ทั้งสามยังคงนั่งพูดคุยกันไปเรื่อย จนกระทั่งไฉ่เล่ออิงเกิดอาการเวียนหัว จึงขอตัวขึ้นไปนอนพักที่ห้องโดยมีต้าจงมาส่ง
“พี่จะไปเก็บพุทรามาให้นะ” ห่มผ้าให้ถึงอก ก่อนจะเดินออกไป เล่ออิงจึงขยับลุกนั่งก่อนจะยกมือขึ้นมากุมท้องของตน
“ลูกแม่อย่ารังแกกันสิ เจ้าต้องไปจัดการพ่อเจ้านู่นมันถึงจะถูก เขาทิ้งเราสองแม่ลูกไปนะ” พึมพำออกมา ริมฝีปากอิ่มเผยยิ้ม ขำตนเองที่เอ่ยออกมาเช่นนี้ ทั้งที่เรื่องทั้งหมดมันก็เกิดจากการกระทำของนางแท้ ๆ ถ้าไม่ใจง่ายก็ไม่ต้องอุ้มท้องลูกไม่มีพ่อ
เก่งไปเสียทุกอย่าง แต่ดันมาพลาดเพราะบุรุษที่ตนรักฝังใจ ไม่รู้จักระมัดระวังป้องกัน ทำให้ตั้งครรภ์โดยไม่มีสามี
แต่จะว่าไปมันก็เหมือนชะตาเล่นตลก ไฉ่เล่ออิงเป็นหมอ นางรู้จักวิธีป้องกันตนเองอยู่แล้ว เพียงแต่คืนที่ร่วมรักกับเขา หญิงสาวดันหมดสติไปถึงสองวัน และยังหลับต่อไปอีกหนึ่งวัน ต่อให้กินยามันก็ไม่ทันแล้ว จึงต้องปล่อยเลยตามเลย
ทว่าไฉ่เล่ออิงไม่เคยนึกเสียใจกับการกระทำของตนในคืนนั้น ก็นางรักเขา รักมาถึงสองภพชาติ จะว่าไม่ลืมหูลืมตาก็ได้ อุตส่าห์ได้มาเจอกันอีกหน ใครมันจะยอมพลาดโอกาสกันล่ะ
ยามนี้มีตัวแทนของเขาให้ได้ชื่นชม เด็กในท้องคือบุตรที่เกิดจากบุรุษอันเป็นที่รัก เพียงแค่คิดใจดวงน้อยก็เป็นสุขแล้ว
ด้านฉีไป่เสวียน ยามนี้เขากำลังมีอาการเวียนหัวคลื่นไส้อย่างรุนแรง อาหารก็กินไม่ได้ หมอมาตรวจก็ไม่รู้สาเหตุ ทำให้บรรดาคนสนิทเป็นกังวลอย่างมาก เกรงผู้เป็นนายจะถูกวางยา เพราะไป่เสวียนมักถูกลอบสังหารอยู่บ่อยครั้ง
“นายท่านให้คุณหนูสามรักษาดีกว่านะขอรับ” จีหยวนเอ่ย ไฉ่เล่ออิงเป็นหมอที่เก่งมาก เขาเชื่อว่านางต้องหาสาเหตุอาการของผู้เป็นนายได้แน่ ที่สำคัญคืออยู่กันคนละฝั่งคลองเท่านั้น
“นั่นสิขอรับ ให้นางมาตรวจดูเถิด” ฉางเฟิงสำทับ นึกเป็นห่วงผู้เป็นนายที่มีอาการมาร่วมเดือนแล้ว สีหน้าเขาดูซีดเซียวมาก บางวันยังหมดสติไปดื้อ ๆ ทั้งที่ไป่เสวียนออกจะแข็งแรงดี
“ไม่ได้! ห้ามให้นางรู้ว่าข้าอยู่ที่นี่” คำรามเสียงแหบพร่า สองสหายเลยได้แต่ก้มหน้า มองผู้เป็นนายที่นอนหอบหายใจอยู่บนเตียง อาการแย่ลงทุกวัน จนบางครั้งหลับยาวข้ามวันข้ามคืน
อย่างเช่นวันนี้ เขานอนไม่ยอมตื่น ทั้งที่บ่ายคล้อยแล้ว ทำเอาบรรดาคนสนิทถึงกับกระวนกระวายนั่งไม่ติด
“ข้าจะไปตามคุณหนูมาตรวจนายท่าน ปล่อยไว้เช่นนี้ไม่ได้มีแต่จะทรุดหนัก” ฉางเฟิงเอ่ยขึ้นมาเสียเอง
“งั้นเจ้ารีบไปเลย หากนายท่านรู้เราจะรับผิดชอบร่วมกัน ขืนปล่อยไว้คงได้ตายแน่” จีหยวนหันมาดันไหล่สหาย เหล่าองครักษ์นับสิบที่ยืนอยู่หน้าประตูก็เห็นด้วย
ผ่านไปหนึ่งเค่อ [สามสิบนาที] คนที่หลับอยู่ก็ยังไม่มีทีท่าจะตื่น ทว่าสีหน้าเขาดูผ่อนคลายขึ้น เมื่อได้รับกลิ่นบางอย่างเข้าสู่โสตประสาท มันรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก
ในห้วงฝัน ไป่เสวียนกำลังคลานสี่ขาให้เด็กคนหนึ่งนั่ง พร้อมกับเสียงหัวเราะเปี่ยมสุข บวกกับรอยยิ้มหวานของใครบางคนที่นั่งอยู่บนพื้นหญ้า ปรบมือให้กับเขาและเด็กชายตัวน้อย
มันช่างเป็นฝันที่มีความสุขและอบอุ่นดียิ่งนัก
ทว่า! เสียงหนึ่งก็ดังมาเรียกสติให้เขาต้องตื่น
“เจ้าไม่มีสิทธิ์ มีทายาท”
เปลือกตาเรียวเปิดขึ้นทันที เขาหันมองรอบตัวก็พบเพียงคนสนิทที่ยืนอยู่เท่านั้น “ฝันไปงั้นหรือ” พึมพำกับตนเองก่อนจะหันมาหาจีหยวนที่ยืนนิ่งจนน่าประหลาดใจ
“มีอะไรกัน หรือข้าหลับไปนานอีกแล้ว” ถามเสียงขุ่น เพราะรู้สึกหงุดหงิดกับความฝันที่ถูกขัดเมื่อครู่ ช่วงนี้เขามักควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ค่อยได้ มิหนำซ้ำยังหมดสติบ่อยครั้ง
“ขอรับ เกือบสองวัน” จีหยวนเอ่ยเอง ก่อนจะหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่กล้าบอกว่าพวกเขาตามใครมารักษา ดีที่นางออกไปก่อนหน้าผู้เป็นนายจะตื่นนิดเดียว “นายท่านรู้สึกดีขึ้นหรือเปล่าขอรับ นี่ยาขอรับ” องครักษ์หนุ่มส่งถ้วยยาให้
“อืม ข้าได้กลิ่นหอมบางอย่าง ทำให้รู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมาก เปลี่ยนหมอรักษาข้าหรือ” รับถ้วยยามาแล้วก็ตักเข้าปากจนหมด
“เปล่าขอรับ เพียงแต่ท่านหมอให้เอาถุงหอมมาแขวนไว้ในห้อง คงเป็นกลิ่นนี้กระมังที่ทำให้นายท่านอาการดีขึ้น” จีหยวนชี้นิ้วไปยังถุงหอมสีชมพูอ่อนที่ห้อยอยู่กับเสาเตียง
ไป่เสวียนมองตามก่อนจะผูกคิ้วเป็นปม “สิ่งนี้หรือ” เขาหยิบมันขึ้นมาสูดดม “อืม หอมดีข้าชอบ ฝากขอบใจท่านหมอด้วยนะทำดีมาก ข้ารู้สึกสบายขึ้นจริง ๆ อย่าลืมตบรางวัลให้เขาด้วยล่ะ” เอ่ยบอกอย่างชอบใจ ไป่เสวียนรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ อารมณ์ที่เคยหงุดหงิดก็เหมือนจะหายไปแล้ว
เหล่าคนสนิทเลยได้แต่ยิ้มแห้ง มองหน้ากันแต่ก็ไม่เอ่ยอันใด บางคนขอตัวออกไปทำหน้าที่เสีย เกรงตนจะหลุดทำให้เสียเรื่อง เพราะสถานการณ์เช่นนี้พวกเขาไม่ค่อยคุ้นชินนัก ให้ไปสังหารคนยังจะดีกว่ามาคอยเก็บความลับอะไรเช่นนี้
“ฉางเฟิงล่ะไปไหน” ถามหาคนสนิที่ไม่เห็นหน้า ปกติองครักษ์ผู้นี้ไม่เคยห่างกายเขาเลย ครั้งนี้กลับหายหัว
“ไป…ไปส่งท่านหมอขอรับ” ตอบเสียงติดขัด ส่งผลให้คิ้วหนาผูกกันเป็นปมทันที เพราะปกติฉางเฟิงมักให้คนอื่นทำ เหตุไฉนรอบนี้อาสาไปเอง น่าแปลกใจจริง ๆ
“แน่ใจหรือว่าไปส่งท่านหมอ” ถามย้ำจนคนสนิทถึงกับตัวแข็งทื่อ เกิดมาพวกเขายังไม่เคยโกหกผู้เป็นนายเลย จึงทำตัวไม่ถูกและเกรงว่าจะถูกจับได้เสียก่อน
“นายท่านข้าน้อยไปส่งท่านหมอจริง ๆ นะขอรับ ทว่าแอบแวะไปหาชิงสุ่ยนิดเดียว” คนถูกพูดถึงรีบเดินเข้ามา พร้อมกับแก้ตัวไปน้ำขุ่น ๆ ก่อนจะส่งยิ้มแห้งประมาณว่าสำนึกผิดแล้ว
ไป่เสวียนเหลือบมองเล็กน้อยแต่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เขาไม่ได้ห้ามใครหากจะมีความรักหรือครอบครัว เพราะพันธะที่มีมันอยู่ที่เขาผู้เดียว จึงไม่อยากให้มันส่งผลต่อคนรอบข้างด้วย
“ถ้าจริงจังก็แต่งมาเป็นภรรยาเสีย อย่าให้นางต้องรอนาน” แนะคนสนิท ก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำชำระเนื้อตัว เพราะเขานอนซมมาหลายคืนแล้ว วันนี้รู้สึกแข็งแรงขึ้น จึงอยากออกไปสืบข่าวฝ่ายตรงข้ามที่แอบมาแฝงตัวในเมืองดูเสียหน่อย
ไม่นานนักร่างสูงสง่าก็เดินออกมา และไม่ลืมหยิบเอาถุงหอมยัดใส่ชายเสื้อเอาไว้ด้วย เพราะมันช่วยให้เขามีพลังมาก กลิ่นมันเหมือนร่างกายของใครบางคนที่เขาเคยทาบทับ
จากนั้นไป่เสวียนก็มักจะฝันถึงเด็กน้อยตัวอ้วนกลมทุกคืน และมันก็ช่วยให้เขาหลับสบายขึ้น อาการเวียนหัวคลื่นไส้ก็น้อยลง แต่ก็ยังมีอาเจียนอยู่ทุกเช้า
ห้าวันต่อมา
วันนี้ไป่เสวียนมีอาการหนัก เพราะได้กลิ่นอาหารที่ตนเองเคยชอบ เขาอาเจียนจนร่างกายหมดแรง ต้องนอนซมอยู่บนเตียงอีกหน ถุงหอมที่เคยใช้ได้ผลก็เหมือนจะหมดฤทธิ์แล้ว เลยทำให้สีหน้าเขาแย่ลงทุกที เปลือกตาก็จะปิดอยู่ตลอด
และช่วงเวลากึ่งหลับกึ่งตื่นนี้ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ก็โชยมาอีก ทำให้เขาผ่อนคลายเป็นอย่างมาก มันทั้งเย็นและอบอุ่นอย่างไรไม่รู้ อีกทั้งยังมีสัมผัสแผ่วเบานวดลงที่ขมับด้วย
“หึม…สบายจัง” พึมพำออกมาอย่างพอใจ ก่อนที่คิ้วหนาจะย่นเข้าหากัน เมื่อสัมผัสได้ว่ามันไม่น่าจะใช่ความฝัน
มือขาวรีบถดหมายจะพาตนลุกออกจากเตียง ทว่ามันไม่ทันแล้ว เพราะข้อมือเล็กดันถูกรั้งไว้เสียก่อน “เป็นเจ้า!” เสียงคำรามดังลั่นห้อง ทำเอาสองสหายถึงกับหน้าเสีย หมายจะตรงเข้ามาช่วยไฉ่เล่ออิงที่มีอาการตื่นตระหนกในตอนนี้
“ออกไป! หมดธุระกับนาง ข้าจะจัดการกับพวกเจ้า” ตวาดลั่นห้อง ก่อนจะหันมาหาคนที่นั่งตัวสั่นงันงก ปกติไฉ่เล่ออิงไม่เคยกลัวเขา ทว่าที่เป็นแบบนี้ก็เพราะร่างกายของสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจจึงตีตื้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
“ใครให้เจ้ามา ไม่รู้หรือว่าข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า” มือเรียวจับต้นแขนนางบีบแรงจนคนตัวเล็กหน้าเสีย
#โดนจับได้เสียแล้ว