ตอนที่ 4
ทั้งสองนั่งเงียบๆ สังเกตการณ์อยู่ครู่ใหญ่ เกตุศิรินทร์และชายหนุ่มคนนั้นดื่มเครื่องดื่มและพูดคุยกันเรื่อยๆ สีหน้าของเกตุศิรินทร์ดูผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย ผิดกับท่าทีที่เขาเคยเห็นที่คฤหาสน์เทวาลัย
“ดูเหมือนจะไม่มีอะไรนี่หว่า” คมกฤชกระซิบ
ในช่วงแรก ทั้งคู่พูดคุยกันอย่างสนิทสนม เกตุศิรินทร์ดูมีรอยยิ้มที่สดใส ทว่า... เพียงไม่นาน สีหน้าของเธอก็เริ่มเปลี่ยนไป เมื่อชายหนุ่มคนนั้นเริ่มพูดบางสิ่งบางอย่างที่ดูจริงจัง ราวกับกำลังอธิบายหรือขอร้องอะไรเธอบางอย่าง สิงขรขมวดคิ้ว เขาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศความตึงเครียดระหว่างคนทั้งคู่
“เกตุ... คุณต้องเข้าใจผมนะ ผมขัดพ่อกับแม่ไม่ได้จริงๆ” เขาพยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนเจือไปด้วยความอึดอัดใจอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความขัดแย้งระหว่างความรู้สึกผิดต่อเกตุศิรินทร์และความจำเป็นที่ต้องทำตามความต้องการของครอบครัว
“นนท์คะ.... คุณไม่ต้องพยายามอธิบายอะไรหรอกค่ะ คือเกตุเข้าใจ อย่างน้อยคุณก็ทำถูกแล้วค่ะ” น้ำเสียงของเธอนิ่งเรียบ แต่แฝงไว้ด้วยความเสียใจและความรู้สึกยอมรับในชะตากรรม
“แต่ผมรักคุณนะ...เกตุ ถึงแม้ผมจะแต่งงานไป แต่ผมขอคบกับคุณต่อได้มั้ยครับ แล้วผมจะหาทางหย่ากับผู้หญิงคนนั้นให้เร็วที่สุด” หนุ่มคนดังกล่าวพูดพลางยื่นมือมาจับมือเกตุศิรินทร์อย่างอ้อนวอน เกตุศิรินทร์นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจแผ่วเบา
“นนท์คะ...ถ้าเกตุยอม มันก็หมายความว่าเกตุต้องเป็นมือที่สามนะคะ” ชายหนุ่มคนดังกล่าวไม่รอให้เธอตอบ เขาลุกขึ้นมานั่งข้างๆ เกตุศิรินทร์ โอบไหล่เธอเบาๆ พลางกระซิบข้างหู
“แต่ผมรักคุณจริงๆ นะเกตุ ช่วยเห็นแก่ความรักของเราเถอะ?” ชายหนุ่มโน้มตัวลงหวังจะจูบเธอ ทว่าเกตุศิรินทร์เบือนหน้าหนีเล็กน้อยอย่างชัดเจน แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่ละความพยายาม เขายังคงจับมือเรียวของเธอขึ้นมาจูบ และพยายามโน้มตัวเข้ามาใกล้ชิดมากขึ้น ราวกับไม่สนใจท่าทีที่อึดอัดของหญิงสาว
สิงขรที่นั่งสังเกตการณ์อยู่ไม่ไกลนัก สังเกตเห็นความอึดอัดใจที่ฉายชัดบนใบหน้าของเกตุศิรินทร์ รวมถึงการรุกเร้าที่มากเกินไปของชายหนุ่มคนนั้น เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกถึงความไม่เหมาะสม จึงตัดสินใจลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อจะเดินเข้าไปทักทายทั้งคู่
“เฮ้ย!!..ไปไหนว่ะ” คมกฤชที่เห็นเพื่อนลุกพรวดพราดก็รีบร้องทัก แต่สิงขรไม่ได้หันกลับมาเสียแล้ว เขากำลังเดินตรงไปยังโต๊ะของเกตุศิรินทร์ด้วยท่าทีที่มุ่งมั่น
“ขอโทษนะครับ” สิงขรเอ่ยเสียงเรียบทว่าแววตาจับจ้องไปยังชายหนุ่มข้างกายของเกตุศิรินทร์อย่างประเมิน เสียงทุ้มนุ่มนั้นดึงให้ทั้งคู่หันมามอง
วินาทีนั้นเกตุศิรินทร์รีบลุกขึ้นมาคว้าแขนสิงขรเอาไว้แน่น นิ้วเรียวเล็กบีบกระชับราวกับต้องการความช่วยเหลือ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เจือไปด้วยความประหม่าและแฝงเร้นความหวัง
“อ่าวคุณ!!!มาพอดีเลย... คุณนนท์คะ..นี่คุณสิงขร... แฟนใหม่เกตุเองค่ะ” สิงขรมองหน้าเกตุศิรินทร์อย่างเข้าใจในทันที เขารับรู้ถึงความอึดอัดและความต้องการความช่วยเหลือจากเธอ จึงแสร้งส่งยิ้มเป็นมิตรให้กับแฟนหนุ่มของเธอ
“สวัสดีครับ...คุณ!!” สิงขรทักทายด้วยท่าทีสบายๆ ทว่าในใจกลับระแวดระวัง ชายคนดังกล่าวมองสิงขรด้วยความไม่เป็นมิตรอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะหันไปมองเกตุศิรินทร์ด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากความอ่อนโยนกลายเป็นความโกธรและสงสัย
“แฟนใหม่เหรอเกตุ? ทำไมไม่เห็นบอกผมเลย” น้ำเสียงของเขาเริ่มแข็งกระด้างขึ้นเล็กน้อย
“อ๋อ!!!..พอดี... เราเพิ่งเริ่มคบน่ะค่ะ”
“เอ่อคุณสิงขรคะ นี่คุณชานนท์ค่ะ เป็นเพื่อนเกตุเองค่ะ พอดีเค้ากำลังจะแต่งงาน” เกตุศิรินทร์รีบบอกเหมือนพยายามอธิบายให้สิงขรเข้าใจ
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ...คุณชานนท์” สิงขรเอ่ยทักทายอีกครั้ง
“ครับ” ชานนท์กล่าวขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“คุณเป็นแฟนกับเกตุตั้งแต่เมื่อไหร่” น้ำเสียงไม่เป็นมิตรเอ่ยถามทันที
“ประมาณ... สองอาทิตย์ค่ะ” เกตุศิรินทร์เป็นคนตอบแทน เธอมองมาที่สิงขรเล็กน้อยเหมือนจะให้เขาช่วยรับสมอ้าง
“นี่คุณแอบนอกใจผมเหรอเกตุ” ชานนท์ถามเสียงต่ำ
“นนท์คะ... เรื่องของเราก็ให้มันจบแค่นี้เถอะค่ะ ยังไงมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว คุณไปเตรียมตัวแต่งงานเถอะค่ะ” น้ำเสียงของเธอเด็ดเดี่ยวขึ้น ก่อนจะรีบเกาะแขนของสิงขรเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
ชานนท์จ้องหน้าสิงขรแล้วเดินจากไป เมื่อชานนท์เดินพ้นไปแล้ว เกตุศิรินทร์ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ขอบคุณมากนะคะคุณตำรวจ!!!” เธอพูดด้วยความรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรครับ” สิงขรตอบ
“เชิญนั่งก่อนสิคะ”
“จะดื่มอะไรก่อนมั้ยคะ เดี๋ยวเกตุเลี้ยงเอง...ถือเป็นการขอบคุณ”
“ขอบคุณครับ แต่เอ่อ..ผมมีเพื่อนมาด้วย ถ้าไม่รังเกียจเชิญคุณเกตุที่โต๊ะผมดีกว่าครับ” เขาถือโอกาสเรียกชื่อเล่นของเธอ เลขาฯ สาว พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามเขามานั่งที่โต๊ะ สิงขรแนะนำคมกฤชเพื่อนของเขาให้เกตุศิรินทร์รู้จัก เธอเอ่ยทักทายคมกฤชด้วยท่าท่าเป็นมิตร จากนั้นสิงขรสั่งเครื่องดื่มเบาๆ ให้เธอ
สิงขรและคมกฤชนั่งฟังเกตุศิรินทร์ระบายความรู้สึกอึดอัดใจเกี่ยวกับแฟนหนุ่มของเธอ เลขาฯ สาวเล่าด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความสับสน
“จริงๆ แล้วพ่อแม่เขาเป็นคนจัดการเรื่องแต่งงาน... ทั้งหมด ชานนท์เองก็ไม่ได้เต็มใจเท่าไหร่ แต่ก็ขัดไม่ได้”
“แต่ถ้าเป็นผม..ลองไม่ได้รักละก็ ผมค้านหัวชนฝาเลยครับ สมัยนี้มันหมดยุคคลุมถุงชนกันแล้ว” คมกฤชเสนอความคิด
“เขาต้องการจะคบกับฉันต่อค่ะ แต่ฉันคงทำแบบนั้นไม่ได้” เกตุศิรินทร์ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ
“คุณทำถูกแล้วครับ คุณเกตุ” สิงขรรีบบอก คมกฤชรีบยิ้มให้เพื่อนอย่างรู้ทัน เกตุศิรินทร์ยิ้มบางๆ ให้ทั้งสอง
“แล้วคุณเกตุจะเอายังไงต่อครับ?” คมกฤชถามด้วยความเป็นห่วง เกตุศิรินทร์ถอนหายใจ
“ก็คงต้องปล่อยให้เขาไปแต่งงานค่ะ ส่วนฉัน... ก็คงต้องเริ่มต้นใหม่” บรรยากาศเงียบลงเล็กน้อย สิงขรรู้สึกเห็นใจเกตุศิรินทร์อย่างจับใจ ความเข้มแข็งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าหวานเศร้าของเธอนั้นน่าประทับใจ
“ถ้าคุณเกตุต้องการให้ช่วยอะไร บอกพวกผมได้เลยนะครับ” สิงขรเอ่ยด้วยความจริงใจ
“ขอบคุณมากค่ะคุณสิงขร คุณคมกฤช” เกตุศิรินทร์ยิ้มให้ทั้งสองอีกครั้ง
เมื่อเวลาผ่านไป สองเพื่อนซี้สังเกตได้ว่าสีหน้าของเกตุศิรินทร์เริ่มผ่อนคลายลง รอยยิ้มบางๆ กลับมาปรากฏบนริมฝีปากสวยอีกครั้ง ความเศร้าหมองในแววตาค่อยๆ จางหายไป ราวกับได้รับการปลอบประโลมจากบทสนทนาของทั้งคู่ จนกระทั่งเข็มนาฬิกาใกล้จะเที่ยงคืน เกตุศิรินทร์ก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรงใจว่าเธอคงต้องกลับแล้ว เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมเรียกแท็กซี่ ทว่าสิงขรกลับเสนอตัวขึ้นมาอย่างไม่ลังเล
“ให้ผมไปส่งคุณดีกว่าครับ ดึกดื่นแบบนี้กลับแท็กซี่มันอันตราย” สิงขรเอ่ยด้วยความเป็นห่วงที่แท้จริง ซึ่งในห้วงลึกของความรู้สึกนั้น กลับมีบางสิ่งที่มากกว่าความต้องการที่จะตามไปสืบสวนคดีแฝงอยู่ด้วย
เกตุศิรินทร์ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะสบตากับสิงขร แววตาของเธอเต็มไปด้วยความลังเล แต่ก็แฝงไว้ด้วยความรู้สึกขอบคุณ
“เอ่อ... จะเป็นการรบกวนหรือเปล่าคะ?” เธอถามเสียงแผ่ว
สิงขรยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะตอบเธอ “ไม่เลยครับ ผมยินดี”
คมกฤชซึ่งนั่งสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ อดไม่ได้ที่จะยักคิ้วให้กับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเพื่อนอย่างขำขัน ทว่าเขาก็ไม่ได้เอ่ยขัดขวางใดๆ ในใจของคมกฤชนั้นพอจะมองออกว่า สิงขรไม่ได้เพียงแค่แสดงความมีน้ำใจตามมารยาทเท่านั้น... แต่ดูเหมือนเสน่ห์ของสาวสวยตรงหน้าจะเริ่มมีอิทธิพลต่อเพื่อนรักของเขาเสียแล้ว