บทที่ 1 แสนชัง03

977 คำ
ดวงตาของปวริศาฉายแววตัดพ้อ แต่ก็ไม่ได้หันกลับไป เพราะมันคงไม่สามารถแทงทะลุทะลวงเข้าไปข้างในใจของภาธรได้ ปวริศาเลือกที่จะเดินต่อไปแถมยังก้าวเร็วๆ ภาธรกดยิ้มร้ายก่อนจะหมุนตัวกลับไปมองยังนอกหน้าต่างอีกหน พร้อมความเครียดที่ผ่านเข้ามาในหัวให้ต้องคิดทบทวนอีกรอบ ถึงแม้ภาธรจะยอมรับข้อตกลงแล้ว ปวริศาก็ยังอดกังวลไม่ได้ เนื่องจากกลัวว่าเขาจะไม่มา หญิงสาวมาชะเง้อคอยที่หน้าบ้าน ในตอนนี้อาหารทุกอย่างได้ปรุงเสร็จอย่างเรียบร้อยแล้ว รอยยิ้มบางๆผุดขึ้นเมื่อเห็นเขาก้าวเข้ามาในบ้านแล้ว ยอมรับว่าโล่งใจเป็นที่สุด แต่มันก็เป็นแค่เปลาะแรกเท่านั้น “ทำไมวันนี้ไม่รับโทรศัพท์พ่อเลยเจ้าธร” ใบหน้าของสรวิศมีรอยยิ้มขณะเข้าไปทักทายลูกชาย แม้ประโยคที่ถามจะน้อยใจ มันก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะรู้ดีว่าเขาไม่มีสิทธิ์ จากความสัมพันธ์พ่อและลูกที่ไม่ได้คืบหน้า ภาธรไม่ตอบได้แต่วางสีหน้าเรียบเฉย ด้วยไม่อยากให้สถานการณ์ตึงเครียด ผู้เป็นพ่อจึงหยุดการซักถาม “ไปกินข้าวกันเถอะ วันนี้หนูหวานทำของโปรดของแกไว้ให้” บทสนทนาบนโต๊ะอาหารมีไม่มากนัก ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสรวิศที่พูดอยู่คนเดียว มีภาธรขานรับในบางคำถามเท่านั้น ส่วนปวริศาก็ภาวนาให้เขาอย่าร้ายไปมากกว่านี้ อย่าได้พูดถึงความสัมพันธ์ที่มันไม่มีอยู่แล้ว “ทำไมแกกินน้อย” สรวิศอดเป็นห่วงลูกชายไม่ได้ เพราะสีหน้าของคนตรงกันข้ามดูไม่ดีเลยสักนิด ความเครียดมันทะลุผ่านออกมาให้เห็น “ไม่ค่อยถูกปากครับ” “พูดแบบนี้ เดี๋ยวหนูหวานจะคิดมากนะเจ้าธร รักษาน้ำใจเมียแกหน่อย” สรวิศบอกพร้อมกับหันไปมองหน้าปวริศาอย่างเห็นอกเห็นใจ เขารู้ถึงความสัมพันธ์ที่เปราะบางของคู่นี้ แถมการเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ยังมาจากคำว่าบุญคุณทั้งสองฝ่าย คนที่บังคับให้วิวาห์นี้เกิดขึ้นก็คือ คุณหญิงรดา มารดาของเขานั่นเอง “เมีย?” ชายหนุ่มร้องถามกลับเสียงสูงพอสมควร คิ้วเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม นั่นทำให้อกของปวริศาร้อนดั่งถูกไฟเผา เพราะหล่อนยังไม่ได้บอกสรวิศเรื่องการหย่าร้าง กลีบปากเล็กขยับเป็นประโยค เพียงมันไม่มีเสียง แววตานั้นวอนขอสุดฤทธิ์ “หวานขอ อย่าเพิ่งบอกท่าน” ภาธรเหยียดยิ้มให้ แล้วเลือกที่จะทำตามคำขอ ทว่าเชื่อเถอะว่าไม่ใช่ทำเพื่อปวริศา “ไม่สบายด้วยหรือเปล่า พ่อเห็นหน้าตาแกไม่ดี” “ปวดหัวนิดหน่อยครับ” “เดี๋ยวพ่อไปหายามาให้” คนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่มีใครอยากเห็นลูกเจ็บป่วย “เดี๋ยวหวานไปหยิบให้เองค่ะ” อาสาเพราะไม่อยากให้ท่านต้องเหนื่อย จากข้อคำสั่งของคุณหมอช่วงแรกหลังจากผ่าตัดหัวใจ ที่ให้ทำกิจวัตรประจำวันได้ แต่ต้องไม่มากไป พอปวริศาหายวับไปจากลานสายตา สรวิศก็เอ่ยอีกเรื่องที่อยากจะถามมากที่สุด หากมันสำเร็จชาตินี้คงจะได้นอนตายตาหลับเสียที “ตกลงแกจะจัดงานแต่งงานได้หรือยัง อยู่กันมาสองปีแล้ว ให้เกียรติหนูหวานบ้างสิ” ยอมรับว่าตำหนิถึงจะมีความเข้าใจมากก็ตาม ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเขาอยากเห็นปวริศามีความสุข เหมือนที่ครั้งหนึ่งเขาได้มีความสุข แต่ความขี้ขลาดทำให้ความสุขนั้นเลือนหายไป “หรืออยากให้พ่อช่วยอะไร ให้หาวันให้ไหม พ่อช่วยได้ หรือแม่เราป่านนี้แล้วยังไม่ยอมรับ” ตัวการสำคัญที่ขัดขวางก็คือ ภรรยาเก่าอย่างภคนันท์ “ผมเลือกวันได้แล้วครับ แต่...มีบางรายละเอียดที่ต้องเปลี่ยน หวานยังไม่ได้บอกให้ทราบหรือครับ” เพราะในครั้งนี้นอกจากมารดาจะไม่ขัดขวางแล้ว ยังเร่งให้หาวันอีกต่างหาก คำตอบของภาธรทำให้สรวิศยิ้มกว้าง หัวใจกระชุ่มกระชวยขึ้นมา แถมน้ำเสียงก็แสดงความตื่นเต้นไม่น้อย“วันไหนหรือเจ้าธร พ่อจะได้เตรียมตัดชุดได้ถูก แล้วอะไรที่ต้องเปลี่ยน” คนที่เดินไปเอายากลับมาได้ยินบทสนทนาพอดี พานทำให้แข้งขาอ่อนแรงด้วยรู้ว่าเขากำลังคิดจะเอ่ยอะไร “เจ้าส…” ไม่ทันที่เสียงเข้มจะได้เอ่ยจนจบประโยค ปวริศาก็สวนขึ้นมาก่อน “หวานแจ้งทางร้านไปแล้วค่ะ หวานจัดการได้ค่ะคุณท่าน” “มีอะไรให้ลุงช่วย บอกลุงได้นะหนูหวาน” “ค่ะ” แม้จะแก้เกมได้ ทว่าตอนนี้หัวใจของปวริศาก็ยังเต้นผิดจังหวะ เพราะจะอีกนานแค่ไหนกันที่จะปิดมันได้ เหตุผลหลักที่ยังไม่อยากเปิดเผยก็เพราะสุขภาพของสรวิศ ท่านเป็นโรคหัวใจ และเคยเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นฉับพลันมาแล้วหนึ่งครั้งจึงเป็นเหตุให้ต้องไปรักษาตัวที่ต่างประเทศเป็นเดือนๆเธอกลัวเสียเหลือเกินว่าหากรู้ความจริงท่านจะช็อกจนเกิดภาวะหัวใจวายอีกรอบ ที่สำคัญตอนนี้ก็ยังอยู่ในระยะพักฟื้น ต้องมีนางพยาบาลคอยดูแลใกล้ชิด เธอจะรอเวลาและหาโอกาสเหมาะ ๆ บอกท่านอีกที “โกหกไม่ดีนะหวาน ให้ฉันไปบอกเขาให้เอาไหม” ลมหายใจอุ่นร้อนที่มาเป่ารดต้นคอ พร้อมกับเสียงเข้มที่ร้องถาม ทำให้คนที่กำลังล้างจานสะดุ้งเล็กๆ หญิงสาวต้องหยุดมือจากสิ่งที่ทำแล้วตอบฉับไว “อย่าบีบหวานนักเลยได้ไหมคะ หวานจะหาทางบอกคุณท่านเอง” น้ำเสียงอ้อนวอนและมันไม่ได้ดังมากนัก ด้วยเนื่องกลัวว่าเจ้าของบ้านหลังนี้จะได้ยิน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม