หนึ่งเดือนก่อนหน้านั้น
“ผมตรวจร่างกายและดูแล็บแล้วครับ คนไข้เป็นไส้ติ่งอักเสบ ผมออร์เดอร์ให้เตรียมผ่าตัดแล้ว คนไข้กินน้ำกินอาหารล่าสุดตอนตีห้า ราวๆ สิบเอ็ดโมงก็จะเข้าผ่าตัดได้ครับอาจารย์”
“อืม”
นายแพทย์วีรภัทร สิตานนทร์หรือหมอภัทร ศัลยแพทย์ทั่วไปประจำโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และเป็นอาจารย์แพทย์พยักหน้าและครางรับในสิ่งที่แพทย์ใช้ทุนปีหนึ่งรายงาน รอบๆ ตัวแพทย์หนุ่มล้อมรอบไปด้วยแพทย์ใช้ทุนหรือที่เรียกกันว่าหมออินเทิร์นและเหล่านักศึกษาแพทย์ปีหกหรือที่เรียกว่าเอ็กซ์เทิร์น ดวงตาคู่คมกวาดมองแผนการรักษาที่แพทย์ใช้ทุนเขียนเอาไว้ในใบบันทึกคำสั่งการรักษาอย่างละเอียด เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดพลาดก็ส่งชาร์ทในมือคืนให้แพทย์ใช้ทุนไป
“วันนี้ปีสองกับปีสามไม่อยู่ใช่ไหม” วีรภัทรกล่าวถึงแพทย์ใช้ทุนปีสองและปีสาม
“ครับอาจารย์ พี่เค้าลาครับ”
“โอเค เดี๋ยวผมจะเข้าไปช่วยดูให้ พาเอ็กซ์เทิร์นเข้าไปดูเคสด้วยล่ะ น้องจะได้เรียนรู้เอาไว้”
“ครับอาจารย์”
วีรภัทรบอกแค่นั้นแล้วเดินออกมาจากกลุ่มแพทย์ใช้ทุนและนักศึกษาแพทย์ แพทย์หนุ่มแวะไปหยิบแก้วกาแฟที่วางเอาไว้ตรงเคาน์เตอร์พยาบาล ก่อนจะก้าวออกจากวอร์ดศัลยกรรมชายไป
วีรภัทรกำลังจะก้าวเข้าลิฟต์แต่ต้องชะงักและเสียการทรงตัวเล็กน้อยเมื่อถูกใครบางคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาก้าวออกมาจากลิฟต์ชนเข้าอย่างจัง แก้วกาแฟในมือของแพทย์หนุ่มเกือบจะหลุุดมือแต่ดีที่ประคองเอาไว้ได้ทัน วีรภัทรหน้าตึงพลางส่ายหน้าอย่างไม่สบอารมณ์
“หมอคะ เดินให้ระวังหน่อยสิคะ”
เจ้าของคำพูดคือภัคร์พิมล พยาบาลวัยยี่สิบสามปีซึ่งเป็นพยาบาลประจำวอร์ดศัลยกรรมชายที่วีรภัทรเพิ่งจะเดินออกมา หญิงสาวเพิ่งทำงานในฐานะพยาบาลวิชาชีพได้สองปี หากแต่ริมฝีปากกลับจัดจ้านเกินตัวและอายุงาน
“นี่ คุณเป็นคนเดินชนผมเองนะ”
“หมอต่างหากที่ขวางทางพายน์”
ภัคร์พิมลยังคงยืนกรานทั้งที่รู้ว่าตัวเองผิด แต่นั้นเพราะเธอมีเหตุผลบางอย่าง ส่วนวีรภัทรนั้นได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมๆ และตอนนี้เขาก็คร้านจะตีริมฝีปากกับยัยพยาบาลแม่ไก่ที่ชอบโทร.จิกเขาเวลารายงานเคสนี่เต็มทน
“ผมผิดเองที่ขวางทางคุณ แบบนี้โอเคไหม”
“นี่เห็นว่าเป็นหมอหรอกนะคะ พายน์เลยไม่อยากเอาเรื่อง”
ภัคร์พิมลเชิดหน้าตอบ เป็นอีกครั้งที่วีรภัทรต้องส่ายหน้าอย่างเอือมๆ ก่อนที่แพทย์หนุ่มจะเบี่ยงตัวเดินเข้าไปในลิฟต์ ภัคร์พิมลเองก็ก้าวออกจากตรงนั้น หากแต่ดวงหน้าเรียวรูปไข่กลับมีรอยยิ้มเล็กๆ ประดับอยู่หลังจากที่วีรภัทรหายเข้าไปในลิฟต์เรียบร้อยแล้ว
การผ่าตัดของวีรภัทรเป็นไปอย่างเรียบร้อยและคนไข้ก็ปลอดภัยดีเหลือแค่เฝ้าสังเกตอาการหลังผ่าตัด ซึ่งการดูแลนี้จะถูกส่งต่อให้พยาบาลประจำวอร์ด และจะถูกดูแลด้วยแพทย์ใช้ทุน วีรภัทรในฐานะอาจารย์แพทย์ไม่จำเป็นต้องตรวจเยี่ยมอาการผู้ป่วยหรือที่เรียกว่าการราวด์วอร์ดทุกวัน เว้นเสียแต่ว่าแพทย์ใช้ทุนไม่สามารถจัดการกับผู้ป่วยที่มีปัญหาซับซ้อนได้ เขาถึงจะไปช่วยดูแลเป็นรายเคสไป แต่ชื่อของเขาจะถูกระบุเป็นแพทย์เจ้าของไข้ วีรภัทรในชุดสีเขียวที่ศัลยแพทย์โดยทั่วไปมักจะสวมใส่ก้าวออกจากห้องผ่าตัดเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยและย้ำกับแพทย์ใช้ทุนให้ตามไปดูคนไข้ที่วอร์ดด้วย โดยเฉพาะในยี่สิบสี่ชั่วโมงแรกที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ
วีรภัทรทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาในห้องพักแพทย์ซึ่งอยู่ชั้นสี่อาคารผู้ป่วยนอก ยังไม่ทันได้เอนหลังดี เลขาแพทย์ก็เดินเข้ามา
“หมอคะ มีเคสคอนซัลท์จากแผนกเหม็ดค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
วีรภัทรรับชาร์ทคนไข้จากมือของเลขาแพทย์ก่อนที่เธอจะถอยออกไป เป็นคนไข้ของแผนกอายุรกรรม ซึ่งในหมู่ของคนในวงการสาธารณสุขจะเรียกกันสั้นๆ ว่าแผนกเหม็ด ซึ่งมาจากคำว่า Medicine ความหมายในที่นี้ก็คืออายุรกรรม ซึ่งก็คือการรักษาโรคด้วยยา แต่ในรายนี้สงสัยว่ามีปัญหาทางศัลยกรรมร่วมด้วยจึงส่งชาร์ทมาขอคำปรึกษาหรือที่เรียกกันว่าการคอนซัลท์
ดวงตาคู่คมกวาดสายตาอ่านชาร์ทในมืออย่างละเอียด ในบันทึกความก้าวหน้าของการรักษา ระบุเบื้องต้นเอาไว้ว่าผู้ป่วยน่าจะเป็นฝีในช่องท้อง โดยแพทย์เจ้าของไข้ที่เป็นอายุรแพทย์ได้สั่งเจาะเลือดและเอ็กซเรย์ทรวงอกเอาไว้แล้ว จากที่เขาดูผลเลือดก็บ่งบอกว่ามีการติดเชื้อ แต่จะให้แน่นอนต้องไปดูอาการคนไข้กับฟิล์มเอ็กซเรย์อีกที แต่ถ้าไม่แน่ชัดก็ต้องยืนยันผลวินิจฉัยด้วยการทำอัลตราซาวด์ ดูจากรายละเอียดที่แพทย์เจ้าของไข้บันทึกเอาไว้ เคสนี้ก็ไม่ใช่เคสที่ทำให้หนักใจมากนัก เพราะถ้าคนไข้เป็นฝีในช่องท้องจริงก็สามารถรักษาได้ ถ้าฝีขนาดใหญ่ก็ต้องเข้าผ่าตัดเผื่อระบายหนองออก แต่หากขนาดไม่ใหญ่มากก็รักษาด้วยการให้ยาฆ่าเชื้อได้
วีรภัทรหยิบโทรศัพท์ออกมา ปลายนิ้วเรียวเลื่อนที่หน้าจออยู่ครู่หนึ่งแล้วกดโทร.ออก รอสายไม่นานปลายสายก็กดรับซึ่งก็คือแพทย์ใช้ทุน
“ครับอาจารย์”
“มีเคสคอนซัลท์จากตึกอายุรกรรมชาย ผมกำลังจะไปดูเคส เดี๋ยวคุณพาเอ็กซ์เทิร์นไปรอที่นั่นเลย ผมกำลังจะออกไป”
“ได้ครับอาจารย์”
แพทย์ใช้ทุนรับคำแล้ววีรภัทรจึงกดวางสาย ก่อนจะลุกออกไปจากห้องพักแพทย์พร้อมกับชาร์ทคนไข้ในมือ
“ผมตรวจร่างกายคนไข้ ดูผลเลือดแล้วก็ฟิล์มเอ็กซเรย์แล้วครับอาจารย์ คนไข้น่าจะเป็นฝีในช่องท้องครับ”
แพทย์ใช้ทุนปีหนึ่งรายงานให้วีรภัทรรับทราบระหว่างที่ยืนอยู่ข้างเตียงของคนไข้พร้อมกับนักศึกษาแพทย์ปีหกอีกจำนวนหนึ่งและพยาบาลประจำวอร์ดที่ทำหน้าที่ตามราวด์หนึ่งคน
“คุณวินิจฉัยจากอะไร”
“คนไข้มีไข้สูงครับและปวดท้อง ปัสสาวะบ่อย รวมถึงมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย ผลเลือดก็โชว์ว่าคนไข้มีการติดเชื้อในร่างกาย และที่ชัดที่สุดก็คือภาพถ่ายเอ็กซเรย์ทรวงอกครับ”
“อืม” วีรภัทรพยักหน้ารับ ถือว่าแพทย์ใช้ทุนปีหนึ่งคนนี้รวบรวมข้อมูลเพื่อวินิจฉัยได้ดีเลยทีเดียว “แล้วแบบนี้จะต้องตรวจอะไรเพิ่มเติมอีกไหม”
“ผมว่าจะอัลตร้าซาวด์ท้องดูเพื่อเป็นการยืนยันผลวินิจฉัยครับ”
“ทำไมต้องอัลตราซาวด์”
วีรภัทรถาม เขารู้ดีว่าทำไมแพทย์ใช้ทุนจึงต้องการอัลตร้าซาวด์เพิ่มเติม แต่เขาอยากรู้ว่าเจ้าตัวรู้หรือไม่ว่าทำไปเพื่ออะไร แล้วทำไมต้องทำ ถือว่าเป็นการสอนไปในตัว
“การอัลตร้าซาวด์จะเห็นภาพชัดกว่าครับอาจารย์ และเพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำครับ”