ตอนที่ 3
เมื่อสิงขรมาถึงคฤหาสน์เทวาลัย เกตุศิรินทร์ออกมาต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้มที่ดูจะจริงใจมากขึ้น
“คุณสุริยาวดียังไม่ออกจากห้องนอนเลยค่ะ แต่เธอสั่งเอาไว้ว่า ให้คุณดูได้อย่างเดียวห้ามถ่ายรูปเด็ดขาด” เกตุศิรินทร์บอกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล สิงขรพยักหน้าเข้าใจ
“ครับ”
ทั้งสองเดินลึกเข้าไปในห้องโถงที่แสงสว่างยังส่องมาไม่ทั่วถึง ครั้นเมื่อถึงหน้าตู้กระจกที่เก็บรักษาศิลาจารึก เกตุศิรินทร์ก็เปิดบานประตูตู้ให้สิงขรเข้าไปใกล้ จากนั้นมือเรียวสวยของเธอก็เอื้อมไปแตะสวิตช์ ไฟหลายดวงพลันสว่างวาบพร้อมกัน เผยให้เห็นแผ่นศิลาจารึกโบราณที่ตั้งตระหง่านอยู่ภายในตู้กระจกอย่างชัดเจน ลวดลายสลักบนแผ่นหินปรากฏแก่สายตาคมกริบของสิงขรอย่างละเอียดถี่ถ้วน
นายตำรวจหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ตู้กระจก เพ่งมองตัวอักษรโบราณที่คดเคี้ยวราวกับงูเลื้อย เขาพยายามเชื่อมโยงสัญลักษณ์ที่ฐานกับตัวอักษรด้านบน แต่ก็ยังไม่สามารถถอดความหมายใดๆ ออกมาได้
“คุณพอจะคุ้นเคยกับภาษาที่จารึกบนศิลานี้บ้างไหมครับ?”
“ไม่เลยค่ะ แต่เห็นคุณสุริยาวดีเคยบอกว่ามันเป็นภาษาขอมโบราณ”
สิงขรใช้สายตากวาดมองไปทั่วแผ่นศิลาอย่างละเอียด เขาพยายามจดจำรูปร่างของตัวอักษรแต่ละตัว และเปรียบเทียบกับสัญลักษณ์ที่คมกฤชให้เขาดูเมื่อวาน
มือหนาลูบเบาๆ ไปตามร่องรอยการสลัก พบว่าบางส่วนมีร่องรอยที่ดูเหมือนจะถูกแก้ไขหรือเพิ่มเติมในภายหลัง สิงขรสังเกตเห็นสัญลักษณ์วงกลมซ้อนกันที่มีเปลวไฟตรงกลางปรากฏอยู่หลายแห่งบนศิลาจารึก มันเป็นสัญลักษณ์เดียวกับที่เขาเห็นในตำราของคมกฤช และยังคล้ายกับเครื่องรางของคุณยายของเขาอีกด้วย
ความสงสัยในใจของเขายิ่งทวีคูณขึ้น ขณะที่กำลังจดจ่ออยู่กับการสำรวจศิลาจารึกนั้นเอง สิงขรก็สังเกตเห็นร่องรอยเล็กๆ คล้ายคราบสีแดงจางๆ ติดอยู่ตามร่องตัวอักษรบางส่วน เขามองอย่างพิจารณา
“สัญลักษณ์ที่ฐานศิลา... คุณเคยเห็นมันที่ไหนอีกบ้างไหมครับ” สิงขรถามพลางชี้ไปยังจุดนั้น
เกตุศิรินทร์ขมวดคิ้ว ใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“อืม... เหมือนจะเคยเห็นบนเครื่องประดับของคุณสุริยาวดีด้วยค่ะ เป็นจี้เล็กๆ ที่เธอมักจะใส่ติดตัวเสมอ”
“คุณสุริยาวดีมักจะใส่จี้นั่นเมื่อไหร่?” สิงขรถามต่ออย่างรวดเร็ว
“ก็... เกือบจะตลอดเวลานะคะ ดิฉันไม่ค่อยเห็นเธอถอดมันออก” สิงขรพยักหน้าช้าๆ ในใจเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวบางอย่าง
“ขอบคุณมากนะครับคุณเกตุศิรินทร์” สิงขรกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ผมคงต้องขอตัวกลับไปก่อน ถ้ามีอะไรเพิ่มเติม ผมจะติดต่อมาอีกครั้ง” เกตุศิรินทร์พยักหน้า
“ค่ะ ดิฉันหวังว่าคุณตำรวจจะคลี่คลายคดีนี้ได้นะคะ” แววตาของเธอดูเป็นห่วงอย่างแท้จริง เธอพูดก่อนจะปิดประตูเบาๆ สิงขร พยายามเพ่งมองลวดลายและตัวอักษรโบราณที่สลักอยู่บนแผ่นหินนั้นอีกระหว่างเดินออกมา ร่างของเกตุศิรินทร์ที่กำลังเดินอยู่ก็เสียหลัก เขาไม่รอช้ารีบเข้าไปประคองเธอไว้ได้ทัน ร่างของหญิงสาวล้มเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของสิงขรอย่างไม่ทันตั้งตัว
ทั้งคู่สบตากันอย่างใกล้ชิด ความรู้สึกประหลาดที่สิงขรเคยสัมผัสได้เมื่อแรกเจอเธอหวนกลับมาอีกครั้ง ดวงตากลมโตของเกตุศิรินทร์ฉายแววตกใจและสับสน ในขณะที่สิงขรเองก็รู้สึกถึงความอบอุ่นอ่อนโยนที่แผ่ออกมาจากตัวเธอ ช่วงเวลานั้นราวกับมีเพียงเขาสองคนอยู่ในโลก ความเงียบเข้าปกคลุม มีเพียงเสียงลมหายใจเบาๆ ของกันและกัน
“ขอบคุณค่ะคุณตำรวจ” เกตุศิรินทร์เอ่ยเสียงแผ่วเบา พลางค่อยๆ ผละออกจากอ้อมกอดของเขา ใบหน้าหวานของเธอแดงระเรื่อเล็กน้อย
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” สิงขรถามด้วยความเป็นห่วง
“แค่สะดุดตรงพื้นที่มันไม่เท่ากันน่ะค่ะ” เธอตอบพร้อมกับฝืนยิ้มบางๆ
21.00 น.
สิงขรเดินทางไปที่บาร์แห่งหนึ่งเพื่อเฝ้าสังเกตการณ์เกี่ยวกับคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้น ในขณะที่เขากำลังนั่งสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ กับคมกชฤที่มุมหนึ่งของบาร์ เสียงดนตรีคลอเบา ๆ เสียงหัวเราะของผู้คนที่มาปลดปล่อยความเหนื่อยล้า สายตาคมกริบคอยกวาดมองผู้คนที่รายล้อม นี่คือหนึ่งในวิธีสืบสวนแบบฉบับของเขา การเฝ้าสังเกตการณ์ในสถานที่ที่เหยื่อเคยมาเยือน อาจนำไปสู่ร่องรอยบางอย่าง
สิงขรเอนกายหลบมุมทันที เมื่อสายตาของเขาหันไปปะทะกับร่างระหงของสาวงามคนหนึ่งที่เพิ่งเดินเข้ามานั่งบริเวณโต๊ะใกล้ ๆ ที่เขานั่งอยู่ เมื่อเพ่งมองดีๆ หัวใจของเขาก็กระตุกวูบ
“เป็นอะไรของมึงวะไอ้สิงห์ ทำอย่างกับเจอเจ้าหนี้งั้นแหละ” คมกฤชกระซิบถาม สิงขรไม่ตอบ เพียงแต่ใช้สายตาเป็นสัญญาณชี้ไปยังร่างระหงของสาวงามคนหนึ่งที่เพิ่งเดินเข้ามานั่งบริเวณโต๊ะใกล้ๆ ที่พวกเขานั่งอยู่ ภายใต้แสงไฟสลัวๆ นั้น เธอดูโดดเด่นเป็นจุดสนใจของชายหนุ่มบริเวณนั้นไม่น้อย
“คุณเกตุศิรินทร์ เลขาฯ ของคุณสุริยาวดีไง” สิงขรตอบเสียงเบา
“อ่าว!..แล้วทำไมมึงต้องหลบด้วยว่ะ” คมกฤชเลิกคิ้วถามอย่างไม่เข้าใจ
“กูมาสืบคดีนะโว้ย จะเปิดเผยให้ใครรู้ได้ยังไงล่ะ” สิงขรปรามเสียงต่ำ
“อ๋อ...” คมกฤชพยักหน้าอย่างเข้าใจทันที
“เออจริงของมึง แล้วเธอมากับใครวะ?” คมกฤชถามด้วยความสงสัยเช่นกัน
“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน” สิงขรตอบคมกฤชเสียงแผ่ว ก่อนจะจ้องมองเกตุศิรินทร์ที่นั่งอยู่โต๊ะฝั่งตรงกันข้าม เธอมากับชายหนุ่มคนหนึ่ง ทั้งคู่กำลังพูดคุยกันเบาๆ ท่าทางไม่ได้สนิทสนมจนเกินเลย แต่ก็ดูเหมือนรู้จักกัน
“ไอ้เราก็นึกว่าโสด” สิงขรพึมพำ สายตาไม่ละจากร่างบางที่นั่งอยู่โต๊ะนั้น
“มึงแอบชอบเค้าล่ะสิ” คมกฤชแซว พลางยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบ
“ดูรวม ๆ ก็โออยู่นะ แต่สวย ๆ แบบนี้..” สิงขรเว้นคำพูด ทิ้งท้ายด้วยความไม่มั่นใจ
“เฮ่ย!!!..อย่าเพิ่งท้อตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มจีบสิวะ บางทีเธออาจจะแค่มาสังสรรค์กับเพื่อนก็ได้” คมกฤชออกความเห็น สิงขรส่ายหน้าช้าๆ สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่เกตุศิรินทร์อย่างไม่วางตา ราวกับกำลังพยายามอ่านความคิดของเธอ
“กูว่าไม่ใช่เพื่อนหรอก”
“แล้วมึงจะทำยังไงต่อ?” คมกฤชถามอีกครั้ง สิงขรจ้องมองชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามเกตุศิรินทร์ด้วยแววตาครุ่นคิด
“รอดูไปก่อน ไม่แน่เหยื่อรายต่อไปอาจจะเป็นไอ้หมอนั่นก็ได้” สิงขรตอบเสียงต่ำ แฝงไว้ด้วยความกังวลถึงคดีที่เขากำลังสืบสวน