เสียงของวิคเตอร์แทรกขึ้นขณะเขาก้าวลงจากรถและเดินมาหยุดข้าง ๆ หญิงสาวยังความประหลาดใจแก่ เอื้อมรักษ์ หญิงสูงวัยผู้เป็นมารดาของอิงธาร สักครู่วิคเตอร์ก็แสดงความเคารพอย่างไทยด้วยการยกมือพุ่มไหว้ เขาค้อมไหล่ลงแค่เล็กน้อยดูแล้วเหมือนคนพึ่งหัดทำ เอื้อมรักษ์ยิ้มให้แต่อิงธารกลับมองด้วยความขัดตาขัดใจเสียมากกว่า หญิงสูงวัยมองชายชาวต่างชาติร่างสูงใหญ่ดูสง่าและสมาร์ทก่อนเอ่ยถามว่า
“สวัสดีค่ะ...ไม่ทราบว่าคุณคือ...”
“ผมชื่อวิคเตอร์ คิงส์ครับ เรียกผมว่าวิคก็ได้ครับคุณแม่”
“ฉันไม่เคยรู้จักคุณใช่ไหมคะ”
“ครับ...นี่ป็นครั้งแรกที่ผมมาที่นี่ เพื่อทำความรู้จักกับคุณแม่ของเอ็มมี่...เอ้อ...อิงธาร”
“ทำความรู้จักเหรอคะ”
“ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยมาที่นี่เลยตั้งแต่คบกับลูกสาวของคุณแม่ แต่ครั้งนี้ที่ผมมาก็เพราะว่า...ผมกับอิงธาร เราสองคนจะจดทะเบียนสมรสกันครับคุณแม่”
“หา!...วะ...ว่ายังไงนะคะ”
“เอ้อ...แม่คะ...”
อิงธารเองก็รู้สึกตกใจเมื่อเห็นมารดาของหล่อนมีสีหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อหูตัวเองที่ได้ยินคำพูดเมื่อครู่จากปากของชายแปลกหน้า แต่แล้วเอื้อมรักษ์กลับยกมือปรามบุตรสาวที่กำลังจะก้าวเข้าไปหา
“ดะ...เดี๋ยวนะอิง...ผู้ชายคนนี้...เอ้อ...วิคเตอร์ เป็นแฟนกับลูกจริง ๆ เหรอจ๊ะ แล้วเขาบอกแม่ว่าเขากำลังจะจดทะเบียนสมรสกับลูก...อย่างนั้นเหรอจ๊ะ”
“แม่คะ...อิงขอโทษค่ะแม่”
“โอ...อิงจ๋า...นี่ลูกกำลังจะมีครอบครัวแล้วจริง ๆ เหรอนี่ แม่ดีใจกับลูกด้วย”
การณ์กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่วิคเตอร์บอกกล่าวเป็นข่าวดีสำหรับเอื้อมรักษ์ที่ดึงอิงธารมากอดไว้แน่น หญิงสูงวัยหันกลับไปยังร่างสูงใหญ่และมองเขาด้วยแววตาปลื้มปริ่มยินดี
“โอ...นี่เป็นข่าวดีมากที่สุดเลยสำหรับฉันนะพ่อหนุ่ม แม่ต้องเรียกวิคซีนะถึงจะถูก ถ้าอย่างนั้นเข้าบ้านกันก่อนเถอะนะ”
เอื้อมรักษ์ดึงมือลูกสาวเข้าบ้านโดยวิคเตอร์เดินตามเข้าไปและเห็นว่าด้านในซึ่งเป็นห้องรับแขกตกแต่งด้วยของประดับแบบไทยดั้งเดิมดูแปลกตาอย่างยิ่งสำหรับเขา เพราะเดี๋ยวนี้เขาเห็นว่าบ้านเรือนของคนไทยเปลี่ยนไป มีความสมัยใหม่และน้อยนักที่จะเห็นบ้านในลักษณะนี้ นั่นคือการเก็บรักษาของเก่าไว้ และเขายังสังเกตเห็นการแต่งกายของเอื้อมรักษ์ มารดาของอิงธารแต่งตัวงดงามด้วยเสื้อผ้าแบบไทย ๆ ทั้งแสดงความมีน้ำใจด้วยรอยยิ้มโดยไม่ได้ตำหนิบุตรสาวเรื่องการแต่งงานอย่างกะทันหัน
“ฉันแค่ตกใจเท่านั้นล่ะค่ะว่า อิงเขาไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะอะไรรู้ไหมคะ เพราะว่า...เขาเป็นคนขี้อายมาก ชอบเก็บตัว จนผู้ชายไม่กล้ามาจีบ นี่ดีว่าเขาทำงานเป็นครู แม่ยังคิดเลยนะว่าวันหนึ่งเขาอาจจะมีแฟนเป็นครูด้วยกันเพราะแม่ล่ะหวงเหลือเกินว่าอิงจะขึ้นคานและอยู่คนเดียวไปจนแก่”
เอื้อมรักษ์เอ่ยขณะนั่งในห้องรับแขก อิงธารนำน้ำมาเสิร์ฟให้วิคเตอร์ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ เขาทั้งที่หล่อนอยากนั่งเก้าอี้อีกตัวต่างหาก ชายหนุ่มยกแก้วขึ้นจิบน้ำแล้วถามว่า
“ขึ้นคาน?...มันหมายความว่ายังไงครับคุณแม่”
“ก็โสดยังไงล่ะจ๊ะ...ใช้กับคนที่ไม่มีแฟน ไม่ได้แต่งงานจนแก่นั่นล่ะ ว่าแต่นี่ไปเจอกันที่ไหน ไม่เห็นอิงจะเล่าให้แม่ฟังบ้างเลย”
“เรื่องมันยาวมากครับ แล้วผมจะเล่าให้คุณแม่ฟัง เพราะการพบกันของเราสองคนมันโรแมนติกมาก”
โกหกหน้าด้านๆ...อิงธารนึกในใจ ยิ่งฟังก็ยิ่งหมั่นไส้ หล่อนอยากหยิกแขนเขาให้เขียวแล้วไล่ออกจากบ้านถ้าไม่ติดปัญหาเรื่องพี่สาว ยิ่งคิดก็ยิ่งอึดอัดเพราะหล่อนทำอะไรเขาไม่ได้เลย ปัญหาใหญ่ของอิงอรกลายเป็นโซ่รัดตัวหล่อนยากที่จะแก้ ร่างแน่งน้อยจำต้องนั่งอย่างเงียบงัน หล่อนอยากตะโกนออกมาดัง ๆ ให้มารดาได้ยินว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่วิคเตอร์โกหก ทั้งที่เขาเป็นจอมอสูร เป็นซาตานร้าย แต่หญิงสาวกลับพบความน่าประหลาดใจที่มารดาไม่ได้แสดงออกเลยว่ารับไม่ได้กับการแต่งงานฟ้าแลบของลูกสาวคนเล็ก ตรงข้ามเอื้อมรักษ์ดูมีความสุขอย่างไม่น่าเชื่อ
“ไม่เป็นไรพ่อวิค...ค่อยเล่าให้แม่ฟังก็ได้ ว่าแต่นี่จะจดทะเบียนสมรสกันเมื่อไหร่”
“ก็คงไม่เกินสัปดาห์นี้ล่ะครับเพราะว่าผมต้องให้บริษัทที่รับจัดการเรื่องนี้ดำเนินการให้ ขอรับรองเลยนะครับว่าผมรักลูกสาวของคุณแม่ด้วยความจริงใจ ไม่มีการหลอกลวงและทำให้เอ็มมี่เสียใจอย่างเด็ดขาด คุณแม่คงไม่โกรธเราสองคนหรอกนะครับ”
พูดจบเขาก็ดึงมืออิงธารไปจับไว้แน่น เอื้อมรักษ์มองภาพนั้นด้วยความตื้นตันหัวใจ
©©©©©©©©
บทที่ 9
“แม่ไม่ตำหนิหรอกค่ะ บอกแล้วยังไงล่ะคะว่าแม่ดีใจมากที่อิงจะมีคนดี ๆ มาคอยดูแล เพราะแม่กลัวว่าเขาต้องอยู่คนเดียวไปจนแก่ พ่อของอิงก็เสียไปนานแล้ว และถึงเขาจะมีพี่สาวแต่ก็แทบไม่ได้พบหน้ากันเพราะพี่สาวของอิงน่ะไม่กลับบ้านมาจะเกือบปีแล้ว”
“พี่สาวของเอ็มมี่ไม่ติดต่อกลับมาเลยอย่างนั้นหรือครับ?”
“ก่อนหน้านี้สักสามสี่เดือนอรก็โทรมาบ้างค่ะ ส่งเงินมาให้แล้วหายไป”