ตอนที่ 2 ว่าที่ภรรยาของท่านประธานหน้าหม้อ

1985 คำ
ตอนที่ 2 ว่าที่ภรรยาของท่านประธานหน้าหม้อ ร้านชาบู “อารมณ์ไม่ดีหรอที่รัก” อันวาเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่พวกเธอนั้นนั่งตักหมูเข้าปากกันอย่างเงียบ ๆ มาเกือบครึ่งชั่วโมง “อือ.. นิดหน่อย” “โดนท่านประธานสุดหล่อพาสาวมาให้ปวดหัวอีกแล้วละสิ” เธอยังคงถามไปตักหมูเข้าปากไป ราวกับเรื่องที่พูดนั่นคือกิจวัตรประจำวันของเขา “อือ” ม่านฟ้าเองก็ตอบไปด้วยเสียงที่ราบเรียบเพราะมันก็คือเรื่องจริงนั่นแหละนะ “แย่เลย สู้ ๆ นะที่รักของอันวา” เธอยังคงพูดไปพร้อมกับเคี้ยวเต้าหู้ที่เพิ่งตักขึ้นมาจากหม้อร้อน ๆ จนแก้มของเธอตุ่ยอย่างน่ารักน่าชัง “ไอชินละ” ปากก็ตอบไปเหมือนกับว่าไม่ได้สนใจอะไร มือก็ตักเนื้อ นม ไข่ และผักในหม้อขึ้นมาใส่จาน “ที่รัก.. หรือว่าท่านประธานจ้องจะเคลมยูวะ” เธอถามพร้อมกับจ้องหน้าของเลขาคนสวยอย่างเธอเขม็ง “แค่ก! แค่ก!” “เห้ย! ไอแค่ถามเล่น ๆ ยูเป็นไร อ่ะ! น้ำ! ดื่มน้ำก่อน” เธอยื่นแก้วน้ำให้อย่างละล่ำละลัก ม่านฟ้าคว้าแก้วน้ำนั้นมาดื่มจนเกือบหมด พร้อมกันนั้นยังมองใบหน้าของเพื่อนอย่างไม่สามารถเป็นไปได้ “ยูพูดอะไรที่เป็นไปได้หน่อยเถอะ” “เป็นไปไม่ได้ได้ยังไง นี่แหละเรื่องที่เป็นไปได้! ยูสวยขนาดนี้แถมพ่วงตำแหน่งเลขาส่วนตั๊วส่วนตัวอีก ไอว่าท่านประธานจ้องจะเคลมยูแน่ ๆ” “พอ ๆ เลิกคุยเรื่องนี้เถอะ อ่ะ! กินเข้าไปปากจะได้ไม่ว่าง” ม่านฟ้าบอกพร้อมกับตักหมูในหม้อใส่ในจานของอันวาจนพูนจาน “พอก่อนเดี๋ยวกินไม่หมด!” หลังจากที่เปลี่ยนเรื่องคุยทั้งคู่ก็รู้สึกว่าอาหารอร่อยขึ้นมาทันที พูดคุยเรื่อยเปื่อยตามประสาคนโสดเป็นอะไรที่มีความสุขมากจริง ๆ “เดี๋ยวไอไปส่ง” “ไอว่าจะแวะไปห้างหน่อยอะ.. ยูกลับก่อนเลย” อันวาโบกมือปฏิเสธและทำท่าจะเดินออกไป คาดว่าน่าจะไปเรียกแท็กซี่นั่นแหละ “ไอไปเป็นเพื่อน” “โอเค ๆ งั้นไปห้างแถวนี้ละกันยูจะได้ไม่ขับรถไกล” “อืม.. ขึ้นรถเถอะ” เมื่อตกลงกันได้แล้วทั้งสองสาวก็ทิ้งตัวลงในรถยนต์ของม่านฟ้า เธอไม่รอช้าเหยียบคันเร่งและมุ่งหน้าไปยังห้างดังแถวนั้นทันที แต่เพราะเวลาหนึ่งทุ่มกว่า ๆ เป็นเวลาที่ท้องถนนอัดแน่นไปด้วยรถราคาแพงจนมันติดแน่นไปหมด ถึงจะใกล้มากขนาดไหนแต่ก็ยังใช้เวลามากพอสมควรอยู่ดี “ทำไมไม่รู้จักไปทางเดียวกันไปด้วยกันบ้างนะ” อันวานั่งบ่นตลอดทางที่ม่านฟ้าขับมาเพราะทั้งคู่เรียกได้ว่าติดทุกไฟแดงเลยนั่นแหละนะ “ก็ถึงแล้วนี่ไง” เธอพูดเสียงเรียบไม่ได้แสดงอาการว่าหงุดหงิดหรืออะไร พร้อมกันนั้นก็กดล็อกรถยนต์และเดินนำอันวาเข้ามาในห้างอย่างคุ้นเคย “ก็นั่นแหละไอถึงไม่เข้าใจไง ทำไมบอกว่าคนไทยประชากรคนจนเยอะก็ไม่รู้ ทั้งที่รถก็เต็มถนนแน่นไปหมด บางบ้านมีสามคันสี่คัน” เธอยังคงบ่นไม่หยุดในขณะที่เดินเข้ามาด้านใน “เอาไว้ไอจะซื้อเฮลิคอปเตอร์ก่อนนะ ยูจะได้ไม่หงุดหงิด” “ทำเป็นพูดไป ยูรีบซื้อเลยงั้นไอรอนั่งอยู่” ทั้งคู่หัวเราะเสียงดังทันทีที่สิ้นสุดเสียงพูดของอันวา ก็เป็นช่วงที่เธอเดินผ่านร้านแบรนด์เนมราคาหลายแสนพอดีและก็เป็นอันวาคนดีคนเดิมที่เริ่มร่ายยาว “สวยนะแต่แพงมาก! เงินเดือนไอสักปีนึงยังไม่พอซื้อเลยมั้งเนี่ย” อันวาปรายตามองกระเป๋าที่วางโชว์ระยิบระยับบนนั้นด้วยสายตาชื่นชมปนมาด้วยความรู้สึกขนลุกไม่น้อย ม่านฟ้ามองตามสายตาของอันวาไปสะดุดกับกระเป๋าหนังสีดำรุ่นล่าสุดที่เพิ่งเข้าช็อป เธอยืนมองอย่างชั่งใจก่อนจะสะกิดให้อันวาเดินเข้าไปในช็อปด้วยกัน “ไม่ไป!” “ไปเป็นเพื่อนไอหน่อย” “ไอรู้ว่ายูมีเงิน แต่ใบที่ยูสะพายนั่นน่ะ เพิ่งถอยมาไม่ถึงเดือนเองนะ” เธอยังคงบ่นอึบไปตามเรื่องตามราว แต่ถึงจะบ่นขนาดไหนก็ไม่วายเดินตามม่านฟ้าเข้ามาในช็อปต้อย ๆ อย่างห้ามไม่ได้เหมือนเดิม และเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่สองสหายมาเดินห้าง “สวัสดีค่ะยินดีต้อนรับค่ะ คุณลูกค้าสนใจใบไหนเรียกน้องพนักงานได้เลยนะคะ หรือสนใจเป็นตัวล่าสุดที่เพิ่งเข้าช็อปวันนี้เลยไหมคะ สินค้ามีเข้ามาจำกัดแค่ห้าใบ..” “รับใบนี้ค่ะ” ยังไม่ทันที่พนักงานจะพูดจนจบก็มีเสียงดังมาจากทางด้านหลังของทั้งคู่ และเมื่อหันไปพบว่าเสียงที่ไพเราะหูนั้นเป็นของหญิงสาวที่มีใบหน้าหวานและการพูดที่อ่อนน้อมละมุนหู ที่ยื่นการ์ดสีดำและบัตรวีไอพีให้กับพนักงาน “เอ่อ..” และคงเรียกว่าจังหวะนรกของพนักงานก็ว่าได้ เพราะม่านฟ้ารู้ว่าตัวเองนั้นสวยในสายตาคนอื่น แต่ถ้ารู้สึกไม่พอใจอะไรละก็ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าได้เลยเช่นกัน “ขอโทษนะคะ ใบนี้ฉันมาก่อน” ม่านฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยกับผู้หญิงด้านหน้าจากที่มองแล้วตัวเล็กกว่าเธออยู่ไม่น้อย “แต่ฉันเป็นวีไอพี มีสิทธิ์ได้ก่อนใช่ไหมคะพี่พนักงาน” เธอคนนี้ยังคงไม่ยอมแพ้ ถามสร้างแรงกดดันให้พนักงานด้วยใบหน้าที่ไม่รู้สึกรูสาใด “แล้วใครบอกว่าฉันไม่ใช่วีไอพีละคะ” ม่านฟ้าล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าหยิบการ์ดสีดำแบบเดียวกันกับที่เธอยื่นให้พนักงานมายื่นให้ “แต่ว่าน้ำตาลอยากได้ใบนี้นี่คะ” เธอพูดกับม่านฟ้าด้วยน้ำเสียงออดอ้อนแต่ก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรกับม่านฟ้าเลยแม้แต่น้อย “แต่ฉันจะซื้อใบนี้” ม่านฟ้าเองก็ไม่ใช่คนยอมคนซะด้วยสิ “งั้นฉันเพิ่มเงินให้สองเท่าเลยค่ะพี่พนักงาน” “ถ้าคุณพนักงานยอมรับสินบน ฉันจะส่งเรื่องเข้าสำนักงานใหญ่” “งั้นน้ำตาลให้เป็นค่าคอมเพิ่มก็ได้ค่ะ” “แบบนี้ก็เรียกว่าติดสินบนนะคะ” “คุณพี่คนสวยคะ ให้น้ำตาลเถอะนะ น้ำตาลอยากซื้อไปฝากคุณแม่” “ขอโทษนะคะคุณหนูน้ำตาล แต่ฉันจะซื้อใบนี้ไปฝากคนสำคัญของฉันเช่นกัน” “คุณซื้อใบอื่นได้ไหมคะ น้ำตาลจ่ายให้เองค่ะ จะกี่ใบในร้านหรือเหมาหมดเลยก็ได้ แต่ใบนี้น้ำตาลขอนะคะ” “จะกี่ใบก็ไม่เอาค่ะ” “เอ่อ..คุณลูกค้าคะ รุ่นล่าสุดนี้เหลือสองใบสุดท้าย ไม่ต้อง.. ทะเลาะกัน.. ดีไหมคะ” “แล้วทำไมเพิ่งบอก!” “แล้วทำไมเพิ่งบอกคะ!” ทั้งสองคนหันขวับไปไปถามพนักงานอย่างพร้อมเพรียงกัน “ขอโทษค่ะ.. ค .. คือเชิญที่เคาน์เตอร์ได้เลยนะคะ” เมื่อเป็นเช่นนั้นทั้งสองจึงเดินตามพนักงานไปชำระเงินที่เคาน์เตอร์ทันที เมื่อได้รับสินค้าแล้ว ทั้งคู่จึงรีบเดินออกจากร้านมาพร้อมกันแบบไม่มองหน้ากันสักเท่าไหร่ และต่างคนต่างเดินออกไปคนละทาง “เกือบได้กระเป๋ายกร้านละไหมล่ะยู” อันวาที่ยืนเงียบมองทั้งคู่เถียงกันอยู่นานพูดขึ้นพร้อมกับมองไปที่ด้านหลังของผู้หญิงคนนั้น “กี่ใบก็ไม่เอา มีแขนแค่สองข้างจะสะพายยังไงไหว” ม่านฟ้าตอบพร้อมกับมองตามด้านหลังของผู้หญิงคนนั้นไปเช่นกัน “นึกว่ายูจะบอกว่ามีทุกคอลเลกชันแล้วซะอีก” อันวาพูดแซวก้าวเท้าไปด้านหน้าช้า ๆ “อันวา” เพราะเสียงเรียกนิ่ง ๆ ของม่านฟ้าละมั้ง ทำให้อันวาหันมามองเธอพร้อมกับขมวดคิ้วจนแทบจะเป็นปม “หืม” “ของเธอ” ม่านฟ้ายื่นถุงที่บรรจุกระเป๋าราคาเกือบเจ็ดหลัก ที่เพิ่งแกร่งแย่งกับผู้หญิงคนนั้นมาให้อันวาแบบไม่ลังเล “เห้ย! อะไรยู ไอไม่ขำนะ” อันวาถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว ด้วยใบหน้าที่สงสัยและงงมากอย่างเห็นได้ชัด “แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะคะที่รัก” ม่านฟ้าก้าวเดินไปหาอันวาหนึ่งก้าวก่อนจะยืนถุงกระเป๋าใบนั้นให้เธออีกครั้ง และยิ้มให้กับเพื่อนสนิทคนนี้อย่างอ่อนโยน “ไอไม่รู้ว่ายูชอบอะไร ไอเห็นว่ายูมองใบนี้นานแล้วเลยคิดว่ายูชอบ ไอซื้อให้” “มันแพงไปรับไม่ได้หรอก” เธอยังคงส่ายหน้าไปมาพรืด “แต่ไอซื้อมาแล้ว” เธอยังคงดึงมืออันวามาก่อนจะวางถุงกระเป๋านั้นบนมือของเธอและพากันเดินต่อ “แต่..” “ไอไม่พูดเรื่องนี้แล้วนะตกลงตามนี้” ม่านฟ้าหันมายิ้มให้เพื่อนสนิท ก่อนจะเดินไปตามร้านแบรนด์เนมต่าง ๆ เข้าร้านนั้นซื้อร้านนี้อยู่นานจนเมื่อเป็นที่พอใจ “ยู.. นั่นใช่ผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า” อันวาหันไปทางผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนหันซ้ายหันขวาอยู่ในร้านอาหารสุดหรู ไม่นานนักก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้าไปหาและพากันเดินไปยังโต๊ะส่วนตัวที่อยู่โซนด้านหลัง “นั่นประธานปิติภัทรนี่” อันวาหันมามองหน้าม่านฟ้าสลับกับมองไปยังโต๊ะนั้นด้วยใบหน้าที่บอกไม่ถูก “อืม.. เราไปซื้อของเราต่อเถอะ” เธอทำได้เพียงแค่ปรายตาไปมองสองคนนั้นแวบหนึ่งพูดจบ ก็พากันก้าวเท้าออกจากตรงนั้น และตามมาด้วยเสียงรองเท้ากระทบพื้นของอันวาที่เดินเร็วตามมาติด ๆ “ทำไมยูไม่เข้าไปห้ามละ คุณหญิงให้ยูห้ามผู้หญิงของท่านประธานไม่ใช่หรอ” เธอถามด้วยความสงสัยถึงแม้ว่าเท้าจะยังก้าวตามมาติด ๆ แต่สายตายังหันไปมองที่ทั้งคู่ไม่ห่าง “ผู้หญิงคนนี้คงเป็นลูกสาวท่านเจ้าสัว.. เป็นคนของคุณหญิง ว่าที่ภรรยาของเจ้านายเรา” อันวาทำหน้าเหลือเชื่อแต่ก็เดินตามมาติด ๆ “โห! โลกกลมมาก” “ม่านฟ้า” สองเท้าของเธอหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียกที่ดังมาจากทางด้านหลัง ม่านฟ้าหันกลับไปมองพบว่าเป็นใบหน้าของคุณหญิงอมรที่ยืนมองทั้งสองด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มดูใจดี “คุณหญิงสวัสดีค่ะ” เธอยกมือขึ้นไหว้แม่ของปิติภัทรด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย “มาซื้อของกันหรอ” “ค่ะ” “ตามสบายกันเลยนะ ฉันขอเข้าไปหาตาเธียรกับว่าที่ลูกสะใภ้คนเก่งของฉันก่อน” คุณหญิงอมรพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้เธอจาง ๆ ก่อนจะเดินกลับไปทางร้านอาหารสุดหรู “ยู.. คุณหญิงเดินเลยร้านอาหารมาเพื่อจะบอกกับพวกเราว่าจะไปทานอาหารกับว่าที่ลูกสะใภ้แค่นี้น่ะหรอ” อันวาทำหน้าเหวอมองม่านฟ้าสลับกับมองตามหลังคุณหญิงอมรอย่างไม่เข้าใจ “ไม่รู้ซิ” ถึงแม้นว่าปากจะตอบเพื่อนออกไปแบบนั้นแต่สองมือของเธอกลับกำลังกำแน่นอย่างคนที่สะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ “พวกเรากลับกันเถอะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม