18. พบกันอีกครั้ง

1690 คำ
ขันทีเฒ่ายกยิ้มแล้วเอ่ยออกมาก่อนที่ไฉ่เล่ออิงจะอ้าปากคัดค้าน นางเกรงว่าตำแหน่งคนผู้นั้นจะสำคัญมาก หากมีคนรู้ว่าเขาป่วยคงไม่ดีนัก ราชสำนักอาจสั่นคลอนไปด้วยก็ได้ “ข้าบอกแล้วเจ้าอย่าได้เอ็ดไปล่ะ มิเช่นนั้นจะหัวหลุดจากบ่าได้ คนผู้นั้นคือ รัชทายาทฉงอวี้” เอ่ยด้วยสีหน้าเป็นกังวล “หา!! อุ้บ” เล่ออิงยกมือปิดปากพี่สาวไว้ เพราะกลัวนางจะหลุดพูดอันใดออกไปอีก ที่นี่มีคนงานนับสิบไม่ดีแน่ถ้าเรื่องถูกแพร่งพราย พอตั้งสติได้ เล่ออิงจึงเอ่ยถามอู่กงกง “ท่านจะให้ข้าไปรักษารัชทายาท หากไม่สำเร็จคนในครอบครัวข้าจะไม่ตายหรือ” ถามตรงประเด็นอย่างใจคิด “เรื่องนั้นอย่ากังวลไปเลย มีหมอมากมายที่ได้รับเชิญ คนไหนสามารถรักษาได้เราก็ให้รักษา ส่วนใครวินิจฉัยโรคไม่ได้ก็ปล่อยกลับ ฝ่าบาทไม่ได้บังคับใคร เพราะเข้าใจดีว่าความตายใครก็ห้ามไม่ได้ เพียงแต่อยากให้ลองดูก่อนก็เท่านั้น” “หึหึ ท่านพูดง่ายจังเลยนะเจ้าคะ ตำแหน่งนี้แค่เรารู้ว่าเขาป่วย ชีวิตคนในเรือนข้าก็แขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้วกระมัง” ถึงไม่เคยเรียนเรื่องประวัติศาสตร์ในวังหลวง ทว่าไฉ่เล่ออิงก็เคยดูซีรี่ย์ที่เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มาบ้าง กฏเกณฑ์ในวังมีน้อยเสียที่ไหน หากล่วงรู้ความลับข้างในแล้ว ก็เท่ากับตนขี่หลังเสือแล้วนั่นเอง ยิ่งเป็นเรื่องของผู้สืบบัลลังก์ยิ่งเอ่ยถึงไม่ได้ “ท่านหมอฉลาดยิ่งนัก ท่านคงเป็นท่านหมอไฉ่สินะ เช่นนั้นเราก็อย่าเสียเวลาเลย เอาเป็นว่าข้าจะช่วยไม่ให้ครอบครัวท่านต้องเดือดร้อนก็แล้วกัน มิเช่นนั้นเจ้าตัวน้อยคงได้กำพร้าแม่เป็นแน่” อู่กงกงเอ่ยอย่างกับเขาเมตตาจริง ๆ ทว่ามันคือคำขู่ของคนมีเล่ห์เหลี่ยมต่างหาก และเขาเชื่อว่าสตรีตรงหน้าก็อ่านออก เสียแต่มีพี่สาวที่โง่ถามว่าต้องรักษาใครนี่แหละ หากยอมไปตั้งแต่แรกครอบครัวที่ยืนอยู่ก็คงไม่เดือดร้อน เพราะไม่ต้องรับรู้ว่าต้องรักษาผู้ใด “ได้ เช่นนั้นข้าน้อยจะไปเตรียมตัวก่อนนะเจ้าคะ” เอ่ยบอกให้เบาใจ ก่อนจะอุ้มเอาบุตรชายขึ้นแล้วพากลับเข้าเรือนพัก มีสองพี่น้องและซูฮวาเดินตามเข้าไปด้วย โดยมีขันทีเฒ่ายืนมองพร้อมกับยิ้มเยาะ “ต่อให้วางแผนหนีอย่างไรก็ไม่พ้นหรอก เว้นแต่พวกเจ้าจะรักษาคนป่วยให้หายได้เท่านั้น” พึมพำออกมา ต่อให้ไม่รู้ว่าการรักษาจะออกมาในรูปแบบไหน ทว่าคนที่รู้เรื่องจะต้องถูกกักบริเวณจนกว่าอาการของรัชทายาทจะดีขึ้น แต่ถ้าไม่ก็คือตายสถานเดียว ด้านใน ไฉ่เล่ออิงกำลังวางแผนให้ต้าจงพาทุกคนออกไปจากเมือง รวมถึงบุตรชายตัวน้อยของตนด้วย ส่วนใจ๋ใจ๋นางไม่ยอมให้เล่ออิงเข้าวังคนเดียว จะขอไปตายเอาดาบหน้าด้วยกัน “อันที่จริงเราหนีไปด้วยกันได้นะ” ต้าจงแย้ง ยามนี้เขาต้องรักษาครอบครัวที่มี จึงพยายามเกลี้ยกล่อมทั้งคู่ เพราะไม่อยากสูญเสียใครไป แม้จะเชื่อมือเล่ออิงว่าต้องรักษาได้ก็เถอะ ทว่าสิ่งที่มองไม่เห็น อย่างไรพวกเขาก็ต้องเผื่อใจเอาไว้ เพราะเหตุนี้เล่ออิงจึงไม่อยากให้พวกเขาต้องอยู่รอความตาย ซึ่งมันอาจจะเกิดขึ้นได้ หากนางรักษาไม่สำเร็จ “อย่าเลย หากไม่มีตัวล่อให้พวกเขาเบาใจ การหนีมันจะยากขึ้น หนังสือผ่านทางอยู่ในตู้เสื้อผ้า เงินที่มีพี่ต้องเอาไปให้หมด ไปรอข้าที่หุบเขาพิรุณ หากหนึ่งเดือนเรายังไม่ไป พี่ต้องเลี้ยงดูไป่เล่อให้ข้าด้วยนะ” กำชับเสียงเครือ ก่อนจะหันไปมองหน้าบุตรชายที่ใกล้จะหลับในอ้อมกอดของใจ๋ใจ๋แล้ว “เล่ออิงอย่าได้ห่วง เราสองคนจะดูแลไป่เล่ออย่างดี รอเจ้ากลับไปหาลูกนะ” ซูฮวาเอ่ยเสียงเครือ นึกสงสารสองแม่ลูกจับใจ จู่ ๆ ก็มีโชคชะตามาพรากให้ต้องจากกันกระทันหัน ไม่บอกกล่าวให้ได้ทำใจเลยสักนิด สวรรค์ช่างเล่นตลกเหลือเกิน ทั้งสี่กอดกันร้องไห้ โดยเฉพาะใจ๋ใจ๋ที่เอาแต่กล่าวโทษปากของตนเองที่โง่เขลานัก อยากรู้จนสร้างปัญหาให้ทุกคน หากนางไม่ถามแล้วปล่อยให้ไฉ่เล่ออิงรับปากไปรักษา และตนเป็นผู้ติดตาม วันข้างหน้าหากไม่สำเร็จก็คงตายแค่สองคนเท่านั้น น้องชายน้องสะใภ้และหลานทั้งสองก็ไม่ต้องระหกระเหินเช่นนี้ ดีที่คนงานไม่มีใครเข้ามายุ่มย่ามในช่วงนั้นด้วย “พอเถอะ เด็ก ๆ จะตกใจ” เล่ออิงปากน้ำตาตั้งสติ เมื่อเห็นบุตรชายขยับตัวขึ้นมามองตนตาแป๋ว ก่อนจะยกมือให้มารดาอุ้ม “เด็กดี วันนี้ไปนอนกับน้องนะ แม่ต้องไปรักษาคนหลายวัน ไป่เล่ออย่างอแงนะลูก” ประคองเสียงเอ่ยกับบุตรชายตัวน้อย “ไป่เย่อ..จะ…เชื่อปังต้านแม่” เด็กน้อยพยายามพูด เพราะยังไม่สามารถเอ่ยประโยคยาว ๆ ได้ชัด คนเป็นแม่จึงได้แต่น้ำตาคลอ ทว่าจำต้องหักห้ามไม่ให้มันไหลออกมา “เก่งมากเลยลูกแม่ เอาล่ะ ไปนอนนะ” เล่ออิงส่งลูกให้พี่ชาย ก่อนจะโบกมือไล่ทั้งสองให้ออกไปเสีย ไม่เช่นนั้นนางคงจากลูกไปไม่ได้เป็นแน่ ในแต่ละวันไม่เคยห่างกันเลย ทว่าหนนี้ไม่รู้จะได้เจอกันอีกไหม ต้าจงออกไปแล้ว นางจึงลุกมาเขียนจดหมายเพื่อทิ้งไว้ให้เฉินจีหรง บอกเขาเรื่องยาถอนพิษ ซึ่งมันไม่จำเป็นต้องกินเลย เพราะมันถูกรักษาไปตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว ตนก็แค่แกล้งเขาเท่านั้น “ไปกันเถอะ” หันมาเอ่ยกับพี่สาว ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับกล่องยาสี่เหลี่ยม และย่ามที่สะพายติดตัวของทั้งคู่ อู่กงกงยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ก่อนจะเดินนำออกไปด้านนอกซึ่งมีรถม้าจอดรออยู่ก่อนแล้ว ทว่าคนแปลกหน้าแต่งกายคล้าย ๆ กันกำลังโอบล้อมตลอดแนวเส้นทางเข้าออกของตรอกนี้ เป็นไปอย่างที่นางคาดการณ์เอาไว้จริง ๆ หากรักษาไม่สำเร็จคนทั้งเรือนคงไม่รอด ยังดีที่พวกเขาปล่อยพวกคนงานให้กลับบ้าน แต่ก็หวังว่าทุกคนจะปลอดภัย มิใช่สูญหายหรือตายในภายหลัง ดีที่นางเป็นคนรอบคอบ ซื้อเรือนติดกันเอาไว้ กำแพงบ้านสามารถเปิดออกเพื่อไปอีกฝั่งได้ ด้านนั้นอยู่ติดลำคลอง มีเรือจอดอยู่หน้าเรือน คาดว่าคนคงอู่กงกงคงคิดไม่ถึง การหนีของคนที่เหลือจึงไม่ใช่เรื่องน่าห่วงนัก คนภายนอกก็มักมองพวกเขาเป็นแค่คนต่างถิ่นที่เข้ามาหากินในเมืองหลวง ไม่รู้ลู่ทางอันใด หนึ่งเค่อต่อม้า รถม้าก็มาหยุดลงที่หน้าประตูวัง ซึ่งเป็นกำแพงสูงมีทางเข้าเพียงทางเดียว สตรีสองนางยืนมองความสง่างามเบื้องหน้า เพราะน้อยคนนักจะมีโอกาสได้เห็นและเข้าไป “นึกไม่ถึงว่าจะมีวันนี้” ใจ๋ใจ๋เอ่ยขึ้น “เป็นไปได้ก็ไม่อยากมาเลย” เล่ออิงพึมพำ ก่อนที่อู่กงกงจะเชื้อเชิญทั้งคู่ พวกนางจึงจำต้องก้าวเข้าไปในขอบเขตของกำแพง พักใหญ่ก็มาหยุดที่ตำหนักบูรพา สถานที่อันงดงามที่เคยถูกพูดถึงในซีรี่ย์หลาย ๆ เรื่อง ทว่าวันนี้ไฉ่เล่ออิงได้มีโอกาสมาสัมผัสกับบรรยากาศแท้จริงแล้ว ไม่รู้เป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ นางถูกเชิญให้ขึ้นไปด้านใน ซึ่งมีการตบแต่งโอ่อ่ามาก เดินเข้ามาลึกพอสมควรถึงได้เจอกับเตียงนอนขนาดใหญ่ ทว่ารอบข้างมันไม่ได้ดึงดูดให้ชวนมองเลยสักนิด เพราะมีบางสิ่งที่ทำให้นางต้องยืนนิ่งจนก้าวขาไม่ออก แม้แต่ใจ๋ใจ๋เองก็ยังตัวแข็งทื่อ “เจ้าพาใครมาอีกอู่กงกง คราวนี้เป็นสตรีด้วย หาคนที่เก่งกาจกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือ แคว้นอันของข้าทำไมถึงขาดคนมีฝีมือนัก จะต้องพึ่งสตรีที่ไหนไม่รู้มารักษางั้นหรือ” เสียงทรงอำนาจดังขึ้นมาทำเอาบรรดาข้าราชบริพารถึงกับขวัญผวา แม้แต่คนที่ตกอยู่ในภวังค์ยังต้องหมอบคุกเข่าตามเหล่าบรรดานางกำนัล รวมถึงกงกงที่นำพวกตนมาด้วย “ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะ แม่นางไฉ่เป็นหมอที่มีฝีมือ คนในเมืองต่างก็ล้ำลือถึงวิชาแพทย์ หมอหลวงหานเป็นคนแนะนำกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ เห็นว่านางเคยถอนพิษให้บุตรชายเขาจนเดินได้เมื่อปีก่อน เราลองดูสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร ถ้าไม่สำเร็จก็ค่อยจัดการภายหลังก็ได้พ่ะย่ะค่ะ” อู่กงกงก็ยังกล่าวเช่นเดิม และยังเอ่ยต่อหน้าคนที่จะมารักษาด้วย ช่างไม่เกรงใจกันเสียเลย “เจ้านี่นิสัยเลวทรามไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ เห็นชีวิตคนอื่นเป็นผักปลา ไม่สนใครเป็นใคร ขอแค่ทำประโยชน์ให้ได้เป็นพอ ถ้าพวกนางรักษาได้เจ้าก็ได้รับความดีความชอบไปด้วย แต่ถ้าไม่ คนที่ตายก็เป็นนางและครอบครัวมิใช่เจ้า ชั่วช้ายิ่งนัก” เป็นคราแรกที่ชินอ๋องด่าทอข้าราชบริพาร ยิ่งไปกว่านั้นขันทีผู้นี้ยังเป็นคนของฮ่องเต้ด้วย ทำเอาฮ่องเต้และไทเฮาถึงกับมึนงงและประหลาดใจไปพร้อมกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม