บทที่ 2 เงา

887 คำ
“มีอะไรมาแลกเปลี่ยนล่ะ หัวใจเธอไม่เอาแล้วนะ มันไม่มีราคา” ถ้อยคำนี้ยิ่งกว่ามีคนเอาค้อนมาทุบศีรษะเสียอีก เขากำลังเปรียบว่าหัวใจเธอไร้ค่าสินะ “อยากได้อะไร หวานให้หมด” ภาธรนึกขันยิ่งนัก การยื้อเวลามันเปล่าประโยชน์ บุรุษตัวโตถอยห่างโดยไม่ได้ตอบอะไร พร้อมนึกสนุกกับสิ่งที่ร่างบางคิดจะทำ เมื่อถึงเวลากลับ สรวิศก็เดินมาส่งลูกชายถึงหน้าบ้าน “ถ้าเป็นเยอะไปหาหมอนะเจ้าธร อย่าปล่อยไว้” ถึงจะวางสีหน้าเรียบ ครั้งนี้ภาธรขานรับ “ครับ” แล้วคนสูงอายุที่สุดก็หันไปหาลูกสะใภ้ “หนูหวานจะอยู่ค้างที่นี่หรือ” เพราะแทนที่จะไปยืนข้างลูกชาย เจ้าหล่อนกลับมายืนข้างๆเขาแทนเหมือนมายืนส่ง “ค่ะ” “ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนลุงหรอก กลับไปดูแลเจ้าธรที่บ้านเถอะ” ถึงอยากจะแย้ง ทว่าดูจากสถานการณ์แล้วทำตามคงดีที่สุด เพื่อไม่ให้ท่านสงสัยได้ หญิงสาวเดินตามภาธรมาขึ้นรถและนั่งเงียบจนใกล้จะถึงที่หล่อนต้องการลง “หวานจะขอลงตรงปากซอย” เพราะตอนนี้ไม่ได้อาศัยอยู่ที่บ้านหลังนั้นอีกแล้ว ที่สำคัญมันก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องทนนั่งอึดอัดไปตลอดทาง และเธอก็ไม่อยากให้เขารู้ที่อยู่ปัจจุบันด้วย “ไม่อยากจะกลับบ้านฉันแล้วหรือ…ไปทำหน้าที่ที่พ่อฉันอยากให้ทำ” “หวานไม่มีหน้าที่นั้นแล้ว…” “ลืมไปหรือเปล่า หน้าที่นางบำเรอยังรอเธออยู่ ไปทำให้หน่อยคืนนี้” ภาธรบอกเสียงนุ่ม ดวงตาวาววับไปด้วยความร้ายอย่างไม่เก็บซ่อน ปวริศารู้แก่ใจว่าเขาต้องการจะทวงหาข้อแลกเปลี่ยนที่ให้เขาการได้เหยียบหัวใจและทำให้เธอไร้ศักดิ์ศรี เขาคงรู้สึกดีเหมือนได้ธงแห่งชัยชนะ บทที่ 2 เงา “น้องหวานครับ ฝากเอกสารนี้ไปให้คุณธรเซ็นทีนะ ต้องใช้พรุ่งนี้เช้า เป็นงบเบิกจ่าย” ศรันย์ยื่นเอกสารดังกล่าวให้ปวริศา ก่อนจะเอ่ยถึงสาเหตุที่ตนไม่สามารถนำไปให้ด้วยตัวเองได้ “พี่ฝากด้วย วันนี้พี่ต้องรีบไปพบลูกค้า” “ได้ค่ะพี่รัน” หล่อนรับมาและเหลือบไปมองนาฬิกา นาฬิกาบอกเก้าโมงเช้า ตอนนี้ภาธรคงมาทำงานแล้ว หญิงสาวจึงลุกจากเก้าอี้แล้วมุ่งตรงไปยังห้องทำงานของท่านประธานของบริษัท แม้ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน เจ้าของห้องนั้นจะต้องพูดกระทบใจให้หล่อนเจ็บแต่หญิงสาวก็แยกออกว่านี่คือเรื่องงาน ดังนั้นจะบ่ายเบี่ยงไม่อยากเจอเขาไม่ได้ “น้องหวาน วันนี้คุณธรไม่เข้านะจ๊ะ” พอเห็นแฟ้มเซ็นอนุมัติในมือก็พอจะรู้ว่าคนตรงหน้าคงต้องขอเข้าพบเจ้านาย พอได้ฟัง ปวริศาก็อดสงสัยไม่ได้ เพราะปกติน้อยครั้งนักที่ภาธรจะไม่เข้าบริษัท พออรณิชาพูดต่อให้ทราบถึงสาเหตุ สีหน้าของปวริศาก็ดูเปลี่ยนไป “เห็นบอกว่าไม่สบาย” “เขาไม่สบายหรือคะ” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเป็นห่วง เพราะหากเขาไม่มาทำงาน แสดงว่าต้องเป็นมากทีเดียว คนรักงานอย่างภาธร ต่อให้ป่วยแค่ไหน หากยังมีแรงมาทำงานไหวก็จะมา “ถ้ามีอะไรเร่งด่วนคงต้องเอาไปให้คุณธรเซ็นที่คอนโดฯ” อรณิชาว่าต่อ พอพูดถึงที่นั่น หญิงสาวก็ดวงตาวูบไหว เพราะมันคือที่ที่เธอไม่เคยอยากจะไป “เดี๋ยวพี่เอาไปให้เองจ้ะ” อรณิชาทราบเรื่องของภาธรและปวริศาดี จึงอาสาไปเองอีกอย่างเพราะปวริศาเป็นคนดี จึงอดสงสารไม่ได้ “หวานไปเองดีกว่า พี่ฝนกำลังท้อง ขืนโหนรถเมล์แล้วล้มไปคงแย่” เจ้าหล่อนแย้งและยิ้มให้ ถึงจะเป็นรอยยิ้มที่ดูแล้วไม่สดใสหรือเต็มใจเลยก็ตาม “จะดีหรือหวาน” “หวานไปได้ค่ะ” “งั้นขอบใจจ้ะ” ปวริศากลับไปหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเองก่อนจะมุ่งไปยังป้ายรถเมย์ คอนโดมิเนียมของเขาก็ไม่ได้อยู่ไกลจากที่ทำงานมากนัก สาเหตุนี้เขาถึงซื้อที่นั้น นี่เป็นครั้งที่สองที่ไปที่นั่นไม่รู้ว่าใจจะเจ็บไปกว่าเดิมสักแค่ไหน หญิงสาวบอกตัวเองให้เข้มแข็งให้ได้มากที่สุด ก๊อก…ก๊อก… มือน้อยเคาะส่งสัญญาณ ทว่ารออยู่ร่วมห้านาทีกว่าประตูบานนั้นจะเปิดออก เพียงเห็นหน้าคนที่มายืนหน้าประตูห้องของตัวเอง ภาธรที่อยู่ในชุดนอนก็เสยผมอย่างลวกๆ พร้อมกับร้องถามเสียงห้วนๆ หญิงสาวสังเกตเห็นว่ากระดุมเม็ดบนของอีกฝ่ายหลุดออก สีหน้าก็ไม่ได้ดูดีนัก ดูเพลียและอ่อนแรง “มีอะไร” “หวานเอาเอกสารมาให้เซ็นค่ะ ต้องใช้พรุ่งนี้” หล่อนบอก “รออยู่ตรงนี้” ชายหนุ่มหมุนตัวไปเปิดลิ้นชักแล้วหยิบปากกาด้ามหนึ่งมา ก่อนจะดึงเอกสารจากมือของปวริศามาแล้วเซ็นมัน “ฝากบอกคุณฝนไปด้วยว่าพรุ่งนี้ฉันก็ไม่เข้าบริษัท” “ค่ะ” “เสร็จแล้วก็กลับไป”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม