ตอนที่ 1 งั้นลองเอากันอีกครั้งไหม.. เผื่อเธอจะถือ

1843 คำ
ตอนที่ 1 งั้นลองเอากันอีกครั้งไหม.. เผื่อเธอจะถือ  ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! “เชิญ” เสียงนุ่มทุ้มน่าเกรงขามของคนด้านในเอ่ยออกมาเรียบนิ่งเป็นการอนุญาตให้กับคนด้านนอก “สิบโมงมีประชุมกับ บริษัท ABS ค่ะ” สาวสวยร่างบางส่วนสูงตามฉบับนางแบบ เจ้าของเส้นผมสีคาราเมลยาวสลวยอย่างสุขภาพดีก้าวเท้าเดินเข้าไปด้านในอย่างคล่องแคล่ว พร้อมกับยื่นเอกสารการประชุมให้เขาก่อนจะเอ่ยต่อด้วยเสียงนิ่มเช่นเดิม “ท่านประธานตรวจสอบเอกสารก่อนนะคะ” “อืม” เขาตอบรับก่อนจะปรายตาไปมองใบหน้าของเธอเล็กน้อยแล้วหันจดจ่อกับกองเอกสารตรงหน้าต่อ “ขอตัวค่ะ” เธอก้าวเท้าเดินออกจากโต๊ะของเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉยอย่างไม่รู้สึกอะไร ก่อนจะเดินไปเปิดประตูออก แต่เมื่อเธอนึกถึงเรื่องที่คุณหญิงอมรสั่งมาทำให้เธอหันหลังและเดินกลับไปยืนข้างโต๊ะทำงานของปิติภัทรอีกครั้ง “คุณหญิงอมรฝากเตือนคุณปิติภัทรว่าสองทุ่มวันนี้มีนัดทานข้าวกับลูกสาวท่านเจ้าสัวนะคะ” ปิติภัทรเงยหน้าหล่อ ๆ ของเขาออกมาจากกองเอกสารแทบจะทันที ใช้มือหนาข้างหนึ่งเอื้อมมาคว้าเอวคอดของเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว เพราะความรวดเร็วของเขาทำให้ม่านฟ้าไม่ทันได้ตั้งตัวจนเธอนั้นเสียหลักล้มลงไปนั่งบนตักแกร่งของเขา ที่จงใจหมุนเก้าอี้มารับไว้อย่างช่ำชอง สองแขนของเขากอดรอบเอวเธอแน่นราวกับมือปลาหมึก ใบหน้าฟ้าประทานของเขาคลอเคลียไปตามซอกคอขาว กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของแชมพู กลิ่นกายหอม ๆ ที่เป็นกลิ่นเฉพาะของเธอทำให้ปิติภัทรแทบจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ “เธออยากให้ฉันไปจริงหรอ” เขาบ่นพึมพำของข้างหูของเธอ จมูกโด่งรั้นเป็นสันไล่คลอเคลียจนเธอรู้สึกขนลุกขนชันเป็นระยะ “เป็นแขกของคุณหญิง ต้องไปค่ะ” เธอตอบเขาออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พร้อมทั้งพยายามแกะมือปลาหมึกของเขาเป็นพัลวัน แต่มีหรือที่คนอย่างปิติภัทรนั้นจะยอมปล่อยให้เธอหลุดไปง่าย ๆ ‘ม่านฟ้า’ หญิงสาววัย 28ปี ที่ทำหน้าที่เป็นเลขาให้ประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์อย่างคุณ ‘ปิติภัทร’ มาเกือบ 2ปี เรียกได้ว่ารู้จักเจ้านายแบบเห็นไส้เห็นพุงเลยก็ว่าได้ เธอจัดอยู่ในผู้หญิงที่สวยติด1ใน3ของบริษัท นอกจากความสวยที่สะกดสายตาทุกคนแล้ว ความนิ่ง ความสุขุมเยือกเย็นและความดุราวกับสุนัขแม่ลูกอ่อนของเธอก็เป็นที่กล่าวขานตามกันมาติด ๆ เช่นกัน นั่นจึงทำให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่แวะมาขายขนมจีบต่างพากันทยอยออกห่างเธอไปโดยปริยาย เดิมทีเธอเองก็ทำงานเป็นพนักงานทั่วไปในบริษัท แต่เพราะความฉลาดเป็นกรดของเธอที่เข้าตาคุณหญิงอมรหรือก็คือแม่ของปิติภัทรนั้น ทำให้เธอได้มารับหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัวในการดูแลเจ้าลูกชายสุดที่รักของคุณหญิง โดยมีข้อตกลงร่วมกันกับคุณหญิงว่าเธอจะต้องช่วยกันท่าผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาใกล้ปิติภัทร.. รวมถึงตัวของเธอด้วย “ปล่อยเถอะค่ะ เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้า” แต่สิ่งที่ยากกว่าการทำงานของเธอก็คือ การแกะมือของเขาให้ออกจากเอวของเธอนี่แหละซึ่งดูแล้วดูเป็นอะไรที่ยากยิ่งกว่ายาก “ใครจะกล้าเข้ามา” แต่ปิติภัทรก็คือปิติภัทร ความตีมึนของเขามีหรือใครจะเทียบเท่า นอกจากที่เขาจะไม่ปล่อยมือออกจากเอวเธอแล้ว ยังรัดให้แน่นกว่าเดิมราวกับว่าจะแกล้งให้เธอหายใจไม่ออกอย่างไรอย่างนั้น “ฉันมีงานอีกเยอะนะคะ ปล่อยเถอะค่ะ” เธอลดความแข็งกร้าวของเสียงลงหนึ่งระดับเพื่อให้ผู้ชายด้านหลังปล่อยมือออก ตามนิสัยของเขาแล้วเธอรู้ว่าคนอย่างเขาการใช้ไม้แข็งมากไม่ใช่ว่าจะได้ผล เขาคลายความแน่นของวงแขนของเขาลงเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นยกให้เธอขึ้นไปนั่งประจันหน้ากับเขาบนโต๊ะทำงาน ได้ยินเสียงถอนหายใจเบา ๆ ของเธอราวกับกำลังเอือมระอาการกระทำของเขาเต็มทน “เติมพลังหน่อย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “เติมยังไงคะ” ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้จักปิติภัทรแต่ก็เลือกที่จะลองถามหยั่งเชิงไปก่อนก็ไม่ได้เสียหาย “หิวนม” น้ำเสียงทะเล้นของเขาเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ชอบใจเสียเต็มประดา นอกจากม่านฟ้าที่ไม่ได้ตกใจกับคำพูดของเขาเลยสักนิดแล้ว เธอกลับโน้มตัวลงไปใช้แขนตวัดรอบคอพร้อมกระซิบที่ข้างหูเขาด้วยน้ำเสียงเย็น ๆ “นม.. ฉันมีไว้ให้ลูกกินค่ะ” “งั้นทำลูกกัน!” ก๊อก! ก๊อก! เธอสะดุ้งตัวโยนแทบกระโดดลงจากโต๊ะทำงาน ทันทีที่เธอลงมายืนพร้อมดึงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยประตูห้องก็ถูกเปิดออก หญิงสาวในชุดเดรสเกาะอกสีแดงสด รองเท้าสูงประมาณห้านิ้วเห็นจะได้ ดูก็รู้ว่าน่าจะเป็นคู่ขาคนใดคนหนึ่งของท่านประธานเป็นแน่ “งานของเธอมาอีกแล้วม่านฟ้า ทำงานให้คุณหญิงอมร..ก็เหนื่อยหน่อยนะ” ปิติภัทรเอียงคอมาพูดกับเธอเบา ๆ ก่อนจะหันมายิ้มให้จนตาหยี แล้วผละใบหน้าออกไปจดจ่อกับกองเอกสารราวกับว่าไม่ได้สนใจกับการมาของคนตรงหน้า “นัดไว้หรือยังคะ” ม่านฟ้าหันไปเอ่ยถามผู้ที่มาใหม่ด้วยเสียงเข้ม “ทำไมฉันต้องนัด” หญิงสาวเบะปากตอบด้วยใบหน้าของคนที่เหนือกว่า เธอเดินเข้ามาใกล้ยกมือขึ้นกรีดเล็บสีแดงสดไปเชยคางม่านฟ้าเบา ๆ แต่เพราะความคมของเล็บปลอมหรือองศาอะไรไม่แน่ใจ ทันทีที่เล็บของเธอเชยคางม่านฟ้าก็เป็นจังหวะที่ม่านฟ้าเองต้องสะดุ้ง “ทำอะไร!” เธอตวาดออกไปด้วยความตกใจ และด้วยความแสบเล็กน้อยทำให้เธอยกหลังมือขึ้นมาเช็ดบริเวณนั้น เลือดสีแดงซึมติดหลังมือของเธอเล็กน้อย สายตาคมเฉี่ยวของม่านฟ้าจ้องมองเขม็งไปที่หญิงชุดแดงอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่เพราะการเป็นเลขาของท่านประธานเธอทำได้แค่ยืนขบฟันอยู่เท่านั้น “อุ๊บ! ไม่ได้ตั้งใจ ซอรี่น้า” “ไม่มีธุระ ไม่ได้นัดไว้ เชิญออกไปด้านนอกด้วยค่ะ” “ฉันมาหาคุณเธียรไม่ได้มาหาเธอ เป็นแค่เลขาก็ทำแค่หน้าที่ตัวเอง” “กำลังทำหน้าที่ไงคะ” “หน้าที่อะไร” “ไล่! หมา! ค่ะ!.. เดี๋ยวหมาจะมากัดคุณปิติภัทร!” เธอตอบไปช้า ๆ พร้อมรอยยิ้มที่แสนหวาน “แก!” และเพราะคำพูดของเธอนั้นส่งผลให้ผู้หญิงด้านหน้ายืนกระทืบเท้าเร่า ๆ สะบัดมือไปมาราวกับไม่ถูกใจ เธอง้างมือหวังจะฝากศิลปะรอยนิ้วสวย ๆ ทั้งห้านิ้วไว้บนแก้มม่านฟ้า แต่กลับต้องชะงักมือเมื่อปิติภัทรที่นั่งเฉยราวไม่รู้ไม่เห็นอะไรลุกจากเก้าอี้ด้วยความเร็วแสง “ทำอะไร” เขาหันไปถามหญิงสาวด้วยเสียงเย็นเฉียบแต่แสดงออกมาว่าไม่พอพอเป็นอย่างมาก “ก็เลขาคุณด่าแมงมุมนี่คะ” เธอออดอ้อนเขาพร้อมทั้งซบหน้ากอดแขน “แมงมุม?” เขาทวนชื่อเธอขึ้นมาก่อนจะหันไปมองที่ม่านฟ้าอย่างตั้งคำถาม “ค่ะ แมงมุมเอง” เธอยังคงออเซาะกอดแขนเขาอยู่แบบนั้น “ม่านฟ้า” เขาไม่ได้ตอบอะไรผู้หญิงคนนี้ ได้แต่ยืนจับข้อมือของเธอเอาไว้พร้อมกับเรียกชื่อเลขาเสียงแข็ง “เรียก รปภ. ใช่ไหมคะ เรียบร้อยแล้วค่ะ” ม่านฟ้าตอบไปนิ่ง ๆ แต่ทำให้หญิงสาวดีดตัวขึ้นมายืนตรงราวกับเคารพธงชาติ “อะไรกันคะคุณเธียร” เธอหันไปตวาดเสียงใส่เขาที่ค่อนข้างดัง “คุณจะมาฟันแมงมุมแล้วทิ้งแบบนี้ไม่ได้นะคะ แมงมุมไม่ยอม!” “ฉันเรียก รปภ.แล้ว ถ้าคุณไม่อยากถูกลากออกไปและเป็นข่าวฉาว นางแบบสาวที่ไม่ค่อยจะมีชื่อเสียงวิ่งไล่ตามจับผู้ชาย แต่ถูก รปภ.จับลากออกจากห้องและโยนออกนอกบริษัทละก็ออกไปก่อน รปภ.จะมาถึงเถอะค่ะ.. ฉันเตือนด้วยความหวังดี” “ได้! ไว้ฉันจะมาใหม่! ฉันไม่ยอมเสียตัวฟรีแน่!” เธอเดินกระแทกเท้าออกไปอย่างไม่ถูกใจ และเป็นจังหวะเดียวกับที่ รปภ.เดินเข้ามาในห้องพอดียิ่งสร้างความฟึดฟัดให้กับเธอเป็นอย่างมาก “ไม่ต้องจับ! มีขา! เดินเองได้!” “เจ็บไหม” ปิติภัทรโน้มตัวลงมาหวังจะดูบาดแผลที่เธอได้รับ “อีกครึ่งชั่วโมงมีประชุม ท่านประธานเตรียมตัวด้วยค่ะ” ม่านฟ้าตอบออกมาเสียงเรียบ ก่อนจะถอยหลังออกจากมือของเขาที่กำลังจะเชยคางของเธอทำให้ฝ่ามือนั้นค้างอยู่กลางอากาศ เมื่อเตือนเรื่องเวลาประชุมเรียบร้อยแล้วเธอจึงเดินออกจากห้องไปทันที “ขอตัวค่ะ” “ม่านฟ้า!” *///* ‘ที่รัก~ เลิกงานไปกินชาบูกันไหม’ เสียงดังฟังชัดเรื่องของกินนี้เป็นของอันวา เพื่อนสนิทที่เข้ามาทำงานพร้อมกันเมื่อตอนสมัครเป็นพนักงานแรก ๆ เธอส่งวอยซ์ทักมาในแอปพลิเคชันสีเขียวชื่อดัง "ไปสิกำลังหิวพอดี เจอกันหน้าบริษัทนะ" เธอส่งวอยซ์ตอบพร้อมกับยัดมือถือลงไปในกระเป๋าสะพายรุ่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์หรู “ม่านฟ้า” แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เดินออกจากโต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่หน้าห้องของท่านประธานคนหล่อ คนในห้องที่เดินออกมาด้วยใบหน้าไม่ชอบใจนักได้ส่งเสียงเรียกเธอด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “หมดเวลางานแล้วค่ะคุณปิติภัทร” เธอตอบเขาพร้อมกับยกข้อมือที่ถูกสวมด้วยนาฬิกาหรูราคาหลายแสนแบรนด์ดังชูไปที่เขา “โกรธเหรอ” เขาเอียงคอถาม “ฉันไม่มีสิทธิ์โกรธอะไรท่านประธานนะคะ” เธอตอบไปพร้อมกับเก็บของทั้งหมดยัดลงกระเป๋าแบบไม่ค่อยจะสนใจอะไรมากนัก “ถ้าเธอยังไม่คุยกับฉันดี ๆ ฉันจะเหมารวมว่าเธอหึงนะม่านฟ้า” เธอสะดุดหยุดนิ่งแล้วหันมามองปิติภัทรช้า ๆ ก่อนจะยกยิ้มขึ้นมาอย่างคนที่ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรจริง ๆ “ฉันไม่ได้หึง.. ไม่ได้โกรธ.. ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย” “จริงเหรอ” เขาเลิกคิ้วถามอย่างคนที่ไม่เชื่อ “ทำไมคิดว่าฉันจะหึงหรือโกรธหรอคะ.. เคยเอากันแค่ครั้งสองครั้งฉันไม่ถือหรอกนะ” “งั้นเราจะลองมาเอากันอีกครั้งไหม.. เผื่อเธอจะถือ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม