งานศพเมลานีผ่านพ้นไป องอาจก็พากลิ่นเกสรเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์พันล้าน ตาของกลิ่นเกสรลุกวาวเมื่อเห็นว่าภายในหรูหราโอ่อ่าแค่ไหน วาสนาอีเกสรของแท้!
"เดี๋ยวผมต้องเข้าไปทำธุระที่บริษัท คุณอยู่คนเดียวไปก่อนนะ อยากได้อะไรก็สั่งคนใช้เอา"
"รีบไปรีบมานะคะ สรไม่อยากอยู่คนเดียว ไม่รู้ว่าอีพวกคนใช้ของเมียเก่าคุณจะรังแกอะไรสรรึเปล่า เดือนหน้าก็ถึงกำหนดคลอดแล้วด้วย"
"ถ้าใครกล้ากลั่นแกล้งกลิ่นเกสรแม้แต่นิดเดียว ฉันจะไล่ออกให้หมด" องอาจเอ่ยเสียงกร้าว ทำเอาเหล่าคนใช้กลัวจนหัวหดไปตามๆ กัน แม้จะยังอาลัยคุณผู้หญิงคนเก่าอยู่
"ไปหาอะไรมาให้ฉันกินหน่อยซิ ฉันหิว" หลังอจอาจเดินออกไปได้ไม่เท่าไหร่ กลิ่นเกสรก็จิกหัวใช้บ่าวไพร่ทันที
"คุณผู้หญิงอยากกินอะไรคะ ดิฉันจะได้ทำมาให้ถูก"
"อะไรก็ได้ที่แพงๆ"
"งั้นรอสักครู่นะคะ"
"เร็วๆ ล่ะ ไม่งั้นฉันฟ้องคุณองอาจแน่ว่าพวกแกจงใจให้ฉันรอนาน"
ระหว่างรอสาวใช้เอาของกินมาเสิร์ฟ กลิ่นเกสรก็ได้กวาดตามองไปรอบๆ ตัวคฤหาสน์ด้วยสายตาลุกวาวอีกครั้ง กลิ่นคนรวยมันหอมหวานจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมองอาจถึงเลือกที่จะแต่งงานกับให้เมลานีแล้วปล่อยให้เธออดทนรอมาเกือบแปดปีเต็ม
"ต่อไปนี้ทุกอย่างก็เป็นของเราแล้วนะลูก" กลิ่นเกสรเอ่ยพลางลูบหน้าท้องกลมนูน
"คุณน้าเป็นใครน่ะ เข้ามาในบ้านเซียได้ยังไง"
"ทำไมแกไม่ตายๆ ไปพร้อมกับแม่แกให้มันรู้แล้วรู้รอด" กลิ่นเกสรพึมพำ "ฉันก็เป็นเมียใหม่พ่อแกน่ะสิ"
"ไม่จริง! คุณพ่อมีคุณแม่คนเดียว"
"แม่แกมันตายไปแล้ว ตอนนี้คงกำลังชดใช้เวรกรรมอยู่ในนรกอยู่ สมน้ำหน้า! อยากแย่งผัวคนอื่นดีนัก แล้วแกเห็นอะไรนี้มั้ย" กลิ่นเกสรยกมือขึ้นมาลูบหน้าท้องอย่างทนุถนอม ก่อนเอ่ย "ในนี้มีลูกใหม่ของพ่อแกอยู่ แกเตรียมตัวเป็นหมาหัวเน่าได้เลย"
"คุณน้าขี้ตู่ อึไม่ออกก็บอกมาเถอะ ชิ!"
"อีเด็กเปรต! มึงว่าใครขี้ไม่ออกฮะ!" กลิ่นเกสรยัวะจัดกระชากลำแขนเล็กแล้วเขย่าแรงๆ
งั่ม! เฟลิเซียเลยเอาคืนด้วยการกัดเข้าที่แขนของกลิ่นเกสรเต็มเขี้ยว
"โอ้ย!" กลิ่นเกสรร้องลั่นก่อนจะผลักเด็กหญิงกระเด็น
"ว้าย! ตายแล้วคุณหนูเป็นอะไรมากรึเปล่าคะ"
"พี่อิ่ม น้องเซียเจ็บ คุณน้าคนนี้เค้าทำเซียแถมยังขี้ตู่ว่ามีน้องใหม่กับคุณพ่ออีก พี่อิ่มไล่เค้าไปหน่อยได้มั้ยคะ"
"เอ่อ..." อิ่มอึกอัก สงสารก็สงสารแต่ก็ช่วยอะไรคุณหนูตัวน้อยไม่ได้
กลิ่นเกสรเห็นว่ารอยกัดมีเลือดซึมออกมาก็โกรธจัด "คอยดูเถอะฉันจะฟ้องให้พ่อแกเอาเลือดหัวแกออก ไม่สิ ฉ้นว่าฉันไล่แกออกจากบ้านไปเลยดีกว่า ยังไงพ่อแกก็ไม่เอาแกอยู่แล้ว...นังอิ่ม"
"ขาคุณเกสร"
"ลากมันออกจากบ้านแล้วก็ปิดประตูอย่าให้มันเข้ามา"
"ไม่เกินไปหน่อยเหรอคะคุณเกสร คุณหนูอายุแค่เจ็ดขวบเองนะคะ"
"แกอยากโดนไล่ออกมาสินะ"
อิ่มไม่มีทางเลือก ถ้าโดนไล่ออกขึ้นมาแล้วต่อไปจะเอาเงินที่ไหนส่งให้พ่อแม่ที่ต่างจังหวัด งานสมัยนี้ก็ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ พี่เลี้ยงสาวจำใจพาคุณหนูออกมาทิ้งที่ไว้ที่หน้าบ้าน
"พี่อิ่มน้องเซียกลัว" เฟลิเซียน้ำตาคลอเบ้า ถึงจะอายุแค่เจ็ดขวบแต่ก็เข้าใจแล้วการถูกทิ้งคืออะไร
"ไม่ต้องกลัวนะคะ เดี๋ยวพี่อิ่มโทรเรียกคุณดารินทร์ให้มารับ"
ด้านดารินทร์พอรู้ข่าวก็รีบมารับเฟลิเซียไปอยู่ที่บ้าน เด็กน้อยซึมลงไปถนัดตาจากที่เคยสดใสร่าเริงสมวัย
@ภายในรถ
"ไว้กลับถึงบ้าน คุณป้าจะทำสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าให้กินนะคะ" หันไปบอกเด็กหญิงที่นั่งข้างๆ วันนี้นิรุตไม่ว่างดารินทร์เลยมากับคนขับรถ
"น้องเซียไม่หิวค่ะ น้องเซียอยากไปหาคุณแม่ คุณป้าพาน้องเซียไปหน่อยได้มั้ยคะ"
"โธ่ น้องเซียของป้า" ดารินทร์สงสารเด็กหญิงจับใจ ทำได้เพียงแค่อุ้มเจ้าตัวมานั่งตักแล้วกอดแน่นๆ
"ฮือๆๆ น้องเซียคิดถึงคุณแม่" น้ำตาเม็ดเล็กพรั่งพรูนนเสื้อดารินทร์เปียกชุ่ม กว่าคนขับรถจะพามาถึงบ้านเจ้าตัวเล็กก็หลับคาตักเธอไปแล้ว
"อ้าว นี่คุณไปรับน้องเซียมาเหรอ" นิรุตเห็นภรรยาอุ้มเด็กหญิงเข้ามาก็แปลกใจ แต่ก็รีบเข้าไปรับแล้วว่าร่างเล็กลงบนโซฟาอย่างเบามือ
"ค่ะ พี่เลี้ยงน้องเซียโทรมาบอกว่าเมียใหม่ของคุณองอาจไล่น้องเซียออกจากบ้าน"
"ไล่เด็กเจ็ดขวบเนี่ยนะ?" นิรุตถามกลับอย่างอึ้งๆ
"ค่ะ ไม่รู้จิตใจทำด้วยอะไร สงสารก็แต่น้องเซีย"
"ชาร์ล"
"ครับ"
"อยู่เป็นเพื่อนน้องก่อนนะลูก แม่มีเรื่องปรึกษากับคุณพ่อ" ถ้าทางนู้นไม่ต้องการเฟลิเซียจริงๆ ดารินทร์ก็คิดว่าจะรับเฟลิเซียเป็นลูกบุญธรรม ไหนๆ เธอกับนิรุตก็ไม่มีลูกสาวกันอยู่แล้ว ได้เฟลิเซียมาเป็นลูกอีกคนก็คงดีไม่น้อย
ตัดมาที่องอาจเมื่อกลับมาถึงบ้านก็ถามหาเฟลิเซียเป็นอย่างแรก
"ฉันถามว่าเฟลิเซียอยู่ไหน" ไม่มีคนใช้คนไหนกล้าตอบ
"คุณถามนังเด็กนั่นทำไมคะ" กลิ่นเกสรไม่พอใจเท่าไหร่ แทนที่กลับมาองอาจจะถามหาเธอกับลูกเป็นคนแรก
"พูดแบบนี้คุณรู้ใช่มั้ยว่าเฟลิเซียอยู่ไหน"
"ฉันไล่มันออกจากบ้านไปแล้ว"
"นี่ทำบ้าอะไรของคุณฮะเกสร!" องอาจตะคอก
"เกิดรักลูกเมียเก่าขึ้นมาอะไรตอนนี้คะ เมื่อก่อนสรก็ไม่เคยเห็นว่าคุณจะดูดำดูดีมัน"
"เมื่อก่อนอาจจะไม่ แต่ต่อจากนี้ผมคงไม่ดูดำดูดีเฟลิเซียไม่ได้แล้ว"
"ทำไมคะ"
"เมลานีเขียนพินัยกรรมยกทรัพย์สินทุกอย่างแม้กระทั่งหุ้นของบริษัทให้เฟลิเซียคนเดียว ผมไม่ได้อะไรสักอย่าง" องอาจเอ่ยอย่างหัวเสีย ที่ออกไปบริษัทเมื่อกี้เขาออกไปคุยกับทนายมา
"เป็นไปยังไง คุณจดทะเบียนสมรสกับมันไม่ใช่เหรอ"
"ทรัพย์สินทุกอย่างเป็นของเมลานีมาตั้งแต่แรกก่อนที่เราจะแต่งงานกัน"
"ไหนคุณบอกว่ามันรักคุณนักหนาแล้วทำไมมันถึงไม่ให้อะไรคุณสักอย่างเลย" กลิ่นเกสรเริ่มนั่งไม่ติด ทรัพย์สมบัติมหาศาลกำลังจะหายวับไปกับตา
"ผมจะไปรู้เหรอก็มัวแต่อยู่กับคุณทั้งวันทั้งคืน"
"นี่คุณโทษฉันเหรอ"
"เปล่า แล้วคุณจะบอกผมได้รึยังว่าเฟลิเซียอยู่ที่ไหน"
"ไปถามนังอิ่มสิคะ ฉันสั่งให้มันเป็นคนพาลูกสาวคุณไปทิ้ง"