บทนำ (1) เรื่องบังเอิญ

1036 คำ
เสียงดนตรีจากเวทีเล็กๆ ในร้านอาหารกึ่งบาร์ดังคลอไปกับเสียงพูดคุยเจี๊ยวจ๊าวของลูกค้า แสงไฟนวลส้มสลัวๆ ถูกออกแบบให้บรรยากาศดูอบอุ่น แต่สำหรับ อริสรา วัฒนกุล เด็กเสิร์ฟวัยยี่สิบเอ็ดที่กำลังเดินถือถาดเต็มไปด้วยแก้วน้ำอัดลมและเบียร์ มันกลับเป็นค่ำคืนที่เหนื่อยเกินบรรยาย เธอใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับผ้ากันเปื้อนสีดำ เสื้อผ้าเก่าจนเริ่มซีด แต่รีดเรียบกริบเพื่อให้ดูสุภาพและสะอาดที่สุด ขาของเธอเมื่อยล้าจากการเดินไม่หยุดตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงยิ้มให้ลูกค้าตามมารยาท “น้องอาย โต๊ะสี่ขอน้ำแข็งเพิ่ม” เสียงหัวหน้าตะโกนแข่งกับเสียงเพลง “ได้ค่ะพี่” อริสราตอบอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะรีบไปจัดน้ำแข็งใส่ถังใบเล็กแล้วนำไปเสิร์ฟ แม้ใบหน้าจะยิ้ม แต่ภายในใจเธอเต็มไปด้วยความกังวล ค่าเทอมอีกก้อนที่เหลือเกือบครึ่งหมื่นยังหาไม่ครบ เธอเป็นเด็กกำพร้ามาตั้งแต่อายุสิบห้า หลังจากพ่อแม่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เหลืออยู่จึงต้องดิ้นรนหามาด้วยสองมือของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าหอพัก ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้า อุปกรณ์การเรียนและค่าเทอม คืนนี้เป็นหนึ่งในหลายสิบคืนที่เธอรับงานเสิร์ฟหลังเลิกเรียนเพื่อหาเงินเก็บ แม้ค่าจ้างไม่มาก แต่ทุกบาททุกสตางค์สำคัญต่อชีวิตเธอทั้งนั้น เวลาผ่านไปจนเกือบเที่ยงคืน งานในร้านเริ่มเบาลง ลูกค้าทยอยกลับ อริสราเหนื่อยจนอยากทิ้งตัวลงนั่ง แต่ยังคงต้องช่วยเก็บโต๊ะ ล้างแก้ว และส่งถังเบียร์เปล่าไปหลังร้าน “ขอบใจมากนะอาย วันนี้เหนื่อยหน่อย แต่ทิปก็เยอะตามไปด้วย” หัวหน้าพูดพร้อมตบไหล่เธอเบาๆ “ไม่เป็นไรค่ะพี่ หนูไหวอยู่แล้ว” เธอยิ้มบางๆ แม้ในใจจะรู้สึกเหมือนขาแทบไม่มีแรงก้าวต่อ เมื่อเสร็จงาน เธอเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดสีจางกับกางเกงยีนราคาถูก สะพายกระเป๋าผ้าขาดๆ ใบเดิมที่ใช้มาหลายปี ขอบตาลึกคล้ำจากความเหนื่อยล้า แต่แววตายังคงแน่วแน่และเต็มไปด้วยความหวัง จากนั้นก็ไปรับเงินค่าจ้างที่ร้านจะจ่ายให้เป็นรายวันสำหรับพนักงานพาร์ตไทม์เช่นเธอ เธอกวาดสายตามองเงินสดที่เก็บใส่ซองเล็กๆ แล้วเผลอยกขึ้นแนบอกอย่างเงียบงัน “เหลืออีกสี่พันกว่า...ถ้าอดทนอีกหน่อย ก็จะได้ค่าเทอมครบแล้วนะอาย สู้ๆ” เธอปลอบใจตัวเองเบาๆ เวลาล่วงเลยไปเกือบตีหนึ่ง ถนนเบื้องหน้าแทบไม่มีรถวิ่ง ฝนเริ่มตกปรอยๆ อริสราเลือกเดินลัดหลังโกดังร้างในซอยหลังร้านเพราะไม่อยากเรียกแท็กซี่ให้สิ้นเปลือง ถึงจะต้องใช้เวลาเดินมากกว่ายี่สิบนาทีกว่าจะถึงที่พักก็ตาม แม้จะรู้ว่าซอยนี้อันตราย แต่ความจนบังคับให้เธอไม่มีสิทธิ์เลือกมากนัก เสียงรองเท้าผ้าใบที่เปียกชื้นกระทบพื้นที่เปียกน้ำฝนไปตามทางที่เต็มไปด้วยเงามืด เธอกอดกระเป๋าผ้าแน่นด้วยความหวาดหวั่น แต่ก็ปลอบตัวเองในใจ ‘อีกนิดเดียวก็ถึงหอแล้ว อดทนหน่อยนะอาย’ หากแต่เสียงที่ดังขึ้นตรงหน้าก็ทำให้หัวใจเธอแทบหยุดเต้น ปัง! มันคือเสียงปืนที่ดังสะท้อนก้องไปทั่วโกดังร้างที่อยู่ห่างไม่กี่ก้าวเท่านั้น หญิงสาวสะดุ้งเฮือกลมหายใจติดขัด สองเท้าหยุดชะงักไปชั่วขณะ ดวงตากลมกวาดมองไปรอบๆ ก่อนจะก้าวช้าๆ เข้าไปใกล้ผนังโกดังเพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและเพียงเสี้ยววินาทีที่เธอชะโงกหน้าออกไป สิ่งที่เห็นตรงหน้าก็ทำให้โลกทั้งใบของเธอเปลี่ยนไปตลอดกาล ห้านาทีก่อนหน้านี้... กลิ่นชื้นอับของโกดังเก่าผสมกับกลิ่นสนิมจากกองเหล็กกองไม้ ทำให้อากาศด้านในหนักอึ้งจนหายใจแทบไม่ออก แสงไฟดวงเดียวที่ห้อยจากเพดานส่องลงตรงกลางห้อง ทำให้มองเห็นคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนล้อมใครบางคนเอาไว้ บนเก้าอี้เหล็กเก่าๆ กลางห้อง ชายร่างผอมถูกมัดแขนแน่นด้วยเชือกเปื้อนเลือด ดวงตาเต็มไปด้วยความดื้อรั้นและความกลัวผสมกัน ตรงข้ามกันคือ พงศ์วิชญ์ อัศวปรีชา หรือที่ใครๆ ต่างก็เรียกเขาว่า เฮียวิชญ์ มาเฟียหนุ่มวัยสามสิบห้าปีที่นั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้อีกตัว ท่าทางผ่อนคลายราวกับกำลังสนทนาเรื่องธุรกิจธรรมดา แต่สายตาคมกริบที่จ้องไปยังนักโทษกลับเฉียบคมเหมือนใบมีดที่พร้อมจะกรีดอีกฝ่ายให้เป็นรอยแผลลึก “ใครส่งมึงมา” น้ำเสียงเด็ดขาดและทรงพลังเอ่ยถามขึ้นอย่างใจเย็น ชายที่ถูกมัดหัวเราะหึๆ ในลำคอ เลือดซึมออกจากมุมปากก่อนตอบออกไป “ต่อให้ต้องตาย...กูก็ไม่มีวันบอกมึง” ดวงตาของพงศ์วิชญ์หรี่ลงเล็กน้อย ริมฝีปากกระตุกขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ก็ดี กูไม่ได้หวังว่าจะได้อะไรจากเศษสวะอย่างมึงอยู่แล้ว” เขาลุกขึ้นยืน เดินอ้อมไปด้านหลัง ก่อนจะก้มลงพูดช้าๆ ข้างหูนักโทษ “แต่มึงจะได้ตายอย่างสบายหรือทรมาน...มันขึ้นอยู่กับคำตอบของมึงเอง เลือกเอาละกัน” ร่างผอมสะอึก แต่ยังฝืนยกยิ้มอย่างถือดี “คิดว่ากูจะกลัวมึงงั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ!” เพียงเสี้ยววินาทีนั้นเอง...นักโทษแอบดึงมีดพับที่ซ่อนอยู่ในขากางเกง กรีดเชือกจนขาด แล้วพุ่งเข้าหาเขาเต็มแรง หวังปักคมมีดเข้าที่อกของมาเฟียหนุ่ม ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก แต่สายตาคมของพงศ์วิชญ์ไวพอที่จะเห็นทุกการเคลื่อนไหว เขาเบี่ยงตัวอย่างแม่นยำ มือใหญ่กระชากข้อมือศัตรูบิดจนมีดหลุด ก่อนจะสวนหมัดเข้าที่ใบหน้า แล้วใช้ปืนในมือลูกน้องจ่อที่กลางอกขวาของมันทันที ปัง! ร่างนักโทษทรุดฮวบลงบนพื้น เลือดแดงเข้มค่อยๆ ไหลนองออกมา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม