ตอนที่ 3
แตงโมลูกนี้เป็นของผม
“ก็คุณเป็นคนบอกให้ผมจูบเองนี่ครับ” หน้าหล่อเหลาตอบเบาๆ สายตาทะเล้นมามองที่เธอนิ่ง
คำตอบของเขา ทำให้น้ำทิพย์ชะงัก
“เห็นมีเอ่ยชื่อพี่นพๆ อะไรด้วย”
เขาเอ่ยก่อนยักไหล่เบาๆ ทำให้น้ำทิพย์หน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย ที่เขาคงจะได้ยินหมดแล้วกับการพร่ำรำพันถึงสิ่งที่เธอไม่ต้องการให้ใครจะรู้
แค่แม่ของเธอคนเดียว ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
“ที่ให้ผมจูบเนี่ย เพราะคิดว่าผมเป็นพี่นพเหรอครับ”
หน้าหล่อทะเล้นเอียงคอถาม โน้มหน้าลงมาใกล้ น้ำทิพย์ ต้องกรูหลังถอยห่างจนหลังเบียดชิดกับกำแพง
หน้าเขาก็หล่อดีนะ ..แต่ทำไมเธอจึงมองแต่ส่วนล่าง
“หือ ว่าไงครับทำไมมองผมแบบนั้น”
เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ มองปากอิ่มที่บวมเจ่อตรงหน้าที่เพิ่งจะถูกเขาประทับจูบอย่างหนักหน่วงไป
แดงเหมือนแตงโม ที่เฉาะใส่จานไว้
อาการร้อนๆแบบนี้ กินแล้วแสนจะชื่นใจ
“ถะ ...ถอยออกไปได้มั้ย ชั้นจะกลับละ”
น้ำทิพย์ผุดกายลุกขึ้น ก่อนจะหันหลังรีบวิ่งออกมาจากนอกบ้าน
“เดี๋ยวก่อนครับ มอเตอร์ไซด์คุณเสีย เดี๋ยวผมไปส่ง”
เขาตะโกนไล่หลังมา
“มะไม่ เดี๋ยวชั้นวิ่งกลับเอง ...เดี๋ยวโทรให้หลานมารับระ”ว่างทาง" น้ำทิพย์รีบตะโกนกลับ ก่อนจะสาวเท้าวิ่งอย่างสุดชีวิต
ไม่น่าเลย ...ยายน้ำเอ้ย มาส่งใข่แค่นี้ก็โดนลวนลามละ
..แต่ ภาพส่วนล่างของเขาก็เริ่มติดตรึงในใจเธอแล้ว
“อ้าว ลืมเสื้อกับหมวกด้วย”
เจคอบพึมพำเบาๆ เมื่อหันกลับมามองที่โซฟา ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบคาร์ดิแกนสีขมพูขึ้นมาจรดจมูก
กลิ่นเธอเหมือนผลไม้อ่อนๆ
ไม่เหมือนกลิ่นน้ำหอมฉุนๆ ที่เขาเคยสัมผัส กลิ่นเหมือนส้มและแตงโมฤดูร้อนกลิ่นหวานๆเย็นๆ
อืมถ้าเป็นแตงโม ...แตงโมลูกนี้ ก็คงต้องเป็นของเขา
.
.
“ว่าไง”
เจคอบถามปลายสาย มือดึงผ้าขนหนูออกจากตัวเหลือเพียงกายเปลือยเปล่าล่อนจ้อน
“ยังไม่พบของเลยครับ คุณโจอยากให้คุณเจกลับมาก่อน” ปลายสายตอบกลับมา และอ้างถึง โจนาธานพี่ชายของเขา
“ไม่เป็น ฉันอยากอยู่ต่ออีกสักหน่อย”
ปากหยักได้รูปเอื้อนเอ่ย
“บอกพี่โจไม่ต้องห่วง เตรียมตัวเตรียมแต่งงานและดูทางฝั่งโน้น เดี๋ยวเรื่องนี้ชั้นจัดการเอง” เจคอบกล่าวเสียงเข้ม ที่ผ่านมาเรื่องเสี่ยงๆพี่ชายจะเป็นคนดูแลด้านหน้าที่ขาวสะอาด
ส่วนเขาจะเน้นเก็บรายละเอียดหลังบ้านของธุรกิจ
แม้ตระกูลสิริวัฒนาเอง จะทำธุรกิจขาวสะอาดเพียงใด แต่การแข่งขันและผลประโยชน์ทางธุรกิจที่สูง ย่อมสร้างทั้งมิตรและศัตรูพร้อมกัน
การต่อสู้ทางธุรกิจนั้น ย่อมมีทั้งบู้และบุ๋น
ขาวสะอาดเกินไป ยากจะอยู่รอดในการแข่งขัน
“เราไม่รู้ใครเป็นใครครับคุณเจ” ลูกน้องเค้ายังไม่ลดละ “คุณโจบอกให้เอาบอดี้การ์ดไปเพิ่มที่นั่น อย่างน้อยสิบคนครับ”
“อยากมาก็มา”
เขาบอกเสียงราบเรียบ ก่อนจะตัดวางสาย แล้วตัดสินใจกดหาพี่ชายอีกครั้ง
“ว่าไงเจ” โจนาธานถาม
“พี่โจครับ รู้มั้ยเด็กน้ำคนนั้น ..จำผมไม่ได้”
เขาเอ่ยเสียงเศร้าด้วยความตัดพ้อ ปลายสายนิ่งเงียบไปสักพัก ด้วยเคยได้ยินน้องชายพูดถึงเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้มาตั้งแต่เด็ก
และล่าสุดที่โจนาธานพา ขวัญข้าว มาเชียงราย ก็ไม่พบเด็กสาวคนนั้น เห็นป้าพิมพ์บอกมาทำงานกรุงเทพ และกำลังจะกลับไปเตรียมงานหมั้น
“เวลามันก็ผ่านมานานแล้ว” โจนาธานถอนใจ ไม่รู้จะปลอบใจน้องอย่างไรดี “แต่ถ้าเขาสำคัญจริงๆ ก็ทำในสิ่งที่เขาจะจำได้ซิ”
“ครับ” เจคอบรับคำ
“อย่าลืมเรื่องนั้น หาของกลับมาให้ได้”
พี่ชายย้ำอีกครั้ง ก่อนจะตัดสายไป
.
.
“เปิดเพลงอะไรของมึงวะน้ำ แม่ฟังไม่รู้เรื่อง”
เสียงบ่นของแม่ลอยมาจากด้านล่าง ขณะที่ น้ำทิพย์ กำลังนั่งดูโน๊ตบุ๊คและไล่หาข้อมูลเตรียมสมัครงาน พร้อมเปิดเพลงสากลไปด้วย
“โอ้ยแม่ เทย์เลอร์สวิฟไง เพลงออกจะดัง”
“ดังอะไร ทำไมกูไม่เคยได้ยิน” เสียงแม่ยังบ่นไม่ลดละ
น้ำทิพย์จำต้อง เสียบหูฟังกับเครื่องเพื่อจะได้ฟังเพลงได้ถนัด และไม่ต้องมาคอยนั่งฟังเสียงบ่น
“แนะๆ พูดตั้งนานก็ไม่ได้ยิน”
แม่ต้องเดินขึ้นมาชั้นสอง และถอดหูฟังออก
“อะไรอีกละแม่”
“แม่จะบอกว่า พ่อเอ็งไปนอนเฝ้าไร่กับไอ้จ้อย ส่วนแม่จะไปช่วยงานบ้านผู้ใหญ่ พรุ่งนี้เขาจะบวชหลาน มึงนอนคนเดียวนะคืนนี้ ถ้ากลัวผีก็เอาพระมาไว้”
แม่บอกเสียงดัง
“โอ้ยไม่กลัวหรอกแม่ ไปเลย”
น้ำทิพย์บอก เธอเองอยู่บ้านมาตั้งแต่เด็ก และชินกับการอยู่คนเดียว ในบ้านไร่ที่สงบและวังเวงเพราะส่วนใหญ่พ่อกับแม่จะนอน บ้านเล็กท้ายไร่เวลาจะเก็บเกี่ยวผลผลิต หมู่บ้านเธออยู่กันแบบพี่น้อง ไปมาหาสู่กันปกติและไม่เคยมีขโมยหรือเรื่องไม่ดี
อยู่คนเดียวก็ดี จะได้เปิดเพลงดังๆ
แต่พอเสียงบ่นของแม่ไปแล้ว น้ำทิพย์ กลับหรี่เพลงลงเบาๆ ตาจ้องโน๊ตบุ๊คนิ่ง เมื่อเลื่อนหน้าจอไปเห็นโฟลเดอร์ภาพที่เคยถ่ายกับ มานพ ความรู้สึกเศร้าและเสียใจเริ่มกลับมาอีกครั้ง
พอได้แล้ว ยายน้ำ ...ป่านนี้เขาคงจะสุขสมไปถึงไหนแล้ว
แต่ความคิดเจ้ากรรมก็แย้งกันมา ผสมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนบ่าย เมื่อคิดถึงสัมผัสจากจูบเร่าร้อนของคนงานในไร่
หนักหน่วง และดุดัน แบบที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน
แถมท่อนเอ็นที่ชี้โด่ ต่อหน้าเธอนั้น ...ใหญ่โต
...แต่มันไม่ใช่เวลาที่เธอจะคิดไร้สาระแบบนั้นนะ
น้ำทิพย์ สะบัดหน้าไปมาเมื่อสองความคิดในตัวเองทั้งนางเอกและนางมารร้ายทะเลาะกันไปมา
นางเอก มันไม่ใช่เวลาที่เธอจะไปสนใจ ท่อนเอ็นที่ใหญ่ของเขานะยายน้ำ และไม่ควรจะเคลิบเคลิ้มกับจูบของเขาด้วย นั่นเขาจูบตอนที่เธอไม่ได้สตินะ
นางร้าย ไม่เห็นจะเป็นไรเลยย่ะ จูบของเขาวาบหวามใจ แถมยังปลายลิ้นอุ่นๆ ทำเอาอ่อนระทวยไปหมด และท่อนของเขานั้นทั้งใหญ่และเต็มไปด้วยเส้นเอ็น ....มันน่า
”พอแล้ว!”
น้ำทิพย์ตะโกนลั่นห้อง ด่าเจ้าสองความคิด ก่อนจะลุกไปเปิดตู้เย็น หยิบเบียร์มาเปิดแล้วซดกินโดยไม่ต้องรินใส่แก้ว
“ฮือๆ”
เมื่อเบียร์ใกล้หมดขวด น้ำตาเจ้ากรรมก็ไม่อยู่ไหลออกมาได้ยังไง น้ำทิพย์เบื่อความรู้สึกร้อนรุ่มของตัวเองในตอนนี้ เลยจัดการถอดเสื้อผ้า เปลี่ยนผ้าถุงลงไปอาบน้ำห้องน้ำใต้ถุนบ้าน
น้ำเย็นๆจากโอ่งดิน ทำให้เริ่มรู้สึกผ่อนคลายขึ้น
เสียงจักจั่นเรไรเริ่มร้องส่งเสียงในเวลาพลบค่ำ น้ำทิพย์ อาบน้ำ ขัดผิวอย่างอ้อยอิ่ง แม้จะเป็นเวลาเกือบสองทุ่มแล้วก็ตาม คิดถึงชีวิตในเมืองหลวงป่านนี้เธอคงกำลังขับรถกลับบ้าน
แกรก
น้ำทิพย์ เปิดประตูห้องน้ำ ห่อหุ้มร่างอรชรไว้ด้วยผ้าถุงที่ที่กระโจมถึงอก ตัวยังเปียกชื้นไปด้วยน้ำ เธอไม่ชอบเช็ดตัวให้แห้งสนิทนัก หน้าร้อนแบบนี้แค่หมาดๆจะได้เย็นสบายตัวดี
หญิงสาวสะบัดผ้าขนหนูที่เช็ดผมแล้ว ตากไว้ด้านล่าง ก่อนเดินขึ้นเรือนชั้นสอง ไม่ลืมที่หยิบเบียร์อีกขวดแล้วเปิดกินไปครึ่งนึง ก่อนเดินสาวเท้าขึ้นบันใด
สงสัยจะเริ่มเมาแล้ว เหมืนบ้านเริ่มจะโอนเอน เธอคิด
แต่เมื่อขึ้นมาชั้นสอง และเปิดประตูห้องเข้าไป น้ำทิพย์ก็แทบจะหายเมา
“ว้าย! นี่นาย”
ชายคนงานไร่ข้างๆ ที่ท่อนเอ็นใหญ่ มานั่งบนเก้าอี้ในห้องนอนของเธอ แถมคลิ๊กเม้าท์ดูข้อมูลในโน๊ตบุ๊คของเธอด้วย
“นะ ...นายเข้ามาได้อย่างไง”
“ก็ประตูเปิดไว้อยู่นี่ครับ”
เจคอบหันมาตอบ หรี่ตามองร่างระหงในชุดกระโจมอก เผยให้เห็นไหปลาร้าและผิวเนินเนื้อขาวสล้างน่ามอง จนเขาต้องขบกรามจนเป็นสันนูน
“ละ ..แล้วมาทำไม ในห้องชั้น”
น้ำทิพย์ถามละล่ำละลัก ใจเริ่มเต้นไม่จังหวะ เมื่อเห็นเขาอยู่ในชุดที่เรียบร้อย ด้วยเสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีนส์สีซีด ใบหน้าหล่อคมคายนั้นเหมือนจะโกนหนวดเกลี้ยงเกลาแล้ว
คนงานคนนี้ หล่อและดูดีมาก ..ไม่น่าจะโรคจิตเลย
“ผมเอาเสื้อกับหมวกมาคืนครับ”
เขาบอกเบาๆ น้ำทิพย์หันไปมองคาร์ดิแกนและหมวกของเธอที่วางอยู่ปลายเตียงก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ
“งะ ..งั้นก็ออกไปได้แล้ว”
น้ำทิพย์บอก นางเอกในร่างสั่งให้เธอพูดเช่นนั้น
“ครับ”
เขาลุกขึ้นอย่างว่าง่าย และน้ำทิพย์ก็สังเกตุว่าหัวของเขาเกือบจะชนเพดานห้องของเธอ ร่างกำยำของเขาก้าวเท้าช้าๆ เดินมายังประตู ที่เธอยืนขวางอยู่
“นะ ..นายนี่ตัวสูงและใหญ่มาก”
น้ำทิพย์เอ่ย ปกติเธอจะเห็นคนงานส่วนใหญ่รูปร่างสันทัดและผิวค่อนข้างดำกร้าน
“ไม่ได้ใหญ่แค่ตัวนะครับ”
ปากหยักได้รูปเอื้อนเอ่ย เมื่อเดินมาประชิดตัวเธอ
*************************