บทนำ งั้นเรามาแต่งงานกัน
เสื้อผ้าหลายชุดหลากหลายแบบถูกหยิบออกมาจากตู้ไม้สีน้ำตาลเข้มขนาดไม่ใหญ่นัก ภัคร์พิมลหยิบเสื้อผ้าแต่ละชุดขึ้นมาลองทาบลงบนตัว มองภาพสะท้อนนั้นจากกระจกบานใหญ่ นานหลายนาทีกว่าจะได้ตัวที่ถูกใจ รอยยิ้มกว้างปรากฏบนดวงหน้าเรียวสวย เสื้อผ้าชุดที่ถูกเลือกถูกวางเอาไว้บนเตียงนอนขนาดสามจุดห้าฟุต ส่วนชุดที่ไม่ได้ถูกเลือกถูกเก็บใส่ตู้ไว้ตามเดิม ก่อนที่เจ้าตัวจะหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่แล้วก้าวเข้าห้องน้ำไป
หญิงสาวมองภาพสะท้อนของตนเองจากกระจกบานใหญ่ของโต๊ะเครื่องแป้ง ขนตาเป็นแพงอนงามโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งที่ดัดขนตา คิ้วได้รูปพาดเหนือดวงตากลมโตสีดำขลับ พวงแก้มทั้งสองข้างถูกแต่งแต้มด้วยบลัชออนสีชมพูระเรื่ออย่างน่ามอง ส่วนริมฝีปากสีเชอร์รี่สดนั้นถูกเคลือบด้วยลิปทินท์และทับด้วยลิปกลอสบางเบาเพื่อให้ริมฝีปากดูฉ่ำหวานอีกที
ตัวเลขบนหน้าจอโทรศัพท์บอกเวลาเก้าโมงเศษ เหลืออีกชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานัด ภัคร์พิมลสำรวจความเรียบร้อยของตนเองจากภาพสะท้อนของกระจกอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อย หญิงสาวจึงก้าวออกไปจากห้องที่อยู่ในหอพักพยาบาลพร้อมกระเป๋าสัมภาระใบโปรด
“สถานีต่อไปสุขุมวิท”
เสียงประกาศบนรถไฟฟ้าทำให้ภัคร์พิมลกระชับกระเป๋าสะพายใบเก๋ที่มักจะพกติดตัวเสมอ ก่อนจะขยับตัวลุกจากม้านั่งแล้วยืนต่อคิวเพื่อรอก้าวออกจากขบวนรถ ทันทีที่รถไฟฟ้าหยุดนิ่งภัคร์พิมลก็ก้าวออกไปพร้อมกับผู้โดยสารคนอื่นๆ
จุดหมายปลายทางของภัคร์พิมลอยู่ที่ร้านละมุนคาเฟ่ ซึ่งเป็นร้านแบบปูนเปลือยผสมด้วยอิฐแดง และผนังบางส่วนก็กรุด้วยกระจก โดยที่ร้านขายทั้งเครื่องดื่มต่างๆ รวมถึงอาหารคาวและอาหารหวาน บรรยากาศรอบๆ ค่อนข้างร่มรื่นเพราะเต็มไปด้วยพรรณไม้ต่างๆ และมีตุ๊กตาดินเผารูปเด็กน่ารักและรูปสัตว์ต่างๆ จัดวางไว้ตามแนวทางเดินอย่างชวนให้เหลียวมอง
“สวัสดีค่ะ ละมุนคาเฟ่ยินดีให้บริการค่ะ”
พนักงานกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม ภัคร์พิมลเองก็ส่งยิ้มไปให้อีกฝ่ายก่อนจะพาตัวเองไปหยุดหน้าเคาน์เตอร์ กวาดสายตามองเมนูอาหารตรงหน้า
“ขออนุญาตแนะนำเมนูใหม่ของร้านนะคะ”
“ได้ค่ะ”
“ชิฟฟ่อนลาวามะพร้าวอ่อน สั่งคู่กับเครื่องดื่มอะไรก็ได้ เฉพาะวันเปิดตัวก็คือวันนี้ลดสิบเปอร์เซ็นต์ค่ะ”
“ถ้างั้นขอหนึ่งชิ้นค่ะแล้วก็มัทฉะลาเต้หนึ่งแก้ว”
“ได้ค่ะ ทั้งหมดหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าบาทค่ะ”
ภัคร์พิมลหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด รออยู่ครู่หนึ่งพนักงานก็ยื่นใบเสร็จมาให้ หญิงสาวรับเอาไว้ก่อนจะเดินไปหาที่นั่ง เลือกโต๊ะตรงมุมในสุดที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว และติดกับผนังกระจกทำให้มองเห็นวิวด้านนอก
ระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ ภัคร์พิมลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นเป็นการฆ่าเวลา หญิงสาวอ่านข่าวและเล่นโซเชียลออนไลน์ไปเรื่อยเปื่อย
“คิวเก้าอาหารได้แล้วค่ะ”
ภัคร์พิมลลุกจากเก้าอี้พร้อมหยิบใบเสร็จค่าอาหารที่ระบุคิวเอาไว้ติดมือไปด้วย หญิงสาวยกอาหารที่ตนสั่งเอาไว้กลับมาที่โต๊ะ นั่งลงแล้วตักชิฟฟ่อนลาวามะพร้าวอ่อนเข้าปาก
“อื้ม อร่อยดี”
รอยยิ้มหวานปรากฏบนดวงหน้ารูปไข่ ชิฟฟ่อนเนื้อนุ่มและรสชาติที่ละมุนลิ้น จนภัคร์พิมลเผลอกินไปเกือบหมดชิ้น ก่อนที่จะคว้ามัทฉะลาเต้ขึ้นมาดูดไปอึกใหญ่ ระหว่างนั้นเสียงที่คุ้นหูก็ดังขึ้น
“ขอคาปูชิโน่หวานน้อยแก้วนึงครับ”
ภัคร์พิมลหันไปทางต้นเสียง ชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์คือวีรภัทร แม้จะเห็นเพียงเสี้ยวหน้าเพราะอีกฝ่ายยืนหันหลังให้ แต่เพียงแค่นั้นก็ทำให้ภัคร์พิมลใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ วีรภัทรมีใบหน้าหล่อเหลาชนิดที่หาตัวจับยาก เครื่องหน้าของเขาชัดเจน คิ้มคมเข้มพาดเหนือดวงตาเรียวรีสีดำสนิท จมูกโด่งคมสันรับกับริมฝีปากหยักสวยที่ออกไปทางสีแดงหน่อยๆ รูปร่างสันทัด ชายหนุ่มสูงราวๆ หนึ่งร้อยแปดสิบสามเซ็น เขาเป็นอาจารย์หมออยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งของรัฐ ส่วนภัคร์พิมลนั้นเป็นพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลเดียวกัน
และภัคร์พิมลก็ยิ่งใจเต้นแรงมากขึ้นเมื่อวีรภัทรถือแก้วกาแฟเดินมาที่โต๊ะของเธอ ภัคร์พิมลพยายามข่มอาการประหม่าทั้งหมดเอาไว้ แล้วปั้นสีหน้าให้เป็นปกติ มีเพียงรอยยิ้มบางๆ ที่แสดงออกไปทั้งที่ใจจริงอยากจะยิ้มให้กว้างมากกว่านี้ตอนที่วีรภัทรขยับเก้าอี้ออกแล้วนั่งลงตรงหน้า
“คุณมานานหรือยัง”
“พายน์เพิ่งจะมาถึงสักพักค่ะ ว่าแต่ที่หมอนัดพายน์มามีอะไรหรือเปล่าคะ”
ภัคร์พิมลเอียงคอถาม วีรภัทรนิ่งไปแต่ก็เพียงชั่วอึดใจเท่านั้น ดวงตาคมเข้มจับจ้องที่ดวงหน้าเนียนใสของภัคร์พิมล นั่นทำเอาเจ้าตัวประหม่า มือไม้ก็เกะกะขึ้นมาเสียดื้อๆ จนเธอต้องประสานกันเอาไว้ที่ตัก ในขณะที่ดวงตากลมโตดำขลับมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างรอคอยคำตอบ
“คุณชอบผมหรือเปล่า”
จู่ๆ วีรภัทรก็ถามออกมาแบบนั้นทำเอาภัคร์พิมลถึงกับตื่นตระหนก หัวใจของหญิงสาวเต้นถี่ขึ้นจนหน้ากังวล ดวงตากลมโตเบิกกว้าง
‘เราว่าเราก็เนียนอยู่นะแต่ทำไม...’
ภัคร์พิมลอึกอักในขณะดวงตาคมกริบของวีรภัทรยังคงจับจ้องมาที่เธอ ภัคร์พิมลกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ เรียวปากอิ่มเม้าเข้าหากันแน่น ดวงตาคู่สวยมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างไม่แน่ใจ
“หมอถามว่าอะไรนะคะ”
“ผมถามว่าคุณชอบผมหรือเปล่า”
“พะพายน์ไม่ได้ชอบหมอนะคะ จะไปชอบได้ยังไงกัน”
ภัคร์พิมลพยายามปฏิเสธแข็งและสั่นหน้ารัวๆ ท่าทางที่ดูเคร่งเครียดและสีหน้าที่ดูจริงจังจนเกินควรของวีรภัทรทำให้เธอหวั่นใจที่จะกล้ายอมรับออกไป เขาทำท่าเหมือนจะเอาเรื่องหากเธอยอมรับว่าชอบเขาเสียอย่างนั้น
ปฏิเสธไปก่อนน่าจะดีที่สุด
หากแต่คำพูดต่อมาของวีรภัทรทำให้ภัคร์พิมลต้องประหลาดใจและตื่นตกใจมากกว่าตอนที่เขาถามว่าเธอชอบเขาหรือเปล่าเสียอีก ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ในขณะที่ขนตาเป็นแพงามกระพริบถี่ๆ และกลีบปากนุ่มก็อ้าค้างอยู่อย่างนั้นคล้ายคยที่กำลังตื่นตะลึง
“ก็ดี งั้นเรามาแต่งงานกัน เพราะผมไม่อยากได้คนที่มีความรู้สึกอะไรมาแต่งงานกับผม เพราะไม่อยากให้มีปัญหาทีหลัง”
“...”
“ในเมื่อคุณไม่ได้รู้สึกอะไร งั้นเราก็มาแต่งงานกัน”