้าๆ ปรับสภาพดวงตามองไปโดยรอบ นางเห็นว่าไม่ใช่ห้องพักในโรงเตี๊ยม อีกทั้งไม่ใช่เรือนไม้ที่นางพักกับเหล่าเพื่อนๆ ของนาง แต่ว่าที่นี่ที่ไหนกัน ไม่นานนักหญิงสาวอาภรณ์แดงแต่งกายประดับงดงามเหมือนชนเผ่าทะเลทราย ย่างกายเข้ามาพร้อมกับถ้วยน้ำอะไรสักอย่าง อวี้เฟิ่งจึงเอ่ยถามนางผู้นี้ทันที “กูเหนียง ที่นี่ที่ไหน แล้วข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” อวี้เฟิ่งเอ่ยถามจบหญิงสาวไม่ได้ตอบสิ่งใดจึงเดินออกไป แต่ชายผู้หนึ่งเดินสวนเข้ามา หญิงสาวผู้กำมือข้างขวาประทับอกซ้ายถวายความเคารพต่อผู้เป็นนาย อวี้เฟิ่งมองด้วยความประหลาดใจนัก ชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นทำให้นางคืนสติ สนใจสิ่งที่เขาพูด “เจ้าไม่ต้องถามว่านางเป็นใคร เพราะนางฟังภาษาเจ้าไม่ออกหรอก” ชายผู้นี้เอ่ยกล่าวจบ อวี้เฟิ่งจึงเอ่ยถาม “เจ้าเป็นใคร ลักพาตัวข้ามาใช่ไหม” อวี้เฟิ่งกล่าวจบ ชายผู้นี้จึงเอ่ยแนะนำตัวเอง “ข้าตงหลี ข่านแห่งแคว้นปี้อวี้” “เผ่าปี้อวี้” อวี้เฟิ่งเอ่ยด้วยความตกใจ แคว้นปี้อวี้ก็คือเผ่าปี้อวี้ ที่ต้าหวางจะกวาดล้างให้สิ้นซาก เนื่องด้วยเป็นเผ่าที่ดุร้าย ปล้นสะดมเมืองของแคว้นเฉินเป็นว่าเล่น จนต้าหวางคิดจะมาปราบด้วยพระองค์เอง “เจ้าชื่ออะไร เกี่ยวข้องอะไรกับเฉินเป่ยเยว่ หรือเจ้าเป็นสนมของมัน” ตงหลีใช้กระบี่ตวัดเข้าหานางทันที อวี้เฟิ่งไม่คิดกลัวกระบี่ สิ่งที่นางกลัวว่าในค่ายแห่งนี้มีแต่ชาย หญิงน้อยนัก นางกลัวว่าจะโดนข่มขืนแล้วก็ฆ่านางเสีย แล้วนางจะกลับไปรับใช้ต้าหวางได้อย่างไร อีกอย่างนางไม่อยากตายในค่ายโจร นางจึงตอบตงหลีอย่างไม่เกรงกลัว “ข้าชื่ออวี้เฟิ่ง เป็นนางกำนัลของต้าหวาง ข้าไม่มีข้าอะไรให้ท่านสังหาร” อวี้เฟิ่งเอ่ยจบ ตงหลีมองหน้าอวี้เฟิ่งแล้วใช้มือของเขาจับใบหน้านางเชิดขึ้นเล็กน้อย ตงหลีคิดว่านางไม่เลวเลยทีเดียว คิดอีกว่านางเป็นเพียงแค่นางกำนัลเท่านั้น อีกทั้งงามหมดจดถึงเพียงนี้อย่างน้อยต้องเป็นฟูเหริน อย่างไรเสียนางก็อยู่ในมือตนจะปล่อยผ่านไปได้อย่างไร “อวี้เฟิ่ง เจ้าแต่งงานกับข้า ข้าจะให้เจ้าทุกสิ่งอย่างที่เจ้าปรารถนา ไม่ว่าจะเป็นแก้วแหวนเงินทอง ข้ามีให้เจ้าทุกอย่าง เพียงเจ้าตอบตกลงแต่งงานกับข้า” “ไม่” อวี้เฟิ่งตอบเสียงดังฟังชัด ทว่าตงหลีเข้าประชิดตัวนาง นางจึงถอยหนี “ข้ามีเวลาให้เจ้าหนึ่งคืน ให้เจ้าได้ตัดสินใจ ถ้าเจ้าตอบตกลงจะแต่งงานกับข้า ข้าก็จะดีกับเจ้า แต่ถ้าไม่ข้าจะเผาเจ้าทั้งเป็น” ตงหลีกล่าวจบจึงปล่อยตัวนาง แล้วก้าวเดินออกไป อีกทั้งยังกำชับเหล่านางกำนัลของตนให้ดูแลอวี้เฟิ่งไม่ให้ออกไปไหน อีกทั้งอวี้เฟิ่งยังคงกล่าวยืนยันคำเดิมระหว่างที่เขาเดินออกไปว่า ‘ไม่’ อย่าลืมเม้นท์และมอบหัวใจ เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม